The king of War

บทที่ 34 ช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นอ่อนโยน



บทที่ 34 ช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นอ่อนโยน

โทสะสายหนึ่งปะทุขึ้นมาในใจของหยางเฉินทันที ทว่าพอได้เห็น จีน น้ำตาไหลอาบแก้มแบบนี้แล้ว ก็พยายามที่จะข่มมันกลับ เข้าไปอีกครั้ง

“เธอเข้าใจผิดแล้ว!”

หยางเฉินกล่าวอย่างเย็นชา

ทันทีที่เขาพูดจบ เงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา

“เสี่ยว เธอไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”

คนคนนั้นก็คือฉินซี ทันทีที่เธอได้รับโทรศัพท์จากหยางเฉินว่า ฉันอยู่ที่แมนชั่น เช้า ก็รีบออกมาทันที

“พี่คะ!”

เมื่อเห็นฉินซี ฉันก็กอดผู้เป็นพี่ไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาด้วย

ความปวดร้าว

หยางเฉินเดินออกไปข้างนอก โดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

ในเมื่อฉันมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องอธิบายอะไรต่ออีก

สองพี่น้องที่กอดกันร้องไห้อยู่นานเพิ่งจะได้ผละออกจากกัน ฉันกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “พี่คะ หยางเฉินคนนี้เป็นพวก สารเลว ทั้งยังหน้าเนื้อใจเสือ พรุ่งนี้พี่รีบไปหย่ากับเขาเลยนะ
ฉันไม่เข้าใจ “เสี่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิน ความบริสุทธิ์ ของเธอคงถูกทําลายไป แล้วทำไมถึงยังอยากให้พี่หย่ากับเขา อีกล่ะ

“อะไรนะคะ”

ฉัน ตะลึงไปชั่วขณะ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พี่คะ พี่หมายความว่าหยางเฉินเพิ่งจะช่วยฉันไว้อย่างนั้นหรอ

เธอเมาหลับตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินกดจุดแก้ เมาค้าง ให้ละก็ เกรงว่าป่านนี้ก็อาจจะยังคงฝันหวานอยู่ จึงไม่รู้ เลยสักนิดว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากที่ฉันอธิบายต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ให้ฟังไปรอบหนึ่ง ฉันก็นึกขึ้นมาได้ทันที

พอคิดว่าเมื่อกี้นี้เธอเพิ่งจะตบหยางเฉินไปที่หนึ่ง จึงรู้สึกโทษ ตัวเองเป็นอย่างมาก

“พี่คะ ฉัน ฉันเพิ่งจะเข้าใจเขาผิดไปซะแล้วสิ

“ไม่เป็นไร เขาไม่โทษเธอหรอก”

“แต่ฉันยังตบเขาไปที่หนึ่งด้วยนะ”

“อะไรนะ”

สองพี่น้องใช้เวลาอยู่ในห้องพักใหญ่ก่อนที่จะออกมา หยางเฉินกำลังยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่าง สายตาทอดมองออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาถึงได้หมุนตัวกลับมา ก่อน จะเหลือบมองสองพี่น้องแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ผมจะไปส่งพวก คุณกลับบ้าน!”

พูดจบก็ออกไปก่อนทันที

ฉันมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยความรู้สึกผิด

รถแล่นไปตามเส้นทางบนถนน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ จอดลงที่ด้านหน้าของบ้านตระกูลน

“คุณ ทำไมไม่เข้าไปดูเสี้ยวเลี้ยวหน่อยล่ะ เธอคิดถึงคุณมา หลายวันแล้ว” ฉินซีลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา

ฉันเองก็มองหยางเฉินด้วยสีหน้าคาดหวัง ที่เธอเพิ่งจะตบ

หน้าเขาไปยังไม่ได้ขอโทษเลย

หยางเฉินมองเวลาแวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเสี้ยว เสี้ยว ไว้วันหลังผมค่อยมาเยี่ยมเธอใหม่”

ทันใดนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี

“ผมไปแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์”

หยางเฉินสตาร์ทรถและขับออกไปช้าๆ
“ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะพี่เขย

จนกระทั่งหยางเฉินขับรถออกไปไกลแล้ว ฉันถึงได้เพิ่งจะ ตะโกนออกมา ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา

เพียงแต่ว่าค่าขอโทษของเธอ ไม่ได้ถูกลิขิตไว้ให้เขาได้ยิน

หยางเฉินเพิ่งจะกลับถึงยอดเมฆา ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากฉัน ทันที

เขายังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงกังวานใสที่คุ้นเคยดัง ขึ้น “คุณพ่อคะ หนูคิดถึงคุณพ่อจังเลย!”

เมื่อได้ยินเสียงของเสี้ยวเสี้ยว มุมปากของหยางเฉินก็ยกขึ้น เบาๆ ทุกครั้งที่เขาคิดถึงลูกสาว ก็มักจะรู้สึกเหมือนตกอยู่ใน ความฝัน

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมเสียวเสียวยังไม่นอนอีกคะ” หยางเฉิน ถามอย่างอ่อนโยน

“คุณพ่อคะ หนูคิดถึงคุณพ่อจนนอนไม่หลับแล้ว

น้ำเสียงของเสียวเสียวเจือไปด้วยการสะอื้น

ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงของฉันดังขึ้น “หยางเฉิน คุณรอสัก ครู่นะ พวกเราจะวิดีโอคอลวีแชทไป แบบนี้เสี้ยวเสี้ยวก็จะได้เห็น หน้าคุณแล้ว”

จากนั้นฉินซี วิดีโอคอลมาอย่างรวดเร็ว
ทันที หยางเฉินกดรับสาย เขาก็ได้เห็นเสี้ยวเลี้ยวที่สวมชุด นอนลายการ์ตูนอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของฉัน

“คุณพ่อ!”

เสียวเสียวมองหยางเฉินแล้วส่งเสียงเรียกออกมาอย่างตื่นเต้น ใจ

เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผู้เป็นสายเลือดแท้ๆ ของตัวเอง หยาง เฉินก็รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเขากำลังจะหลอมละลาย ก่อนจะ รีบตอบกลับไปว่า “สวัสดียามดึกนะคะเลี้ยวเสี้ยว!”

“คุณพ่อคะ พรุ่งนี้คุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านกับหนูและคุณแม่ได้ ไหมคะ” เสี้ยวเสี้ยวถามออกมาด้วยสีหน้าคาดหวัง หยางเฉินรู้สึกขมขื่นไปทั้งหัวใจ ทำไมเขาถึงจะไม่อยากกลับ

ไปอยู่กับลูกสาวของตัวเองล่ะ ทว่าโจวซุยชิงชังเขาเข้า

กระดูก า จะยอมให้เขากลับไปได้ยังไง

“คุณพ่องานยุ่งมากเลย รอเขาทำงานเสร็จแล้วค่อยกลับมาอยู่ เป็นเพื่อนลูกดีไหม” ฉันกอดลูกสาวไว้แล้วพูดออกมาด้วยน้ำ เสียงอบอุ่นอ่อนโยน

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ!”

ถึงแม้เสี้ยวเสี้ยวจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เด็กที่รู้ความอย่าง เธอก็ไม่อยากที่จะรบกวนการทำงานของผู้เป็นพ่อ

“คุณพ่อคะ ดูนี่เร็วสิ อันนี้เป็นภาพวาดครอบครัวแสนสุขที่ เสี้ยวเสี้ยววาดเอง นี่เป็นคุณพ่อ นี่เป็นคุณแม่ ส่วนตรงกลางก็คือเสียวเสี้ยวยังไงละคะ”

ถึงแม้จะทำได้เพียงพบหน้าผู้เป็นพ่อผ่านทางวิดีโอ แต่ก็ยังคง ทําให้เด็กสาวตื่นเต้นไม่น้อย เธอหยิบภาพวาดสีน้ำใบหนึ่งออก มาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

ภาพวาดสีน้ำภาพนั้นเป็นรูปของคนสามคนที่กำลังจับมือกัน อยู่ ถึงแม้พู่กันจะยังดูอ่อนหัด แต่ก็สามารถสังเกตเห็นได้อย่าง ชัดเจน ว่าใบหน้าของคนบนภาพวาดเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่มองภาพนี้ หยางเฉินก็รู้สึกผิดไปทั้งหัวใจ ฉันเองก็ สองตาแดงก๋า

เด็กหญิงไม่ได้สังเกตเห็นถึงความเงียบที่เกิดขึ้นอย่าง กะทันหันของสองสามีภรรยาเลยสักนิด เธอยังคงแนะนำภาพ วาดของตัวเองอย่างมีความสุขมากๆ

“คุณพ่อเล่านิทานให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ” ทันใดนั้นเสี้ยว เดี๋ยวก็มองไปยังหยางเฉินแล้วถามออกมาอย่างคาดหวัง

หยางเฉินยกยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะพยักหน้า “กาลครั้งหนึ่งนาน มาแล้ว มีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ข้างในภูเขามีวัดอยู่แห่งหนึ่ง และใน วัดก็มีพระอยู่รูปหนึ่ง….

“นิทานเรื่องนี้คุณแม่เล่าให้หนูฟังหลายรอบแล้ว!” เด็กหญิง หัวเราะคิกคัก

“ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อเล่านิทานเกี่ยวกับหนุ่มยาจกคนหนึ่งให้ฟัง ตไหมคะ”
“ดีค่ะ หนูอยากฟัง!”

“เมื่อห้าปีก่อน หนุ่มยาจกที่ไม่มีอะไรเลยได้แต่งงานกับสาว งามเพียบพร้อมคนหนึ่ง…

พวกเขาวิดีโอคอลกันจนดึก สุดท้ายระหว่างที่หยางเฉันกำลัง เล่านิทานอยู่นั้น เสียวเสี้ยวก็หลับฝันหวานไปแล้ว ทว่านิทาน เรื่องนี้กลับยังไม่จบ

“หลังจากที่หนุ่มยาจกคนนั้นต้องเผชิญหน้ากับความตายมา นับครั้งไม่ถ้วน ท้ายที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของชายแดน เหนือ พื้นที่แห่งนั้นถูกสร้างให้ไร้ซึ่งศัตรู จึงไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่ง กล้าบุกเข้ามาก่อความวุ่นวายอีก ทว่าในใจของหนุ่มยาจกคน นั้นกลับไม่เคยลืมผู้หญิงที่ตนแต่งงานด้วย ท้ายที่สุดเขาจึงกลับ มา”

เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้ หยาดน้ำตาของฉันไหล อาบเต็มใบหน้าไปตั้งนานแล้ว

เมื่อถึงตอนนี้หยางเฉินก็เพิ่งที่จะตระหนักได้ว่า เขาได้เผลอเล่า ชีวิตการศึกสงครามตลอดห้าปี โดยไม่รู้ตัว “ผมก็แค่เล่านิทานเรื่องหนึ่งเท่านั้น คุณอย่าร้องไห้

หยางเฉินมองไปทางฉินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเต็ม ใบหน้า

หยาดน้ำตาของฉันยังคงไหลไม่หยุด “คุณผ่านวันเวลาพวก นั้นมาทั้งแบบนี้เลยเหรอคะ”
หยางเงินเงียบไปในทันที ทว่าฉันก็ได้รู้คำตอบแล้ว ถึงแม้ว่า นิทานจะถูกกระชับรายละเอียดลงไปมาก แต่ก็ยังคงทําให้เธอ รู้สึกได้ว่า หนุ่มยาจกที่เป็นวีรบุรุษในสนามรบคนนั้น จะต้องอก สั่นขวัญแขวนกับชีวิตที่อยู่บนเส้นด้ายอย่างแน่นอน

“พรุ่งนี้คุณพอจะมีเวลาไหมคะ” ฉันก็โพล่งออกมา

เมื่อเห็นหยางเฉินพยักหน้า เธอก็รีบกล่าวต่อว่า “พรุ่งนี้เป็นวัน อาทิตย์ พวกเราพาเสี้ยวเสี้ยวไปสวนสัตว์กันดีไหมคะ

“ดีครับ!”

“เจอกันพรุ่งนี้นะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ!”

“ราตรีสวัสดิ์”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ หยางเฉินก็เดินไปที่ข้างหน้าต่าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ที่มีความยาวตั้งแต่เพดานจรด พื้น และทอดมองไปยังทัศนียภาพยามค่ำคืนของเจียงโจวที่อยู่ ด้านล่าง นอกจากความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ในใจแล้ว ยังมีความ กดดันที่หนักอึ้งหาใดเปรียบ

ฉินซีที่อยู่ บ้านตระกูลฉินเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เธอกอดลูกสาว เอาไว้ในอ้อมแขนแน่น ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่อง ของหนุ่มยาจกคนนั้น

วันถัดมา กระทู้จำนวนนับไม่ถ้วน รวมไปถึงสำนักข่าวต่างๆ ได้ทำการเผยแพร่ภาพวิดีโอและบทความขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าจะทำการใส่เซ็นเซอร์ลงไปแล้ว ทว่าก็ยังคงเผยให้เห็นใบหน้าของ ตัวละครหลักอย่างชัดเจน

ข่าวฉบับนี้สร้างความสนสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเลี้ยงโจว ตระกูลสงมีสถานะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลแนวหน้าของเจียงโจว และลงเหว่ยก็เป็นหลานชายคนโตของผู้นำตระกูลลง แค่คิดก็รู้ ได้ทันทีเลยว่าเรื่องนี้จะต้องส่งผลกระทบต่อตระกูลสงมากแน่ๆ

ส่วนทางด้านคฤหาสน์ตระกูลฉิน หลังจากที่นายท่านฉันเห็น ข่าวนี้ก็แทบจะเป็นลมไปในทันที

ทันใดนั้นเอง ก็มีคนคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้องของนาย ท่านฉิน ก่อนจะกล่าวอย่างร้อนรน “ผู้นำครับ แย่แล้ว คนจาก ศาลมาถึงแล้ว ต้องการตรวจสอบเพื่ออายัดคฤหาสน์ตระกูลฉิน ของพวกเรา แล้วก็ยังให้พวกเราทั้งหมดออกไปจากที่นี่ บอกว่า หลังจากนี้จะต้องนำไปเข้าประมูลเพื่อชดใช้หนี้!”

“อะไรนะ”

นายท่านฉันพลันลุกขึ้นมา ทว่าเพิ่งจะยืนก็รู้สึกเหมือนเลือดใน กายกำลังหมุนขึ้นลงไปมา โรคหัวใจกำเริบทันที

“ผู้นํา!”

เหล่าคนรับใช้ตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง ถ้าไม่ใช่เป็น เพราะได้รับการรักษาทันเวลา ป่านนี้เขาคงกลับบ้านเก่าไปแล้ว

ทันทีที่นายท่านฉินได้สติ เขาก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห “รีบ ไปถ่ายทอดคำสั่งผู้นำตระกูล ขับไล่ฉันเฟยออกจากตระกูลนนับแต่นี้ไปไม่อนุญาตให้เขาเหยียบเข้ามาในตระกูลฉินแม้แต่ ก้าวเดียว!

ทางด้านตระกูลลง ชายชราผมขาวในชุดถังกำลังอ่านรายงาน

บนหนังสือพิมพ์ ก่อนจะตัวสั่นเทิ้มด้วยโทสะ และข้างกายเขาก็คือชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบปีที่กำลัง

ยืนตัวสั่นระริกอยู่

“เผยะ!”

ชายชราผมขาวฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่าง แรง จากนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างโมโหว่า “สวะโสโครก! ดูเรื่อง ดีงามที่แกทำไว้พวกนี้ จากนี้อย่าว่าแต่เจียง โจวเลย กระทั่งทั้ง จิ๋วโจวก็รู้กันหมดแล้ว แกจะให้ฉันเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ไหนได้ อีก”

“ตึง!”

สงเหว่ยหวาดกลัวจนแข้งขาทั้งสองข้างอ่อนแรงไปหมด เขา คุกเข่าลงทันที ก่อนจะร้องไห้อ้อนวอนว่า “ครับ ผมเองก็ถูก ทําร้ายเหมือนกัน ล้วนเป็นเพราะไอ้สารเลวคนนั้น เขาวางยาแล้ว ยังพวกเราไว้ด้วยกัน”

“มันเป็นใคร” ชายชราผมขาวกล่าวอย่างโมโห แน่นอนเขา ย่อมรู้ดีว่าสงเหว่ยไม่ได้เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง

สงเหว่ยกัดฟัน “มันชื่อว่าหยางเฉิน เป็นเขยแต่งเข้าของ ตระกูลฉิน”
“เขยแต่งเข้าตัวเล็กๆ ของตระกูลฉันก็ยังจัดการไม่ได้ เป็นสวะ ที่ไร้ประโยชน์จริงๆ” ชายชราผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อได้ยินดังนี้ ลงเหว่ยก็ตกใจจนหน้าถอดสี ก่อนจะรีบพูด ออกมาว่า “ปวางใจเถอะครับ ความอัปยศ ในครั้งนี้ผมจะต้อง สนองคืนมันด้วยตัวเอง ทำให้มันได้รู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ที่ตามมาจาก การลงมือกับคนของตระกูลสงอย่างผม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ