The king of War

บทที่ 19 คำสัญญากลางสายฝน



บทที่ 19 คำสัญญากลางสายฝน

หยางเฉินที่ยืนอยู่ชั้นบนสุด มองเห็นฉัน รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แล้วก็รีบร้อนจากไปพร้อมกับ น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

เขาหมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล “สองพี่น้องนั้นท่าทางดูลุกลี้ลุกลน จากไปรวดเร็วขนาดนั้น จะ ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ๆ

เขาพูดจบก็หันกลับไปเดินออกจากห้องทํางานไป

ฉันขับรถด้วยความเร็วสูงสุดตลอดทาง เห็นเป็นเพียง ลําแสงสายฟ้าแลบสีขาวฉวัดเฉวียนไปมาอย่างต่อเนื่อง

ยังดีที่ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน รถบนถนนจึงมีไม่มาก

ปกติใช้เวลาขับรถครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้ฉันกลับใช้เวลา ขับรถเพียงยี่สิบนาทีก็มาถึงประตูบ้าน

สองพี่น้องสามารถมองเห็นผู้คนมากมายรายล้อมอยู่รอบตัว บ้านจากในที่ไกล ๆ โจวซุยกับฉันต้าหย่งกำลังโดนรปภ. 7-8 คน ล้อมอยู่กลางวง

“พวกแก ไอ้พวกชั่ว นี่เป็นบ้านของฉัน ถือดีอย่างไรมาไล่ฉัน ออกไป?” โจว ร้องตะโกนเสียงดังอย่างเดือดดาล ยังคงโบก ไม้โบกมือไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง
“ฉันเฟย นายจะเอายังไงกันแน่?” ฉันพุ่งออกจากตัวรถ ร้องตะโกนไปทางฉินเฟย โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว

ตอนที่ฉินเฟยเห็นสองสาวเดินลงมาจากมาเซราติที่มีสีหน้า ประหลาดใจ

ไม่มีใครในตระกูลฉินรู้เรื่องที่คนตระกูลซูมาส่งของกำนัลให้ ถึงบ้าน พอเห็นรถคันนี้ฉันเฟยก็หัวเราะเสียงเย็น “ฉินซี เธอนี่มัน เป็นปรสิตของตระกูลจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะขับมาเซราติราคาเป็น ล้าน มิน่าล่ะ ท่านถึงได้ออกคำสั่งการของ ของพวกเธอออกจากตระกูล” ผู้นำ ไล่ครอบครัว

“นายหุบปากซะ! นี่เป็นสินสอดที่ตระกูลซูมอบให้กับยีย ไม่ เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด” ฉันพูดด้วยความโมโหดวงตาแดงก่ำ

ฉันเฟยรู้สึกประหลาดใจ ตระกูลที่สามารถมอบรถหรูราคา เป็นล้านได้ทั้งเจียงโจวก็มีเพียงตระกูลซูตระกูลที่ร่ำรวยเป็น อันดับหนึ่งแล้ว ถ้าหากเป็นแบบนี้จริง ๆ นั่นก็แสดงว่าฉันถูก คนในตระกูลซูชอบพอเข้าให้แล้ว เธอถือว่าเป็นหงส์ที่บินไปอยู่

บนยอดไม้แล้ว

แต่พอนึกถึงฉินซีที่ใช้อำนาจคุกคามเขา เขาทำได้เพียง กำจัดไม่ให้เหลือซาก

“รถคันนี้จะเกี่ยวข้องกับเธอหรือไม่ก็ไม่ช่าง เพราะเส้นตายที่ ท่านให้กับเธอไว้สามวันมาถึงแล้ว นี่เป็นบ้านของตระกูลฉิน ใน เมื่อพวกเธอโดนขับไล่ออกจากตระกูลแล้ว ถ้าอย่างนั้นบ้านหลัง นี้ก็ต้องคืนให้กับตระกูล” ฉินเฟยยิ้มตาหยีพูด
นึกไม่ถึงเลยว่า ในตอนนี้บุคคลที่มีความสัมพันธ์สายตรง ของตระกูลฉินทั้งหมดที่อยู่รายล้อมจะไม่มีสักคนที่ก้าวออกมา ช่วยจีน พูดสักประโยค พวกเขากลับเยาะหยันด้วยซ้ำ ท่าทาง เหมือนมาดูเรื่องสนุกแท้ ๆ เลย

น้ำใจของคนเปราะบางแค่นี้เองสินะ

หัวใจของฉันกำลังหลั่งเลือด ดวงตาทั้งคู่ของเธอแดง “ต่อให้จะขับไล่พวกเราออกจากตระกูลฉินจริง ๆ นั่นก็ยังขาดคำ สั่งการของผู้นํา คำสั่งการของผู้นำยังไม่ถ่ายทอดลงมา พวกนาย ก็อดใจรอมาไล่พวกเราไม่ไหวแล้วเหรอ?”

“แก ไอ้คนระย่า ฉันจะเดิมพันกับแก!”

ฉันยีที่อารมณ์เดือดจนเกือบจะถึงขีดอันตราย พอเห็นพี่สาว โดนเหยียดหยามเช่นนี้ เธอก็พุ่งไปทางฉันเพีย

ฉันเฟยหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง “ไม่รู้จักประมาณตน

ฉันเพิ่งจะวิ่งเข้าไปก็โดนรปภ.สองคนขวางเอาไว้ เธอเป็น แค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง จะข้ามผ่านการขัดขวางของผู้ชายเต็ม วัยสองคนได้อย่างไร?

“ปล่อยยืน!!”

ฉินซีก็โถมตัวเข้าไปด้วย แต่ก็มีจุดจบเหมือนกับฉัน

ฉันเฟยเดินไปถึงข้างกายของสองสาว ยิ้มอย่างเหยียด หยาม “ฉินซี ตอนนี้ชานเรือกรุ๊ปอยู่ในมือของฉันแล้ว ต่อให้ ทำให้มันพัง ก็กลับไปอยู่ในมือเธอไม่ได้หรอก ขำ ๆ ๆ ๆ
ฉันดันตัวรปภ.ออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง พุ่งเข้าไปจับ แขนของฉันเฟยไว้ กัดเข้าไปหนึ่งคำ

“อ๊าก…”

จินเฟยที่เมื่อกี้กำลังหัวเราะอย่างหนักด้วยความลำพองใจ อยู่ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้อง โหยหวน เขาต่อสู้ดิ้นรน บริเวณที่ถูกกัดยิ่งถูกดึงรั้ง ความเจ็บ ปวดเพิ่มมากขึ้น

“ปล่อยฉันนะ แก ยัยผู้หญิงชั่ว!” เขาถูกยั่วให้โมโหจบสิ้น สติจนระเบิดความโกรธ ในทันที เขาต่อยออกไปทางฉินซีหนึ่ง

หมัด

“พี่คะ!” ฉันตะโกนเสียงดัง แต่ก็โดนรปภ.สองคนขัดขวาง

เอาไว้ อย่างไรก็ผ่านไปไม่ได้

สามารถบีบบังคับจนฉินซีใช้ฟันกัดได้ แค่คิดรู้ว่าเธอโมโห

เพียงใด

สายตามองกำปั้นของฉันเฟยที่กำลังจะตกลงมาถึงตัวของ เธอ ชั่วพริบตาก็มาถึงแล้ว

“พลั่ก!”

ข้อมือของฉันเฟยโดนจับไว้ในฉับพลัน ตอนนี้ระยะห่างของ กําปั้นกับศีรษะของฉันเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตร

ตอนที่มองเห็นคนที่มาขัดขวางทุกคนต่างรู้สึกช็อก
“หยางเฉิน!” ฉันมองเงาร่างของร่างนั้นด้วยอารมณ์พลุ่ง พล่าน อดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้

จินเองก็ระบายอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่ แล้วจึงเงยหน้า ขึ้นมา เธอมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ที่ในตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ที่แดง ของอีกฝ่ายมองเธออย่างโทษตัวเอง มือข้างหนึ่งยังจับไว้ที่ข้อ มือของจินเฟย

“ที่แท้ก็ไอ้สวะอย่างแกนี่เอง ฉันขอแนะนำให้แกรีบปล่อยมือ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษที่ฉัน…

กร๊อบ!!

ฉันเฟยยังพูดไม่ทันจบ เสียงแตกหักที่กังวานก็ดังมาจาก บริเวณข้อมือ จากนั้นอาการเจ็บปวดเฉียบพลันก็จู่โจมเข้ามา

“อ๊าก…

เสียงร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วทั้งบ้านใหญ่

เขาเพิ่งจะร้องออกมา บนหน้าอกก็โดนพลังมหาศาลปะทะ เข้ามาอีก จากนั้นเขาก็ปลิวไปไกลถึง 7-8 เมตรแล้วตกลงมาแรง ๆ บนพื้นปูนซีเมนต์

สองตา ลอยไปมา นึกไม่ถึงว่าจะหมดสติไป
หยางเฉินเดินไปถึงข้างกายของฉันเฟย หยกเข้าไปตรงร่อง กลางเหนือริมฝีปากแล้วพูดว่า “เป็นลมซะแล้ว แค่นี้เองเหรอ

ฉินเฟยที่เพิ่งจะสลบไปสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้งแล้ว ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นทันที

“อ๊าก…”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นต่อไป

ทุกคนต่างมองไปที่หยางเฉินด้วยสีหน้าตะลึงงัน

คนที่ใช้ขาข้างเดียวกับผู้ใหญ่ทั้งคนปลิวไปได้ไกลถึง 7-8 เมตร นี้ยังเป็นคนอยู่ไหม?

นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญคือคนที่เป็นลมไปแล้ว ยังจะช่วย ให้ฟื้นขึ้นมารับความเจ็บปวดที่ข้อมือหักอีก

แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือถ้าหากหยางเฉินไม่ยอมมือล่ะก็ ป่านนี้

ฉินเฟยได้ไปพบพญายมแล้ว

วันนี้ได้เห็นหยางเฉินถีบคนปลิวอีกครั้ง และยังเป็นฉันเฟ ยอีก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมองหยางเฉินแล้วไม่รู้สึกขัดหูขัดตา

“ถ้าหากไม่อยากตายก็ใสหัวกันออกไปให้หมด! หยางเฉิน ค่าเสียงดังขึ้นฉับพลัน

ยังจะมีใครหน้าไหนกล้าอยู่ที่นี่ต่ออีก? ทุกคนต่างจากไป เหมือนกับกำลังหนีภัยอย่างไรอย่างนั้น
ฉินซีมีท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ หยางเฉินมองดูแล้วปวดใจเป็น

อย่างมาก

“แก ไอ้คนระย่า นึกไม่ถึงว่าถึงกับกล้าต่อยฉันเฟย นาย ท่านยังไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่ เป็นเพราะแก ไม่อย่างนั้น พวกเราจะโดนขับไล่ออกจากตระกูลได้อย่างไร เป็นเพราะไอ้คน ระย้าอย่างแก! ”

โจวซุ่ยพูดแล้วก็ยกมือขึ้นมา แต่มือของเธอยังไม่ทันปะทะ ลงมา ฉันก็พุ่งเข้ามาแล้วคำรามขึ้นมาเสียงดัง “พอได้แล้ว!

“นี่มันเวลาไหนแล้ว? นึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่แม่กังวลจะไม่ใช่ เรื่องที่พี่โดนรังแก กลับเป็นการคิดว่านายท่านจะปล่อยพวกเรา ไปไหม?

อารมณ์ของฉันพลุ่งพล่านเป็นพิเศษ ร้องไห้แล้วก็คำราม ใส่โจวซุย “ตระกูลฉินรังแกจนลามมาถึงพวกเราแล้ว แม่ยังจะ ผลักพี่สาวเข้าไปในกองไฟอยู่อีก? หรือว่าแม่ไม่รักเธอเลย?”

ในตอนนี้เอง ฉินซีที่เงียบไม่พูดไม่จามาโดยตลอดก็เงยหน้า ขึ้นมองหยางเฉินในฉับพลัน “ ก่อน ยังเชื่อถือได้อยู่ไหม? คำพูดที่นายเคยพูดไว้กับฉันเมื่อ

ได้ยินอย่างนั้นหยางเฉินก็ยึดตัวตรง สีหน้าจริงจังขึ้น เขาพูด ด้วยเสียงกังวานเปี่ยมไปด้วยพลังว่า “ขอเพียงเธออยากได้ ต่อ ให้เป็นโลกทั้งใบ ฉันก็ให้เธอได้

ฉันซีเผยความรู้สึกออกมาบนใบหน้า น้ำตาไหลออกมา ราวกับท่าน แตก “ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากได้ใครสักคน คนที่คอยบังลมบังฝนให้กับฉันได้

ได้ยินคําพูดของจินซี ในใจของหยางเงินราวกับกำลังหลัง เลือด มองดูผู้หญิงที่น้ำตานองเต็มใบหน้าแล้วพูดขึ้นมาทันที

พูดออกมาแค่ค่าเดียวแล้วก็หันหลังจากไป

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าแลบผ่าลงมาที่ขอบฟ้า ฝนตกลงมาอย่างหนักในชั่ว

พริบตา

มองดูเงาร่างที่ค่อย ๆ หายไปในสายฝน ฉันก็หมดหนทาง ระงับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานในใจเธอปล่อยโฮออกมาเสียง

ดัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ