The king of War

บทที่ 412 คุณอย่าเสียใจทีหลัง



บทที่ 412 คุณอย่าเสียใจทีหลัง

ปรมาจารย์หงสีหน้าหยิ่งผยอง ยืนนิ่งมองดูหานเดี่ยวเทียน อย่างดูถูก “นี่คือศักยภาพของยอดฝีมือระดับสุดยอดของตระกูล เจียงแล้วหรือ? อ่อนแอเหลือเกิน!

“คุณอย่าจองหองเกินไป ผมยอมรับว่าไม่มียอดฝีมือในตระกูล หานที่สามารถออกโรงได้ แต่ในเจียงผึ้งของพวกเรา คุณหยาง ต่างหากที่แข็งแกร่งที่สุด!

ใบหน้าของทานเซียวเทียนแดง ขู่คำรามเสียงทุ้ม

เฉินซิงไห่ก็โกรธมากเช่นกัน เขากัดฟันพูดว่า “พวกคุณไม่รู้

หรอกว่าคุณหยางเป็นอย่างไร! “นี่คือโฉมหน้าของผู้นำของตระกูลมั่งคั่งชั้นนำในเจียงยิ่งใช่

หรือไม่?”

“ในเมื่อพ่ายแพ้แล้ว ก็ควรยอมรับความจริง อย่ามาโอ้อวดที่

“ราชาเจียงผึ้งของพวกคุณ เกรงว่าจะกลัวจนไม่กล้ามาแล้วล่ะ มั้ง?”

บรรดาผู้นำของตระกูลมั่งคั่งในหนันยังกล่าวอย่างประชด ประชัน

หานเดี่ยวเทียนและเฉินซิงไม่ถูกคนเป็นหมื่นเป็นพันหน้าด่ากราด สีหน้าย่ำแย่จนถึงขีดสุด

“เจ้าบ้านหาน ผมก็รู้เช่นกันว่า ตอนนี้คุณคงไม่เต็มใจที่จะยอม จํานนต่อผม”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันอย่างลูก ผู้ชายล่ะ?”

จู่ๆ กว่างจื้อก็เอ่ยปากพูดขึ้น

หานเซียวเทียนพ่นลมหายใจออกมา “คุณจะพูดอะไรก็พูดมา ตรงๆ เถอะ อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ!”

จูกว่างจื้อไม่ได้โกรธ เขายิ้มออกมา “เอาล่ะ พวกเราตระกูล มั่งคั่งจากสองมณฑล จะร่วมมือกันจัดการกับสมาคมบูโดก่อน

“ถ้าคนของผมจัดการกับสมาคมบูโดแล้ว ต่อจากนี้ไป ตระกูล จูของผมจะได้รับความเคารพจากเจียงผิงและหนันยัง!

“แน่นอน ถ้าคนของเจียงผิงเป็นคนจัดการกับสมาคมบูโดได้ ต่อจากนี้ไปทั้งสองมณฑลจะขึ้นอยู่กับคุณ คุณคิดอย่างไร?

จูกว่างจื้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าเขาต้องการจัดการกับหานเดี่ยวเทียนและเฉินซิงไห่ใน ตอนนี้เหลือเกิน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต แต่งานต่อสู้ที่ สมาคมบูโดจัดกำลังจะมาถึงแล้ว

ในเวลานี้ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีความขัดแย้งภายใน ระหว่างสองมณฑล ตรงกันข้ามมันจะกลายเป็นอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ของงานต่อสู้

หมายความว่า ขอเพียงทำให้เจียงผิงสงบเรียบร้อย จึงจะร่วม กันต่อสู้กับศัตรูได้

“ตกลง ผมสัญญา!”

หานเยี่ยวเทียนยิ้มเยาะ “แต่หวังว่าพอถึงตอนนั้นคุณจะไม่

เสียใจทีหลังนะ!”

“ฮาฮา!”

จูกว่างจื้อหัวเราะลั่น “บนโลกใบนี้ ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ กว่างจื้อต้องเสียใจทีหลัง

“พอถึงวันที่ 15 สิงหาคมที่มีงานต่อสู้ พวกเราทั้งคู่จะส่งคน ของตัวเองออกไปก่อน การต่อสู้แบบเวียนเทียนจะใช้กำลังของ สมาคมบูโดไปเรื่อยๆ”

“หลังจากที่เราเจาะลึกถึงภูมิหลังของสมาคมบูโดแล้ว พวกเรา จะส่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเราออกไป สังหารยอดฝีมือของสมา คมบูโดได้ในกระบวนท่าเดียว คุณคิดอย่างไร?”

จูกว่างจื้อคิดแผนรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“ไม่มีปัญหาแน่นอน เกรงว่ายอดฝีมือของตระกูลจูจะมีทักษะสู้ คนอื่นไม่ได้ ตรงกันข้ามจะเป็นตัวถ่วงให้เจียงผิงอีก!”

หานเดี่ยวเทียนพูดเยาะเย้ย

“รอให้คนของตระกูลหานสามารถเอาชนะปรมาจารย์หงได้คุณค่อยมาคุยโม้แบบนี้ก็ได้

จูกวางจื้อทําเสียงฮึดฮัด

“จําเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เชียวหรือ?”

“พอถึงงานต่อสู้ ผมลงสนามครั้งแรก ไม่สนหรอกว่ายอดฝีมือ ที่สมาคมบูโดส่งมาคือใคร ฆ่าไปเลยก็พอ จำเป็นต้องยุ่งยาก ขนาดนั้นด้วยเหรอ?”

“ยอดฝีมือแห่งสมาคมบูโด ผมจะฆ่าพวกเขาเหมือนหมา

ปรมาจารย์หงลุกขึ้นยืนขึ้น แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้ทุกคนตกใจ ทุกคนมอง ปรมาจารย์หงด้วยความเลื่อมใส

“สมกับที่เป็นปรมาจารย์หง ลำพังความจองหองนี้ จะมีใคร

เทียบได้อีก?”

“ปรมาจารย์หงออกโรง ใครจะกล้าสู้?”

ทุกคนพากันประจบสอพลอ

“ปัง!”

ในเวลานี้ เสียงดังสนั่นขึ้น ประตูใหญ่ของห้องประชุมถูกคน ถีบเปิดออกอย่างกะทันหัน

“ใครน่ะ?”

ทุกคนพากันลุกขึ้นยืน มองไปที่ประตูห้องประชุมด้วยสีหน้าตกใจ มีเงาร่างชายวัยกลางคนอยู่ตรงนั้น

เขายืนอยู่ที่นั่นราวกับเทพแห่งความตาย พลังสังหารอย่างแรง กล้าแผ่ซ่านทั่วทั้งร่างกาย

“คุณบอกว่า จะฆ่ายอดฝีมือของสมาคมบูโดของเราให้เหมือน เป็นผักปลา ใช่ไหม?

เสียงแหบแห้งค่อยๆ ออกมาจากปากของเงาร่างที่อยู่ตรง

ประตู

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง แววตาจับจ้องไปที่ร่างชายวัย กลางคนที่ประตู

คําพูดของอีกฝ่าย ได้แสดงตัวตนของเขาออกมา

เขาเป็นคนของสมาคมโด

“นี่คือตระกูลของผม คุณเข้ามาได้ยังไง?

หลังจากซะงักงันไปชั่วครู่ กว่างจื้อก็ตำหนิด้วยสีหน้าโกรธ เคือง

“ก็แค่ตระกูลเท่านั้น สำหรับผมจางเหิง อยากมาก็มา อยาก ไปก็ไป จะยากอะไร?”

ที่แท้ชายวัยกลางคนมีชื่อว่าจางเหิง เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออก มา พวกลูกพี่ใหญ่จำนวนมากที่อยู่ในที่นี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป อย่างมาก

“อะไรนะ? เขาน่ะหรือคือจางเหิง!”
“จางเหิงคือใคร?”

“แม้แต่จางเหิงคุณก็ไม่รู้จักเหรอ? เขาเป็นลูกศิษย์ใหญ่ของ หนิวเกนหุย ยอดฝีมือที่มีความสามารถอยู่ในอันดับที่เก้าในสมา คมบูโด”

บางคนรู้จักชื่อของจางเหิง บางคนก็ไม่แน่ใจ ไม่นานภายใน ห้องโถงก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมา

พวกเขาทั้งหมดรู้ว่า ในวันที่ 15 สิงหาคมสมาคมบูโดจะจัด งานต่อสู้ระหว่างเจียงผึ้งและหนันยังสองมณฑล ในเวลานั้นคนที่ ลงสนาม มีแนวโน้มมากว่าจะเป็นหนิวเป็นหุยที่มีความสามารถ อยู่ในอันดับที่เก้าของสมาคมบูโด

ตอนนี้พวกเขากำลังประชุมปรึกษากันถึงวิธีจัดการกับสมาคม บูโด สุดท้ายลูกศิษย์ของหนิวเกนหุยก็เข้ามา

“คุณมาที่ตระกูลของผม มีธุระอะไร?”

กว่างจื้อเชิดหน้าถามอย่างเย็นชา

ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือตระกูล ถ้าเขาไม่ลุกออกมาในตอนนี้ ใน อนาคตจะควบคุมสองมณฑลใหญ่อย่างหนันยังและเจียงผิงได้ อย่างไร

“อาจารย์ของผมให้ผมมาบอกพวกคุณว่า ไม่ว่าพวกคุณจะ เล่นกลยุทธ์อะไร เขาจะรับมือได้ทั้งหมด

จางเหิงพูดด้วยสีหน้าจองหอง “แน่นอน ต่อให้พวกคุณไป ค้นหายอดฝีมือที่มีชื่อเสียง ก็ไม่เป็นไร!”
“ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากจะเตือนทุกท่าน ในที่นี้ด้วยว่า หากยินดีลุกออกมายืนอยู่ข้างพวกเราในเวลานี้ หลังจากงาน ต่อสู้สิ้นสุดลง พวกเรายินดีประคับประคองตระกูลของพวกคุณ มาช่วยพวกเราดูแลหนันยังไปด้วยกัน

“ถ้าไม่มีใครยินดีก้าวออกมายืนอยู่ข้างพวกเรา ก็ไม่เป็นไร ด้วยศักยภาพของสมาคมบูโดของเรา แม้จะเป็นตระกูลที่กำลัง อยู่ในช่วงตกต่ำ ขอเพียงพวกเราต้องการ เขาก็จะได้ควบคุมดู แลหนันยัง”

“ตอนนี้ จะให้เวลาพวกคุณคิดทบทวนห้านาที ว่าต้องการยืน

อยู่ข้างพวกเราหรือไม่?”

พูดจบ จางเหิงก็ดึงเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งตามอำเภอใจ แล้วนั่ง ลงตรงกลางห้องประชุมอย่างสง่างาม มองดูผู้คนด้วยสีหน้า สนุกสนาน

ชั่วขณะหนึ่ง ผู้นำของตระกูลใหญ่ทั้งหมด ในที่นี้ต่างรู้สึก

กระวนกระวายใจ

จูกว่างจื้อและหานเซี่ยวเทียนลูกพี่ใหญ่ที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุด กลับมีสีหน้าเคร่งขรึม

พวกเขารู้ดีว่าจางเหิงจะปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่า เป็นการมาเพิ่มความกดดันให้กับการประชุมปรึกษาของพวกเขา

ครั้งนี้ ถึงอย่างไรสิ่งที่ตระกูลมั่งคั่งในหนันยังและเจียงผิงสอง มณฑลต้องเผชิญนั่นคือสมาคมบูโด
แม้แต่แปดตระกูลแห่งเยี่ยนก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินง่ายๆ

แม้ว่าเจ้าภาพในครั้งนี้จะเป็นเพียงสาขาของสมาคมบูโดใน เจียงผึ้ง แต่คนของเจ้าภาพนั้นมาจากสำนักงานใหญ่ของสมาคม บูโด แล้วยังเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถอยู่ในอันดับที่เก้าอีก ด้วย

เป็นสัตว์ขนาดใหญ่มหึมาสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน ผู้นำตระกูลมั่งคั่งในหนันยังมากมาย ยังมีสีหน้าต่อสู้ดิ้นรน ต้องยอมรับว่าข้อเสนอของจางเหิงดึงดูดพวกเขามาก

ในเวลานี้หากเข้าแถวที่สมาคมบูโด ทันทีสมาคมบูโดชนะ ตระกูลของพวกเขาอาจจะกระโดดขึ้นเป็นตระกูลชั้นนำในหนัน

หลายคนรู้สึกหวั่นไหว แต่ก็ไม่มีคนลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก ทุก คนต่างเฝ้ารอผู้อาสาเข้าแถวคนแรก

จูกว่างจื้อย่อมกระจ่างในประเด็นนี้เช่นกัน เขาแจ่มแจ้งอยู่ใน ใจ หากช้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เขาเอ่ยปากพูดทันทีว่า “ผม ขอแนะนำให้คุณออกจากตระกูลของเราในตอนนี้ ถ้าไม่อย่าง นั้นก็อย่าหาว่าผมไร้คุณธรรม!!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ