The king of War

บทที่ 241 ก็แค่เกาะผู้หญิงกิน



บทที่ 241 ก็แค่เกาะผู้หญิงกิน

และซูซานก็เอาแต่อยู่กับชายหนุ่มคนนี้

ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการตายของเฉินถึงสิ้น เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนั้น แต่เขาก็เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด

“พ่อ หนูโตแล้วนะ จะอยู่กับใครก็เรื่องของหนู!”

ซูซานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “อีกอย่าง การตายของเฉินอิงจ ริ้น ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราสักนิด!”

เธอเดาได้ตั้งนานแล้วว่าหยางเฉินจะต้องโดนสงสัย แต่คิดไม่ถึงว่า คนที่สงสัยเป็นคนแรก จะเป็นซูเฉิง “หน้าไม่อาย แกพูดว่าอะไรนะ”

ซูเฉิงอู่พูดอย่างโมโหว่า “แกรอฉันก่อนเถอะ ฉันจะไปเมืองโจ วเฉิง เมื่อถึงตอนนั้น แกต้องไปอธิบายกับตระกูลเฉินให้ กระจ่าง!”

ไม่รอให้ซูซานได้ตอบอะไร ซูเฉิงอู่ก็ตัดสายทันที

ถึงตระกูลซูกับตระกูลเฉินจะไม่ได้อยู่เมืองเดียวกัน แต่หลายปี มานี้ ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือ ประคับประคองซึ่งกันและกัน ถ้า ไม่มีตระกูลเฉิน ตระกูลซูคงไม่สามารถเป็นตระกูลร่ำรวยในเจียง โจวได้

แน่นอนว่าถ้าไม่มีตระกูลซู ตระกูลเฉินก็ไม่สามารถเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ ที่มีชื่อเสียง ในเมือง โจวเจ๋งได้

เรียกได้ว่า ตระกูลเฉินกับตระกูลซูต้องพึ่งพาอาศัยกัน ถ้า แตกหักกันเมื่อไร ก็จะส่งผลกระทบกับตระกูลใดตระกูลหนึ่ง อย่างมหาศาล

และเพราะเหตุนี้ ตระกูลซูกับตระกูลเฉินถึงจัดงานแต่งขึ้น เพื่อ

ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

มีคนไม่อยากเห็นภาพนี้ จึงแอบลงมือกับซูซานอย่างเงียบๆ แน่นอนว่า เฉินอิงจนก็เจอกับการลอบฆ่า

เมื่อฟังเสียงสัญญาณที่ดังออกจากมือถือ ซูซานดวงตาแดงก่ำ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

กลับกัน คนที่อยู่ห้องข้างๆ อย่างหยางเฉิน เพิ่งคุยกับภรรยา

และลูกสาว รอยยิ้มแห่งความสุขประดับตรงมุมปากของเขา

“อืม ไม่เลว หล่อมาก!”

หยางเฉินสวมชุดทางการแบรนด์อาร์มานี่ทั้งตัว เขามองตัว เองในกระจกอย่างพอใจ “แบบนี้ คงไม่ทำให้เสียวขายหน้า แล้วสินะ”

ตระกูลโจวอยู่ที่อำเภอฉางซาน ก็แค่ตระกูลธรรมดาๆ ตระกูล หนึ่ง

เพราะความสัมพันธ์กับตระกูลเจิ้ง เลยทำให้พวกเขาเป็น ตระกูลที่มีชื่อเสียงในพื้นที่
ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลโจว มีแค่สามพี่น้อง พี่คนโตคือโจ วอวี้เจี๋ย พี่สาวคือโจวย ส่วนน้องสาวคนเล็กคือโจว ทรง

จนกระทั่งมาถึงรุ่นที่สาม โจวซียมีลูกสาวสองคน โจว ทรง มีลูกสาวเพียงคนเดียวคือเจิ้งเหม่ยหลิง โจวเจียมีลูกชายเพียง คนเดียว ซึ่งก็คือโจรข่าย

สําหรับนายท่านตระกูลโจวที่เคร่งเรื่องประเพณี โจรข่ายคือ อนาคตของตระกูลโจว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าการแต่งงานของโจว ข่ายในวันนี้ เขามีความสุขมากแค่ไหน

งานแต่งของโจรข่าย จัดขึ้นที่สถานที่ท่องเที่ยวชนบทขนาด ใหญ่ในอำเภอ

คนในตระกูลโจวใส่ชุดพิธีการมาถึงสถานที่ท่องเที่ยวชนบท

ตั้งแต่เช้า ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่คนที่โดดเด่นที่สุดคือฉันกับฉินซีที่ยืนอยู่ด้วยกัน และยังมี เสี้ยวเสี้ยวด้วย

ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สาวงามยังคงเป็นทัศนียภาพที่สวยงามที่สุด “เสี่ยว พวกเธอมองอะไรน่ะ

โจวอทรงรู้แล้วยังแกล้งถาม ความเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของเขา

ไม่รอให้ฉันได้พูดอะไร ฉันรีบชิงพูดประชดไปก่อน “หนูว่า คุณน้านั่นแหละที่มองอะไรอยู่ รอใครอยู่เหรอ สามีของน้าหรือ เปล่า”
ฉันรู้ดีว่าโจวอทรงปากคอเราะราย ตอนนี้รอบๆ มีแต่แขก ที่มาร่วมงาน โจว ทรงคันปาก เธออยากพูดเรื่องหยางเฉินมาก

โจวอวี้หรงไม่ได้โกรธ เธอหัวเราะห์ที่แล้วพูดว่า “เสี่ยว เธอก็ อายุไม่น้อยแล้ว ทำไมยังไม่หาแฟนล่ะ ไม่งั้นเธอลองมองดูแถวๆ นี้ ชอบหนุ่มคนไหน น่าจะเป็นแม่สื่อให้ดีไหม”

คำพูดที่เธอพูดออกมา ดึงดูดความสนใจของคนรอบๆ

ฉันเป็นคนสวย อย่าว่าแต่ในอำเภอเล็กๆ เลย ทั้งจิ๋วโจว มี ผู้ชายตั้งมากมาย ที่อยากแต่งงานกับเธอ

แต่โจวอวี้หรงจงใจพูดว่าฉันมีอายุไม่น้อย แถมยังพูดว่าจะ เป็นแม่สื่อให้เธอ พูดเหมือนไม่มีใครต้องการฉันอย่างไรอย่าง

พวกคนแก่ที่โสด มองฉันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

ใบหน้าของฉันฉายแววโกรธ รอบๆ มีแขกเต็มไปหมด เธอ จึงไม่กล้าโมโห

“คุณน้า หนูได้ยินมาว่าคุณน้าแยกบ้านอยู่กับสามีแล้วเหรอคะ คงไม่ใช่เพราะสามีของคุณน้าแอบไปมีกิ๊กข้างนอกใช่ไหม หนู แค่ได้ยินมาว่า ถ้าผู้ชายแยกบ้านกันอยู่กับผู้หญิง มีโอกาสเป็น ไปได้ที่จะมีกิ๊ก”

ฉันยีพูดคำที่ฟังแล้วตกตะลึงออกมา จนทำให้ทุกคนอึ้งไป

เมื่อวานที่ตระกูลโจว เจิ้งหยันสามีของน้าอยู่เพียงครู่เดียว เขา รับสายแล้วก็ออกไป
ตอนนั้นฉันอยู่ข้างๆ เจิ้งหยัน เธอได้ยินเสียงผู้หญิง ถึงจะไม่รู้ ว่าพูดอะไร แต่เธอได้ยินอีกฝ่ายเรียกเจิ้งหยันว่า “ที่รัก”

เพราะฉะนั้นฉันไม่ได้พูดมั่ว เธอแค่กำลังบรรยายความจริง

โจว ทรงยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น

เพราะเธอรู้เรื่องที่เพิ่งหยันมีผู้หญิงคนอื่นข้างนอก

สองสามีภรรยาทะเลาะกันเรื่องหย่ามาหนึ่งปีแล้ว แต่โจวอวี้ห รงไม่ยอม

ยื่อมาถึงตอนนี้ เจิ้งหยันยิ่งกล้าและไม่มีความละอายใจ เขาไม่ กลับบ้านตอนกลางคืน ถึงจะกลับบ้าน แต่ก็ยังคุยโทรศัพท์กับคน รักต่อหน้าต่อตาโจวอทรง

“ไร้สาระ!”

โจวอวี้หรงตวาดออกมา เธอพูดอย่างโมโหว่า “มิน่าล่ะ จนถึง ตอนนี้เธอยังหาคู่ครองไม่ได้ คนที่ไม่เห็นผู้อาวุโสอยู่ในสายตา แบบเธอ ผู้ชายคนไหนอยากแต่งงานด้วยล่ะ

“โจวซุย เธอสอนลูกสาวแบบนี้เหรอ ดูลูกเธอพูดเข้าสิ “พ่อ ช่วยหนูด้วย ดูหลานสาวของพ่อ พูดกับคนที่แก่กว่าสิ

โจวอวี้หรงพูดอย่างโมโห

คนรอบๆ เหมือนกำลังดูละครอยู่อย่างไรอย่างนั้น ไม่มีใคร กล้าเข้ามายุ่ง เพราะเป็นเรื่องในตระกูลโจว คนนอกไม่มีสิทธิ์ เข้าไปพูดอะไร
“หุบปาก!”

นายท่านตระกูลโจวแผดเสียงออกมาอย่างโมโห อารมณ์ดี

เมื่อครู่ ถูกโจวอทรงทำลายจนหมด เขาพูดอย่างโมโหง่า “เธอไม่เบื่อเหรอ ที่ทําแต่เรื่องขายหน้า ถ้ายังโวยวายอีก ก็

ใสหัวออกไปซะ!”

นายท่านตระกูลโจวมีอำนาจที่สุดในตระกูล เขาตวาดออกมา จนโจวอวี้หรงรีบหุบปาก

ฉันมองเธออย่างเย็นชา ฉันกำลังจะพูด แต่โดนฉิน รั้งไว้ ก่อน “เสี่ยว อย่าไปทะเลาะกับเขา

ขณะนั้น ชายในชุดทางการสีเข้ม ค่อยๆ เดินเข้ามา “หนุ่มจากบ้านไหนกัน หน้าตาดีเหลือเกิน แต่งงานหรือยังนะ”

“เจ้าหนุ่มนี้น่าจะเป็นทหาร ดูรูปร่างเขาสง่ามาก ถ้าอยู่ใน เครื่องแบบทหาร คงเท่กว่านี้แน่นอน!!

เสื้อผ้าบนตัวของเขา เหมือนจะเป็นแบรนด์อาร์มานี่หรือเปล่า ได้ยินว่าชุดหนึ่งหลายหมื่นเชียวนะ

แขกในงานมองชายหนุ่มที่อยู่ในชุดแบรนด์อาร์มานี่

“นั่นพี่เขยเหรอ”

ฉันขยี้ตา และมองคนที่กำลังเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าตกใจ
ฉันก็ทําอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอดูอึ้งไป

“พ่อ!”

เสี้ยวเสี่ยวจําหยางเฉินได้ เธอรีบวิ่งเข้าไปอย่างดีใจ และโผ เข้าหาหยางเฉิน

วันนี้หยางเฉิน อยู่ในชุดแบรนด์อาร์มานี่ พร้อมจัดแต่งทรงผม มาด้วย

เขาเหมือนคุณชายใหญ่ตระกูลไฮโซ บนตัวเขามีอำนาจแผ่

ออกมา ถ้าคนไม่รู้ คงนึกว่าดาราที่ไหน

“พี่เขยจริงๆ ด้วย!”

หลังจากที่หยางเฉันเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาของฉันเป็น ประกาย

“คิดไม่ถึงว่านายจะหล่อขนาดนี้!

รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน เธอควงแขน หยางเฉินต่อหน้าทุกคน

“แต่งตัวดีไปก็ไร้ประโยชน์ ก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านผู้ หญิง ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ทำเป็นแต่เกาะผู้หญิงเท่านั้น!

จู่ๆ ก็มีเสียงที่ไม่เหมาะกับกาลเทศะดังขึ้น

เป็นโจวอวี้หรงที่เพิ่งทะเลาะกับฉินเมื่อกี้ เธอแสยะยิ้มและพูด ออกมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ