The king of War

บทที่ 510 พลังฝีมือจริงของหม่าชาว



บทที่ 510 พลังฝีมือจริงของหม่าชาว

ให้หลังเสียงพูดของเขาหยุดลง พลังอานุภาพในตัวของเขา เปล่งขึ้น ในทันใด

“เปรี๊ยะ ๆ ๆ ๆ”

เสียงแตกอย่างต่อเนื่องของกระดูก ทยอยดังออกมาจากแข นของซ่งเหล่ย

คนทั้งหมดนั้นยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เห็นแต่เพียงแขนทั้งแข นของซ่งเหล่ย เหมือนกับถูกแรงอะไรกันกระแทก ทั้งแขนโยกขึ้น ลงอยู่หลายที

ตามติดมาด้วย แขนที่กระแทกหมัด ใส่กับหมัดของหม่าชาว นั้น เหมือนกับว่ากระดูกหายไปในพริบตานั้น กลายเป็นแท่ง เนื้อที่ไม่มีกระดูก ห้อยต่องแต่งลงมา

“อ๊าก…”

เสียงร้องครวญลั่นด้วยความเจ็บปวด ดังออกมาจากส่วนลึก ในใจของซ่งเหล่ยระเบิดผ่านคอหอยออกมา “โอ๊ย….แขนของ

ข้า….โอ๊ย….

นาทีนั้นเอง ทั้งบริเวณสะท้านกลัวกันไปทั่ว ทุกคนที่อยู่มองดู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยสายตามีนเซ่อ

มีแต่เสียงร้องครวญสุดน่าสงสารของซ่งเหล่ย เจาะลึกที่มบาดใจแต่ละคน

“อ้านจิ้น! ที่แท้เขาเป็นยอดฝีมือแดนบ้านจิ้น

“ในเยี่ยน นี้มียอดฝีมือแดนบ้านขึ้น ในคนวัยหนุ่มขนาดนี้มา ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“มีแต่ยอดฝีมือแดนบ้านจิ้น จึงสามารถทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บ จากภายในออกมาให้เห็นสาหัสถึงภายนอก”

“ความจริงพลังฝีมือของซ่งเหล่ยก็ถึงระดับพลังใสสุดยอดแล้ว แต่เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้กลับสามารถใช้บ้านจิ้นหักแขนซ่งเหลย น่า กลัวคงไม่ใช่เป็นแค่เพียงยอดฝีมือแดนบ้านจิ้นขั้นต่ำเท่านั้น”

คนรุ่นอาวุโสที่ตาถึง มองเห็นใช่เลยว่าพลังฝีมือของหม่าชาว เป็นพลังฝีมือของยอดฝีมือแดนบ้านจนถึงจะมีได้เท่านั้น ต่างก็ตื่น เต้นกันงงในทันใดนั้นเอง

ในสายตาคนทั่ว ๆ ไป ในกระบวนการของบูโดจะแบ่งเป็น พลังใส อ้านจิ้น พลังสลายสามกระบวนหลัก และในแต่ละ กระบวนการก็จะแบ่งเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสุด ขั้นยอดสุดสี่ขั้น ย่อย

ผู้แข็งแกร่งพลังใส ก็นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่เก่งฉกาจมากแล้ว ยอดฝีมือแดนอ้านจิ้นนั้นยิ่งมีน้อยมากเสียยิ่งกว่าน้อย ต้องคน ระดับมหาเศรษฐีในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเท่านั้นที่จะมี

ส่วนระดับผู้แข็งแกร่งพลังสลายนั้น ยิ่งเปรียบได้เสมือนมังกรเทพเห็นหัวไม่เห็นหาง
มาขณะนี้ เด็กหนุ่มวัยเพียงยี่สิบเศษคนหนึ่ง กลับเป็นยอด ฝีมือแดนอ้านจิ้น ลองคิดดูเอา ในใจพวกเขาจะตื่นตกใจขนาด ไหน

มองดูสภาพการร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของซ่งเหล่ ย ตัวต้นเหตุซุจิ้น ยืนงงเซ่อ ตัวสั่นอย่างสติคุมไม่อยู่

หล่อนเป็นประธานบริษัทการบันเทิงจิ้งอาน การก้าวขึ้นมาได้

ถึงทุกวันนี้ จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ผู้หญิงแบบนี้ คงต้องไม่ใช่ธรรมดา

ที่ก่อนหน้านี้กล้าข่มขู่หม่าชาว ก็เพราะไม่รู้พลังแท้จริงของ หม่าชาว มาถึงตอนนี้ได้รู้แล้ว จะไม่ให้หล่อนกลัวได้ไง?

อิทธิพลที่แท้จริง คงยังต้องเป็นพวกผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดบู โด หม่าชาวยังเป็นหนุ่มอ่อนวัยขนาดนี้ มีพลังฝีมือถึงบ้านจิ้นแล้ว แล้วหยางเฉินหละ จะถึงฐานะระดับไหนกัน?

คนหนุ่มที่มีบอดี้การ์ดข้างกายเป็นยอดฝีมือแดนล้านจิ้น น่า กลัวจะต้องเป็นผู้มีอำนาจในแปดตระกูลแห่งเยี่ยน ถึงจะมีฐานะ แบบนี้ได้มัง?

“เอะอะหนวกหูจริง!

ขณะนั้นเอง หยางเฉินพลันพูดออกเสียงมา

เพียงคำพูดประโยคเดียว หม่าชาวก็เข้าใจถึงความหมายของ หยางเฉิน
เขาขยับขานิดหนึ่ง ฉับพลันร่างกลายเป็นเงาสายหนึ่ง พุ่งเข้า ถึงข้างหน้าซ่งเหล่ยที่ครวญครางอยู่

“แกหุบปากได้แล้ว”

หมาชาวพูดว่าไป

เขาถึงแม้กำลังหัวเราะ แต่ในสายตาของทุกคน กลับให้รู้สึก

ขนลุกขนพอง

“ปัง! ”

หม่าชาวสะบัดขาเตะใส่ตัวซ่งเหล่ย

ซึ่งเหล่ยกลายเป็นเหมือนลูกฟุตบอล ร่างใหญ่สูงขนาดหนึ่ง เมตรแปดสิบห้า พุ่งลอยแหวกอากาศออกไป

รอจนเห็นตอนร่วงลงพื้น เสียงโอดร้องก็เงียบหายไปสนิท

ห้องโถง ใหญ่โตของงานเลี้ยง เงียบสนิทเชียบ แต่ละคนต่าง

มองที่หม่าชาวด้วยความหวาดผวาเต็มใบหน้า

“เมื่อตะกี้คุณว่า ให้จัดการแขนขาทั้งสี่ของข้า แถมยังให้ควัก ลูกตาของข้า?

ทันใดนั้นหม่าชาวก้าวทีละก้าวเดินเข้าหาจิ้นที่ตัวสั่นไม่ยอม

หยุด

เสียงของเขาคมแหลมเหมือนดาบ แทงใส่จิ้นอย่างโหด

เหี้ยม

ซุจิ้นให้รู้สึกอ่อนปวกเปียกเป็นง่อยไปทั้งตัว ได้แต่ตาลุกมองหม่าชาวค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ไม่มีปัญญาขยับตัวได้

“ฉัน……ฉันแค่ล้อเล่น ที่จริงแล้วไม่…..……

ซุจิ้นพูดยังไม่ทันจบ หม่าชาวพูดต่อว่า “คุณยังบอกว่า จะให้ ข้าตาย? ”

“ไม่…ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่พูดส่งเดชไปเอง ฉันไหนเลยจะกล้าเอาชีวิตท่าน? ”

ซุจิ้นตกใจจนร้องไห้ พูดปฏิเสธเป็นพัลวัน

“! ! ……..”

ห้องโถงจัดงานกว้างขวางใหญ่โต เงียบสุดสนิท มีแต่เสียงสั้น รองเท้าหนังดังออกมาตอนกระทบพื้น

แต่ละก้าวของหม่าชาว เหมือนลงไปในหัวใจของซุจิ้นอย่าง

โหดเหี้ยม ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระเด็นออกมา

“ฉันก็ผู้หญิงแก่ ๆ หน้าตาอัปลักษณ์คนนึง ไหนเลยจะกล้าเอา ชีวิตของท่าน? เมื่อกี้นี้ฉันแค่พูดไปส่งเดช พูดไปเหมือนลมตด ออกปาก ท่านอย่าถือสาเลย

ซุจิ้นหวาดกลัวแสดงออกเต็มหน้า ร้องขออย่างลนลาน

ในตอนนี้ ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ให้ได้

ซ่งเหล่ยก็ได้เป็นตัวอย่างให้เห็นแล้ว แขนหักไปเป็นไม่รู้กี่ท่อน ยังถูกหม่าชาวเตะกระเด็นหายออกไป ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ตายแล้ว หรือยังอยู่
หล่อนกลัวเอามากว่าหม่าชาวก็จะเตะใส่กับหล่อนด้วย

ขนาดว่าซ่งเหล่ย เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดพลังใส ยัง น่าสมเพชแบบนี้

แล้วผู้หญิงอ่อนปวกอย่าหล่อน จะไปทานอะไรกับขาของหม่า ชาวไหว?

“โดยแต่เดิมผมไม่อยากลงมือทำกับผู้หญิง แต่นังผู้หญิง สารเลวอย่างเธอนี่ กลับมาบังคับให้ผมทำ

ในขณะที่พูด หม่าชาวเดินเข้ามาถึงข้างหน้าจิ้นแล้ว มือคว้า ไปที่บริเวณคอหอย ท่าที่เย็นเยือก “ตั้งแต่นาทีที่แกไปเหยียด หยามพี่เฉิงนั้น แกก็กลายเป็นคนตายไปแล้ว! ”

มาถึงขณะนี้ ซุจิ้นจึงได้รู้ตัวแล้วว่า หม่าชาวจะฆ่าหล่อนจริง ๆ

และในเรื่องทั้งหมดนี้ เพียงเหตุที่หล่อนต้องการได้ตัวของ หยางเฉิน จึงถูกหม่าชาวมองว่าไปหยามเกียรติผู้ชายคนนั้น

แววตาของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและการวิงวอน ทั้งแทรกไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจให้หลังกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ถ้าให้เวลาย้อนกลับไปได้ หล่อนจะไม่ขอตอแยกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด

“หยุดนะ!

ทันใดนั้นเอง เสียงตวาดดังลั่นไปทั่วโถงห้องจัดงาน เงาร่างคนกลางคนคนหนึ่ง พร้อมกับบอดี้การ์ดคุ้มครองอยู่หลายคน เดินเข้ามา สายตาที่มองหม่าชาว เต็มไปด้วยความ เกรี้ยวกราด

“เยซัง! คนตระกูลเย่

“ข่าวว่ากำลังจะขึ้นตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าตระกูลแล้ว ! “สีหน้าเยยังดูไม่พอใจ เจ้าหนุ่มน้อยสองคนนี้ น่ากลัวต้องและ แน่! ”

เห็นเยซึ่งปรากฏตัวมา หลายคนก็จฐานะของเขาได้ทันที หม่าชาวขมวดคิ้วย่น สายตามองถามไปที่หยางเฉิน

ถึงแม้เขาจะเป็นคนมุทะลุ แต่ไม่ทำอะไรมั่วชั่ว ถ้าหากหยาง เฉินคิดจะละเลงให้เป็นเรื่องใหญ่จริง เขาก็ไม่ลังเลที่จะลุยขึ้นไป ประจัญบานอยู่เป็นกองหน้า

“คุณซูเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเย่ แกยังไม่รีบปล่อยมือ

ออกอีก!

เย่งส่งเสียงตวาดพูดออกไป

เริ่มตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมา สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่หม่าชาว ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าหม่าชาวกับหยางเฉินเกี่ยวพันอยู่ในเรื่อง เดียวกัน

“แขกคนสําคัญของตระกูลเย? ”

หม่าชาวหัวเราะชิชะ “ในเมื่อหล่อนเป็นแขกคนสำคัญ แล้วพี่ เฉินเป็นอะไร? ”
“ใครคือพี่เงิน? “เยยังขมวดคิ้วถาม

เย่หาซวงก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่ชัง ในขณะนั้นกลับไม่มีทีท่าจะออก มาอธิบายอะไร บนใบหน้ายังดูยิ้มกวน ๆ

“เย่หวูซวง คุณจะไม่ออกมาชี้แจงหน่อยหรือ? หม่าชาวไม่สนใจกับเยยัง กลับมองแล้วถามไปที่เย่หวซวงที่

ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่ชัง

เย่ชังดูเหมือนจะไม่รู้ว่าหยางเฉินก็เป็นแขกคนสำคัญที่ได้รับ เชิญมา ขมวดคิ้วมองเหวซวงถามว่า “นี่เรื่องมันเป็นยังไง กัน? ”

เยาวชวงยิ้มน้อย ๆ ท่านอารอง ผมก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าหมอนี่เป็น ใคร และยิ่งกว่านี้ ไอ้ที่เขาเรียกพี่เฉิงนั่น ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครกัน แน่”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ