The king of War

บทที่ 12 ฉันมีคุณพ่อ



บทที่ 12 ฉันมีคุณพ่อ

ลานบ้านตระกูล น

ฉันเพิ่งกลับบ้าน ไม่รอเธอเปลี่ยนรองเท้าแตะเสร็จ โจวย ก็พุ่งเข้ามาตรงหน้าเธอแล้วถาม “วันนี้ได้ขยะนั่นไปบริษัทหรอ?”

“แม่ หนูเหนื่อยมากแล้ว แม่อย่ามาวุ่นวายกับหนูได้มั้ยคะ? จีน ใบหน้าอิดโรย

หยางเฉินตอบรับภารกิจที่ไม่สามารถทำสำเร็จนั่นแทนเธอก็ ทําให้เธอเครียดมากพอแล้ว ไม่อยากจะเครียดเพราะเรื่องอื่น เพิ่มอีกแล้ว

“นี่มันเวลาไหนแล้ว? แกยังเป็นอย่างนี้อีก?

ใบหน้าโจวซุ่ยร้อนรน “ฉันได้ข่าวมาหมดแล้ว ในการประชุม รายสัปดาห์ของตระกูลฉิน คุณปู่บอกว่าให้แก่แต่งงานกับหวัง เจี้ยน หรือไม่ก็หาวิธีได้สัญญาของเยี่ยนเงินกรุ๊ปมา ไม่อย่างนั้น จะไล่พวกเราออกจากตระกูลฉิน แล้วไอ้ขยะนั่นก็ตอบรับแทนแก แล้ว มันก็แค่ขยะไร้สมอง แกก็ใช่งั้นหรอ? ทำไมแกไม่เลือก แต่งงานกับหวังเจี้ยน?”

ฉันชีวิ่งวุ่นเพราะเรื่องนี้มาทั้งวันแล้ว หาการติดต่อทุกทาง แต่ สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปแม้แต่ประตูใหญ่ของเยี่ยนเงินกรุ๊ปด้วยซ้ำ แค่นี้เธอก็เครียดมากพอแล้ว ไม่คิดเลยว่ากลับมาบ้านโจวซุย ยังจะมาพูดถึงเรื่องนี้อีก
“แม่ ถือว่าหนูขอร้อง อย่าพูดแล้วได้มั้ยคะ ที่บริษัทก็โดนรังแก ไปคุยเรื่องสัญญาก็โดนรังแก หรือว่ากลับบ้านมาแม้แต่แม่ก็ยัง จะรังแกหนูอีกหรอ?”ฉินซีพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ อารมณ์ที่เก็บ กดไว้ทําให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า

“ลูกสาวลำบากใจมามากพอแล้ว กว่าจะกลับมาบ้าน เธอก็ อย่าไปวุ่นวายเลย”

ฉันต้าหย่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาตอนนี้ก็วาง หนังสือพิมพ์ลงแล้วพูดอย่างเอือมระอา

โจวซุ่ยรีบพุ่งไปตรงหน้าฉันตาหย่ง สองมือเท้าสะเอว พูด อย่างโมโหว่า “ฉันต้าหย่ง! นายรู้มั้ยว่าเธอรับภารกิจอะไรมา? ต้องร่วมธุรกิจกับเยียนเฉินกรุ๊ป นี่มันเป็นภารกิจที่ไม่สามารถ สำเร็จได้ด้วยซ้ำ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป หลังจากนี้สามวัน พวก เราก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลฉินแล้ว”

“หนูกลับมาแล้ว!”

ในตอนนี้เองเสียงที่มีความสุขเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น จากนั้นก็เห็น ฉันยีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขเดินเข้าบ้านมา

“มีข่าวดีจะมาบอกกับทุกคนว่า……..

เธอเพิ่งเข้าบ้านมา ก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ใบหน้าโมโห ของคุณแม่ ใบหน้าเอือมระอาของคุณพ่อ และใบหน้าที่สิ้นหวัง ของฉัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ?”
ฉินยีที่ละเอียดอ่อนเรื่องความรู้สึก เดินไปที่ข้างกายฉันก่อน จับมือเธอไว้แล้วถามว่า “พี่คะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?

ฉินซีท่าแค่เพียงส่ายหัวเบาๆ ” เดี๋ยวไปรับเลี้ยวเลี้ยวให้ หน่อยนะ ฉันกลับห้องก่อนละ

“จะมีข่าวดีอะไรกัน? พี่สาวแกรับภารกิจที่จะทำสัญญากับ เยี่ยนเงินกรุ๊ปมา ถ้าหากทำไม่สำเร็จ พวกเราก็จะถูกไล่ออกจาก ตระกูลฉิน”

หลังจากที่ระบายออกไปบ้างแล้ว อารมณ์ของโจว ยก็ค่อยๆ สงบลง มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉันแล้วพูดขึ้น

“พี่คะ!”

ได้ยินคำพูดของโจวชุ่ย ฉันก็ตื่นเต้น รีบวิ่งตามฉินซีที่เดิน จากไป พูดอย่างดีใจว่า “พี่คะ เรื่องสัญญา ฉันช่วยพี่จัดการเอง ยังไงซะตอนนี้ฉันก็เป็นหนึ่งในพนักงานของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว!”

ฉินซีที่เมื่อกี้ยังสิ้นหวัง ดวงตามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที แล้วจับ ไหล่ทั้งสองข้างของฉันอย่างตื่นเต้น “ฉัน เธอถูกบรรจุใน เยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้วจริงหรอ?”

แต่เพิ่งถามค่นี้จบ ฉันก็หม่นหมองลงอีก แล้วส่ายหัวเบาๆ อย่างขมขื่น “ถึงแม้เธอจะถูกบรรจุแล้ว แต่เธอก็เป็นพนักงาน ใหม่ ช่วยฉันไม่ได้หรอก”

อยู่ๆฉันก็รู้สึกละอายใจ แต่เห็นพี่สาวท่าทางแบบนี้เธอเองก็ เห็นใจ เธอพูดอย่างหนักแน่นว่า “พี่คะ เชื่อใจฉัน ไม่มีปัญหาแน่นอน เพื่อนสนิทฉันชื่อซุนเวียน ตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล ของเยี่ยนเงินกรุ๊ป เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาพวกหัวหน้า ในบริษัท ฉันขอให้เธอช่วย จะต้องได้สัญญาร่วมธุรกิจมา แน่นอน”

“จริงๆ! ขอบคุณนะ

ฉินซีตาแดงก่ำ เธอเครียดเรื่องนี้มาทั้งวัน ในที่สุดก็ได้ข่าวดี

มา

ฉิน กลอกตา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “พูดขอบคุณกับ

ฉัน?”

พูดจบเธอก็หันหลังไปมองโจวซียที่กำลังดีใจ “แม่คะ เรื่องนี้ หนูจะช่วยจัดการเอง เธอลำบากมาทั้งวันแล้ว พวกแม่ก็อย่า วุ่นวายแล้วเลย”

โจวซุ่ยรีบตอบตกลง “สมแล้วที่เป็นลูกสาวฉัน ได้สินสอด จากตระกูลซูที่รวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว แล้วตอนนี้ก็ได้ทำงา นที่เยี่ยนเงินกรุ๊ป ฉันดูต่อไปใครจะยังกล้าดูถูกพวกเราอีก?

“ หนูไปรับเสี้ยวเสี้ยวละ!”

ฉันยิ้มอย่างภูมิใจ หันหลังเดินจากไป เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น แล้วรถ Maserati คันสีขาวก็หายไปสุดทางถนน

เยี่ยนเงินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ชั้นบนสุด

ถั่วปังยืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วรายงาน รายละเอียดการเตรียมงานของบริษัทในช่วงนี้
หยางเฉินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ในมือถือเอกสารไว้ฉบับ

หนึ่ง

“ท่านประธานครับ มีหลายบริษัทที่อยากจะร่วมธุรกิจกับเขียน เฉินกรุ๊ป รายชื่อในมือของท่าน คือบริษัทที่พอมีความสามารถ แล้วผมตั้งใจคัดเลือกออกมาครับ ท่านพิจารณาดูอีกที ดูว่าจะ เลือกบริษัทไหนบ้างที่จะมาร่วมธุรกิจกับเรา” ลั่วถึงพูดอย่าง ระมัดระวัง

หยางเฉินแค่เพียงดูผ่านๆเท่านั้น ส่วนมากก็เป็นบริษัทขึ้นชื่อ ของเจียงโจวทั้งนั้น

“เอาบริษัทซานเรือกรุ๊ปของตระกูลฉินเพิ่มเข้าไปด้วย บริษัท อื่นๆ นายตัดสินใจก็แล้วกัน”หยางเฉินเอารายชื่อคืนให้กับวง

ได้ยินคำว่าตระกูลฉิน ถั่วซึ่งมีความลังเลนิดหน่อย แต่ก็ถาม ออกไป “ท่านประธานครับ ตระกูลฉินนับไม่ได้ว่าเป็นตระกูล ระดับกลางด้วยซ้ำ ซานเรือกรุ๊ปนี่ก็…..

“ภรรยาของฉัน ชื่อฉินซี!” ไม่รอให้ทั่วชิงพูดจบ หยางเฉินก็ ตอบกลับ

ลั่วปิงตกใจ แล้วก็ตื่นตระหนกทันที “ท่านประธาน ขอโทษ ครับ ผมไม่ทราบว่าคุณฉันเป็นภรรยาของท่าน วันนี้เธอมาหาผม ที่บริษัทหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้พบเธอ

พูดถึงประโยคหลัง ลั่วถึงรู้สึกละอายใจมาก

แต่หยางเฉินกลับไม่โมโห “พรุ่งนี้นายเอาสัญญาไปให้ทานเหอกรุ๊ปด้วยตัวเอง แต่ฐานะของฉัน ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด เข้าใจ มั้ย?”

ลั่วปิงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วก็รีบตอบรับ

หยางเฉินยกแขนขึ้นดูเวลา เวลานี้ ถึงเวลาเลิกเรียนของ

อนุบาลแล้วใช่มั้ย?”

เขาพูดแล้วก็ลุกขึ้นจากไป

โรงเรียนอนุบาลหลานเทียน

รถ Maserati คันสีขาวคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูโรงเรียน อนุบาล แล้วก็ตามมาด้วยขาเรียวยาวที่ก้าวลงจากรถ

สาวสวยที่ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนก็คือ ฉันยี ใบหน้ามีรอยยิ้ม

บางๆ ผมสยายไปตามสายลม

เธอไม่สนใจสายตาของคนอื่น ก้าวเท้าเดินเข้าไปในโรงเรียน อนุบาล จนตอนนี้ชายหนุ่มทุกคนถึงเข้าใจว่าที่แท้สาวสวยคนนี้ก็ มีเจ้าของแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง

เวลานี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่มารับเด็ก ครูในโรงเรียนดูแลเด็ก ทั้งหมดไม่อยู่

ฉันมองหาอยู่สักพักถึงจะได้ยินเสียงเสี้ยวเลี้ยว มุมปากยก ยิ้มอ่อนโยน กำลังจะเรียกเธอ แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว

ใบหน้าของเสียวเสี้ยวเต็มไปด้วยความโมโห เผชิญหน้าอยู่ กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งสองกำลังทะเลาะกัน
“เธอมันก็แค่เด็กไม่มีพ่อ เธอนั่นแหละ เธอนั่นแหละ ฉันจะดี เธอด้วย!”เด็กหนุ่มที่ทำหน้าอวดเก่ง

เสี้ยวเลี้ยวกลั้นน้ำตาไว้ แล้วตะโกนอย่างโมโห “ฉันมีคุณพ่อ

นายหุบปากนะ!”

“เธอมันเต็กก่าพร้า จะมีพ่อได้ยังไง?”

เด็กหนุ่มพูดเสียงดัง แล้วยังยกมือเล็กอ้วนๆ ขึ้นเพื่อจะไปผลัก เสี้ยวเสี้ยว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ