The king of War

บทที่ 392 ไม่ค่อยเหมือนเท่าไร



บทที่ 392 ไม่ค่อยเหมือนเท่าไร

หลี่หนานหัวเราะแล้ว “หัวหน้าสาขาครับ คุณบอกมาตามตรง เถอะ ความสามารถของเจ้าหนุ่มนั่น เมื่อเทียบกับคุณแล้วเป็น อย่างไร?”

“ค่อนข้างแน่นอนว่าเหนือกว่าฉัน

อยู่ต่อหน้าหลี่หนาน ฉือเจียงไม่มีการปิดซ่อนใดๆ พูดออกไป ตามความเป็นจริง

หลี่หนานพูดว่า “ต่อให้ไม่อยู่เหนือกว่าคุณ อย่างน้อยก็เป็นผู้ แข็งแกร่งระดับเดียวกับคุณ เขามีความสามารถฆ่าหนวกึ่งเพิ่งได้ จริงครับ”

“พวกเราแค่ต้องเอาการตายของหนิวจึงเชิง โยนความผิดไป ที่ตัวของหยางเฉิน แบบนี้ศิษย์พี่ของหนิวจึงเชิง จะมาถึงที่ด้วย ตัวเองแน่นอน”

“ถึงตอนนั้น เจ้าหนุ่มนั่นมีเพียงตายสถานเดียว

“ส่วนศิษย์พี่ของหนิวจึงเชิง ถึงแม้จะตำหนิคุณแค่ไหน ก็ไม่ สามารถทำอะไรคุณได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

“รอตอนที่เขาฆ่าหยางเฉินแล้ว ตระกูลอื่นก็ไม่ใช่แค่พวกไร้ ระเบียบเหรอ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยส่งยอดฝีมือออกไป ลอบ สังหารผู้นำไม่กี่ตระกูลที่เป็นหัวหน้านั้นทิ้งไป มณฑลเจียงผึ้งจะ ไม่ใช่เป็นพวกเราพูดคำไหนคำนั้นอีกเหรอครับ?”
ในสายตาของหลี่หนานเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

ฉือเจียงที่ตอนแรกยังไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่บ้าง ชั่วขณะนั้นดีใจ ยกใหญ่ หัวเราะเสียงดังพูดว่า “ดี! ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนรักของ ฉันฉือเจียง มีนายอยู่ ยึดครองเลี้ยงผึ้งมา จะไปยากอะไร?”

ประชุมแลกเปลี่ยนที่สามปีมีครั้งหนึ่ง ไม่นานก็เสร็จสิ้นลง

ประชุมแลกเปลี่ยนแต่ละครั้ง ลำดับของแต่ละตระกูลใหญ่ของ มณฑลเจียงผิงล้วนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

ปัจจุบันนี้ มณฑลเจียงผึ้งที่กว้างใหญ่ ตระกูลใหญ่ชั้นนำของ แต่ละเมืองจำนวนหกสิบเจ็ดสิบแห่งต่างยกให้หยางเฉินเป็นผู้นำ

สามารถพูดได้ว่ามณฑลเจียงผึ้งในอนาคต หยางเฉินก็คือ ราชา ประชุมแลกเปลี่ยนไม่มีความหมายในการจัดงานอีกต่อไป แล้ว

ไม่นานฝูงชนภายในโถงใหญ่งานประชุมแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ โตพากันแยกย้าย เหลือเพียงหยางเฉินและหานเดี่ยวเทียน

“ชายแดนเหนือ กองทัพฉางเชิง กองพันที่หนึ่ง ทหารหานเดี่ยว

เทียน ทำความเคารพต่อจอมพลชายแดนเหนือครับ!” ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย หานเดี่ยวเทียนยืนตรงหน้าหยางเฉิน

ร่างกายยืนตรงดิ่ง มองหยางเฉินด้วยหน้าตาเคารพนบนอบ

“พี่บ!”

หานเซียวเทียนทำความเคารพมาตรฐานเหมือนอย่างในหนังสือบทเรียน การแสดงออกสง่างามน่าเกรงขาม

ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกนับถืออย่างจริงใจ

นี่คือการแสดงความเคารพของทหารเก่าชายแดนเหนือคน หนึ่ง ที่มีต่อจอมพลใหม่อีกรุ่นหนึ่ง ดูท่าทางของหานเดี่ยวเทียนที่เคารพนบนอบต่อตนเองแล้ว

ในใจหยางเฉินรู้สึกทอดถอนใจเต็มที่

เขายืนตัวตรงเหมือนกัน แสดงการทำความเคารพกลับแบบ มาตรฐาน พูดเสียงดังฟังชัด “ประเทศจิ่วโจว จอมพลคนก่อน ของชายแดนเหนือ หยางเฉิน!”

หลังแสดงความเคารพกลับอย่างเป็นทางการ หยางเงินถึง พูดจาด้วยท่าทางทอดถอนใจ “เจ้าบ้านหาน ตั้งแต่วินาทีนั้นที่ผม ออกมาจากชายแดนเหนือ ก็ไม่ใช่จอมพลชายแดนเหนืออีกแล้ว คุณไม่จําเป็นต้องมีพิธีรีตองมากแบบนี้ก็ได้

หานเยี่ยวเทียนกลับพูดอย่างหน้าตาจริงจัง “พอเข้าชายแดน เหนือไป ก็เป็นคนของชายแดนเหนือทั้งชีวิต ถึงแม้คุณจะออกไป แล้ว แต่ในใจผม ไม่ว่าจอมพลชายแดนเหนือคนใด ล้วนคุ้มค่า ให้ผมแสดงความเคารพยิ่งใหญ่เช่นนี้ครับ

เห็นท่าทางของหานเดี่ยวเทียนดวงตาแดงก่ำ หยางเฉินจึง เข้าใจ ทหารเก่าคนนี้ ความรู้สึกที่มีต่อชายแดนเหนือคงลึกซึ้ง มาก

หากไม่มีประสบการณ์เป็นตายมาอย่างโชกโชนในสนามรบชายเหนือ จะไม่ทางเข้าใจทหารแดนสำหรับความรู้สึกลึกซึ้งของแดนเหนือ

“เอาล่ะ พูดเรื่องแล้ว พวกคุยเรื่องอื่นกันกว่า

หยางเฉินเอ่ยปากทันใด

เมื่อสักตอนที่ออกไปหมด เขาหานเดี่ยว เทียนเพียงผู้เดียว

นั่นคือมีธุระอยากสอบถามทางหานเดี่ยวเทียน หานเซียวเทียนหลังรู้สถานะของเฉินแล้ว เมื่อเผชิญหน้า หยางเฉิน เพียง

คุณหยาง ท่านเชิญมาครับ!หานเยี่ยวเทียนพูดจาอย่างเคารพนบนอบ

หยางเฉินใจอยู่บ้าง ไม่ได้วุ่นวายกับเคารพต่อตนเอง กลับเอ่ยปากว่า ตอนเจียงผิงเหมือน เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว แต่ยังคงอันตรายแอบแฝงมากมาย ไม่ ว่าเป็นตระกูลหวงหรือสมาคมบูโด ความเป็นไปได้หวน กลับอีก

หากพวกเขาคนมาคงเป็นคนตำแหน่งและความ สามารถแกร่งกว่าเดิม ไม่เจ้าบ้านหานความเห็นอย่างไรหยาง

เดิมเมืองสามตระกูลใหญ่ ปัจจุบันตระกูลและตระกูลหนึ่งพังพินาศถึงที่สุดแล้ว เหลือเพียงตระกูลหานแห่งเดียว

ถึงแม้ว่าตระกูลกวนกับตระกูลเฉิน เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูล หานดูแล้ว จะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตนเองมากกว่า แต่ กําลังอิทธิพลของพวกเขา ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเทียบกับตระกูล หานได้

สามารถพูดได้ว่าทุกอย่างที่เกิดในวันนี้ ล้วนเป็นเพราะความ ผิดพลาดถึงทำให้เกิดเรื่องขึ้น

เดิมทีหยางเฉินไม่เคยคาดคิดอยากจะรวมเจียงผิงเป็นหนึ่ง เดียว คือตระกูลหวงและสมาคมบูโดใช้อำนาจบังคับ ภายใต้ การไม่มีทางเลือก เขาถึงฝืนใจลงมือ ทำให้หวาดกลัวทั้งงาน

หานเดี่ยวเทียนหน้าตาเคร่งขรึม หลังเกิดความลังเลครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากบอก “คุณหยางครับ ผมคิดว่าตระกูลหวงไม่น่ากลัว มากพอ ตอนนี้ที่ยุ่งยากคือสมาคมบูโดครับ

“หมายความว่าอย่างไร?” หยางเฉินถามขึ้น

“สำหรับตระกูลหวงแล้ว ไม่ใช่ว่ามีแค่มณฑลเจียงฝั่งทางเลือก เดียว พวกเขายังสามารถเลือกมณฑลอื่นได้อีก

“วันนี้ คุณบีบให้หวงจงคุกเข่าขอโทษต่อหน้าสาธารณชน เรื่องนี้ถ้าแพร่ไปถึงตระกูลหวง หวงจงไม่เพียงเสียตำแหน่งของผู้ สืบทอดไป มีความเป็นไปได้แม้กระทั่งจะถูกขับไล่ออกจาก ศูนย์กลางอำนาจของตระกูลหวง

“พูดได้ว่าหวงจงต้องไม่รายงานทุกอย่างที่เกิดในวันนี้ต่อตระกูลหวงแน่ครับ เพียงแค่อยากทำทุกวิถีทางปิดซ่อนไว้”

“แต่สมาคมบูโดกลับเป็นความยุ่งยาก ใหญ่โตอันหนึ่ง

“ฉือเจียงกลายมาเป็นหัวหน้าสาขาของสาขามณฑลเจียงผึ้ง ได้ ย่อมไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้เขาจะเลือกกลับไป ต้องไม่มีความ มั่นใจว่าจะตีคุณแพ้ได้แน่ ถ้าสมาคมบูโดมีคนมาอีก ความ สามารถมีเพียงต้องแกร่งกว่าเท่านั้น!!

“สามารถพูดได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ กลับไม่ต้องกังวลตระกูล หวง แต่กับสมาคมบูโด พวกเราจำเป็นต้องเตรียมป้องกัน!”

หานเซียวเทียนพูดจาอย่างเคร่งขรึม สำหรับสมาคมบูโด เขา ยังมีแรงกดดันมหาศาล

สมาคมบูโดของมณฑลเจียงผึ้ง ถึงแม้จะเป็นเพียงสาขาหนึ่ง

แต่ความน่ากลัวแท้จริงคือสมาคมบูโดสาขาใหญ่ ที่นั่นมีผู้

แข็งแกร่งมากมาย

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ไม่มีท่าทีหวาดกลัวสักนิดเดียว หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากบอกว่า “ผมกลับไม่กลัวสมาคม บูโด แต่กลัวพวกเขาจะลงมือกับพวกคุณ”

“โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ เพราะพวกคุณตระกูลหาน ยังมีตระกูล กวนและตระกูลเฉินเป็นคนนำ แสดงความจงรักภักดีต่อผมหน้า สาธารณชน ถึงทำให้แต่ละตระกูลใหญ่ทั้งมณฑลเจียงผึ้งมายอม จํานนต่อผมได้อย่างราบรื่น

“ถ้าเกิดสมาคมบูโดลงมือจัดการกับพวกคุณหลายตระกูลนี้สําหรับผมแล้ว นั่นเป็นความยุ่งยากมากมายอย่างหนึ่ง

หานเซียวเทียนหัวเราะเยาะที่หนึ่ง “ถ้าสมาคมบูโดอยาก ลงมือกับพวกเราจริง พวกเรารับมือได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ ตระกูลหานจะไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับยอดฝีมือชั้นหนึ่งทัดเทียมได้ กับสมาคมบูโด แต่ถ้าพวกเขากล้ามีแผนการร้ายต่อตระกูลหาน ต่อให้สู้สุดชีวิตทั้งตระกูลหาน ผมก็จะไม่ให้พวกเขาอยู่ดีกันแน่!

หยางเฉินส่ายหน้าอย่างจำใจแล้ว “หวังว่าจะเป็นพวกเราที่ คิดมากไป แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าบ้านทานทำงานได้สุขุมเยือกเย็น ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ย่อมมีความหวัง

เรื่องราวกับสมาคมบูโด เพราะตนเองก่อขึ้น หยางเฉินจึงไม่ อยากทําคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

หานเยี่ยวเทียนหัวเราะแล้ว “คุณหยางทำใจให้สบายก็พอ

ครับ ผมควบคุมความเหมาะสมได้แน่นอนครับ”

หลังพูดคุยกับหานเซียวเทียนอีกสักหน่อย หยางเฉินก็ออกไป จาก โรงแรมจงโจว

“พี่เขย!”

หยางเฉินจึงเดินออกจากโรงแรม เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดัง

ขึ้นกะทันหัน

“เสี่ยว ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่?”

มองเห็นฉิน หยางเฉินสงสัยพอสมควร
ฉันในฐานะผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเงินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ได้รับบัตรเชิญเหมือนกัน แต่ว่าเป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนระดับ ล่าง

เวลานี้ ดวงตาของเธอแดง บนหน้ายังมีท่าทีกังวลระดับ หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเจอความวุ่นวายอะไรแล้ว

“ประชุมแลกเปลี่ยนของฉันทางนี้พึ่งเสร็จสิ้น!” ฉันพูดอธิบาย “ประชุมแลกเปลี่ยน ในวันนี้ เป็นยังไงบ้าง?” หยางเฉินถามขึ้น

เขาไม่ได้ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้นไปตามตรง ถ้าฉันยินยอม บอก ย่อมไม่ปิดบังแน่นอน

ฉันยีพยักหน้าแล้ว “ถือว่าพอได้ แต่เทียบกับที่ฉันคาดการณ์ ไว้ ยังไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ