The king of War

บทที่ 26 หมดหวังอย่างถึงที่สุด



บทที่ 26 หมดหวังอย่างถึงที่สุด

ได้ยินคําพูดของจินยี จีนเฟยก็หัวเราะเสียงเย็น “ฉัน ต่อให้จะ หาข้ออ้างก็อย่าหาข้ออ้างส่งเดชมาตบตาสิ ตระกูลซูอยู่ในฐานะ ไหน? จะมาส่งมอบของขวัญขอบคุณให้ไอ้สวะหยางเฉินนั้นได้ อย่างไรกัน?”

“จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่” ฉินยีพูดเสียงเย็น สองตาของฉันแดงระเรื่อ ตระกูลฉินเพิ่งจะขับไล่พวกเขา ออกจากตระกูล ยังไม่ทันครบเดือนก็คิดที่จะมารีดไถพวกเขา แล้ว

“นายท่านพูดแล้ว ขอเพียงเอาสินสอดที่ตระกูลซูมอบให้ พวกคุณออกมา ก็จะยินยอมให้พวกคุณกลับเข้าตระกูล” ฉุนเฟย พูดด้วยรอยยิ้มทันที

“นายท่านพูดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” โจวซุยปีติขึ้นมาทันที

ถ้าหากเป็นไม่กี่วันก่อนเธอจะต้องยืมโอกาสสร้างความ อับอายให้ฉันเฟยแน่ ๆ แต่พอเมื่อคืนได้รู้ความจริงแล้ว แม้จะพูด ว่าของขวัญชิ้นใหญ่ที่ตระกูลซูมอบให้อยู่ในมือของเธอ แต่ถ้า หากหยางเฉินไปให้ตระกูลขออกหน้า ของพวกนี้จะต้องถูกเอาไป แน่ ๆ พอถึงเวลาเธอก็ไม่เหลืออะไรเลย

ฉันเฟยยิ้มอย่างหยิ่งยโส “นายท่านพูดเองจากปาก มีหรือ จะเป็นเรื่องโกหก? แน่นอน ข้อเสนอแรกคือพวกคุณยินยอมเอาสินสอดสิบกว่าล้านนั่นออกมา พอนายท่านพอใจ ตำแหน่งผู้นำ ตระกูลอาจจะมีสิทธิ์ส่งต่อให้อารอง ถือว่าพวกคุณลงทุนน้อยได้ ก้าไรเยอะ”

ฉันเฟย โกหกขึ้นมาอย่างหน้าไม่แดง ใจไม่สั่น คำว่า ตำแหน่งผู้นำตระกูลทำให้ในใจของโจวซุยร้อนเป็นไฟ

“แล้วถ้าพวกเราปฏิเสธล่ะ?” ในสายตาของฉันเต็มไปด้วย ความแน่วแน่

“แกหุบปากไปเลย!” โจวซุ่ยดุด่าเสียงดัง

ฉันมีสีหน้าผิดหวัง “แม่คะ หรือว่าแม่จะลืมไปแล้วว่าพวก เขาขับไล่พวกเราออกมาจากตระกูลฉินอย่างไร? ลืมไปแล้วเหรอ ว่าพี่สาวไปขอร้องพวกเขาอย่างไร? ตอนนี้ตระกูลมีเรื่องลำบาก ถึงจะนึกถึงพวกเรา แม่คิดเหรอคะว่าพวกเขาจะใจดีให้พวกเรา กลับเข้าตระกูล?”

ฉินซีผิดหวังใจตัวโจวยอย่างถึงที่สุด พูดด้วยตาแดง ๆ ว่า “แม่คะ ของพวกนั้นเป็นของหยางเฉินทั้งหมด แม่มีสิทธิ์อะไร ไปจัดการ?”

“อาสะใภ้รอง ผมรู้นะว่าบ้านนี้คุณมีสิทธิ์ตัดสินใจเองได้ ใน เมื่อน้องสาวทั้งสองยังคงไม่เห็นด้วย ท่านควรจะยึดอกตัดสินใจ ออกมา อาจจะมีโอกาสแค่ครั้งเดียวที่จะกลับเข้าตระกูล ถ้าหาก ตระกูลสามารถข้ามผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ พวกคุณอยาก จะกลับเข้าไปอีก อาจจะไม่มีหวังแม้แต่น้อย” ฉุนเฟยเป็นเหมือน กับคนเลวคนหนึ่งที่ทำขายตรง หลอกทีละขั้น ๆ แต่อยู่ดี ๆ โจวชุ่ยก็ใจเต้นไปแล้ว

“ฉันเคารพในความเห็นของลูกสาวทั้งสองคน ฉันกลับไป ตระกูลฉินไม่ได้อีกแล้ว” ฉินด้าหย่งหมดหวังกับตระกูลตั้งนาน แล้ว

ระหว่างเขากับนายท่านฉันไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใดไดต่อกันอีก ตอนที่เขายังเด็กมาก ๆ เขาตามแม่ของเขาไป ตระกูลฉิน ตั้งแต่เล็กจนโต นายท่านฉันไม่เคยปฏิบัติต่อเขา เหมือนคนในครอบครัว กระทั่งแม้แต่บริษัทที่ตระกูลบริหารอยู่ที่ ยังไม่ให้เขาเข้าไป

“ตาหย่ง… คุณพูดไร้สาระอะไรน่ะ? นี่อาจจะเป็นโอกาส เดียวที่พวกเราจะได้กลับเข้าตระกูล…

ไม่รอให้โจวซุ่ยพูดจนจบ ฉันต้าหญิงก็พูดอย่างเดือดดาล “เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ลูกสาวถูกพวกเขารังแกจนกลาย เป็นแบบนั้นแล้ว เธอยังคิดจะกลับไป? ไม่รู้เธอไสหัวกลับไปเอง เถอะ!”

จินดาหย่งมีสีหน้าเดือดดาล ปกติเขาไม่ทะเลาะ ไม่ใช่ว่าเขา เคียดแค้น แต่เพื่อความรักใคร่กลมเกลียวกันในครอบครัวเขา จึงไม่เถียงภรรยา แต่ใครจะรู้ว่าภรรยานับวันยิ่งเลยเถิด เพื่อผล ประโยชน์ของตัวเองแล้วก็ไม่มีขอบเขตอะไรอีก

โจวซุยเองก็อึ้งค้าง นึกไม่ถึงว่าฉันต้าหญิงที่ด่าก็ไม่ค่กลับ ก็ไม่กลับจะกล้าตะคอกตน

เวลาผ่านไปนานมากเธอถึงจะเรียกสติกลับมาได้ “ชื่อ” เธอร้องไห้ออกมา พูดไปร้องไห้ไป “ฉันอยู่ครอบครัวนี้ต่อไปไม่ได้ แล้ว ฉันจะหย่ากับคุณ!”

“หย่าก็หย่า ใครกลัวกัน?” ฉินค้าหย่งพูดอย่างเย่อหยิ่ง

“ผมว่านะ พวกคุณอย่ามาเล่นละครต่อหน้าผมอีกเลย จะ ยอมเอาสินสอดออกมาไหม ตอบมาตรง ๆ พวกเราไม่มีเวลามาดู พวกคุณแสดงหรอกนะ” ฉุนเฟยพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น เขาดู แล้วว่าโจวซุยกับฉันต้าหย่งกำลังเล่นละคร

“ไสหัวไป!”

ฉันต้าหย่งตะคอกออกมาตรง ๆ “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ตระกูล อะไร ไร้สาระ พวกเราไม่สน

เขาพูดไปก็หิ้วไม้กวาดข้างกำแพงมาวันหนึ่ง โบกไปทางฉัน

เฟย

ฉันเฟยคิ้วกระตุก รปภ.สองคนที่อยู่ด้านหลังเขาพุ่งพรวดมา ข้างหน้า คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวาจับฉินตาหย่งกดลงบนพื้นทันที

“พ่อคะ!” สองสาวฉินซีกับฉันตกใจจนหน้าซีดในทันควัน ถลันตัวออกไปทันที

“วันนี้พวกแกยินยอมก็ต้องตอบตกลง ไม่ยินยอมก็ต้องตอบ ตกลงเ

ฉินเฟยพูดอย่างเยือกเย็น ออกคำสั่งต่อทันที “เข้าไปเอา ซองออกมา”
ได้รับคําสั่งของจินเฟย รปภ. หลายคนก็พุ่งเข้าไปในบ้าน

รปภ.สองคนแบกลังออกมาใบหนึ่งอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ ตระกูลซูส่งมาพอดี ข้างในล้วนเป็นเครื่องประดับเงิน เครื่อง ประดับทอง และยังมีเงินสดอีกหนึ่งล้านกว่า ๆ นอกจากนี้แล้วนึก ไม่ถึงว่ายังมีกรรมสิทธิ์บ้านและกรรมสิทธิ์หุ้นอีก

เต็มทีฉินเฟยยังนึกว่าจะมีสินสอดแค่ไม่กี่สิบล้าน แต่หลัง จากได้เห็นของในลังนั้น เขาถึงได้รู้ว่าของพวกนี้เมื่อรวมกันแล้ว มูลค่าน่าจะทะลุพันล้านไปแล้ว

“ฮ่า ๆ ตระกูลฉินมีทางรอดแล้ว ขอเพียงเอาของพวกนี้ไป ขายให้หมดก็เพียงพอจะให้ตระกูลฉินรับมือกับวิกฤตการณ์ ทั้งหมด ในตอนนี้ได้แล้ว” ฉุนเฟยพูดไปหัวเราะไป

ตั้งแต่ครอบครัวของฉันถูกขับไล่ออกจากตระกูลเป็นต้นมา ทั้งตระกูลฉินก็ไม่มีใครมีคุณสมบัติจะมาแย่งชิงอำนาจกับเขาได้ แล้ว ตอนนี้นายท่านฉันก็แก่ลงทุกที ๆ เป็นคนที่ใกล้ตายแล้ว ตระกูลฉินถูกส่งให้อยู่ในมือเขาได้ตลอดเวลา

“ฉินเฟย แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มองดูลังโดนแบกออกไป ฉัน กับฉันก็โมโหมาก ไล่ตามไปทันที

แต่ฉันเฟยพาคนมามากมาย อาศัยผู้หญิงอ่อนแอสองคนจะ ขัดขวางอย่างไรได้?

ของทั้งหมดถูกแย่งไปแล้ว แม้กระทั่งมาเซราติคันนั้นก็ถูก ฉันเฟยขับออกไป
“ทั้งหมดเป็นเพราะหญิงชั่วอย่างเธอ จะต้องโอ้อวดต่อหน้า คนตระกูลฉินให้ได้ แล้วยังไงทีนี้ ไม่เหลืออะไรเลย!” ฉันต้าหญิง ตบหน้าโจวซุยไปหนึ่งที คำรามเสียงดังด้วยความเดือดดาล

“ฉันต้าหญิง นึกไม่ถึงว่าคุณจะกล้าตบฉัน! โจวยู่ฮุ่ยกุม ใบหน้า สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“หรือว่าฉันไม่สมควรตบเหรอ? ตอนนี้ของก็โดนฉันเพีย ขโมยไปหมดแล้ว ถ้าหากตอนนี้หยางเฉินมาเอาที่เธอ ฉันจะดู ว่าเธอจะชี้แจงกับเขายังไง?” ฉินต้าหญิงพูดด้วยความเดือดดาล

“ก็แค่ไอ้สวะเท่านั้นเอง มีคุณสมบัติอะไรมาให้ฉันชี้แจงกับ เขา?”

โจวซุ่ยตำหนิด้วยความโมโห นึกอะไรขึ้นได้ทันที ถึงมือ ของฉันทันที “เสี่ยว เมื่อฉันเฟยเพิ่งจะพูดว่าขอเพียงพวกเรา เอาของมอบให้กับตระกูล ก็จะให้พวกเรากลับเข้าตระกูลฉิน ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เธอก็ไปหาของเธอส

ฉันซีสีหน้าเอียน ดึงมือออกมาตรง ๆ พูดด้วยเสียงเยียบเย็น ว่า “ใครอยากกลับตระกูลฉันก็ไปขอร้องเอาเอง!”

หลังจากวันนั้นที่เธอคุกเข่าขอร้องนายท่านฉันท่ามกลาง สายฝนกระหน่ำ ซึ่งแลกมาได้เพียงคำสั่งการของผู้นำให้ขับไล่ พวกเธอทั้งครอบครัวออกจากตระกูล เธอก็ไม่หวังอะไรกับ ตระกูล โดยสิ้นเชิงแล้ว

ฉิน หมุนตัวออกจากบ้านไป
โจวยดึงมือของฉันทันที ไม่ต้องรอให้เธอพูด ฉันก็ สะบัดออก พูดด้วยความเดือดดาลและดวงตาแดง ก่ำว่า “หรือ แม่ยังไม่เข้าใจอีก? ตอนนี้มีแค่แม่ที่ยังอยากกลับตระกูลฉิน ใน เมื่อเป็นแบบนี้แม่ก็ไปขอร้องชะลิ”

พูดจบ ฉันก็จากไปไม่หันกลับมาอีกเลย

ฉันต้าหย่ง ‘เยอะ ค่หนึ่ง ออกจากบ้านไปเช่นกัน

บ้านใหญ่ทั้งหลังก็เหลือเพียงแค่โจวซุย ทันทีที่ก้นเธอและ โซฟาก็พูดพึมพำว่า “ฉันผิดเองจริง ๆ เหรอเนี่ย?”

ชั้นบนสุด เยียนเฉินกรุ๊ป

หยางเฉินรับโทรศัพท์สายหนึ่ง เขารู้เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งจะ เกิดขึ้นที่บ้านใหญ่ตระกูลฉินแล้ว

ของที่ตระกูล ส่งไป เขาไม่มองเห็นอยู่ในสายตา แต่สิ่งที่ ตระกูลฉินท่านั้น ทําให้ความอดทนของเขาที่มีต่อตระกูลฉันค่อย ๆ หายไป

“ในเมื่อพวกแกรนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้แกสิ้น หวังอย่างถึงที่สุด” หยางเฉินพูดในทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ