The king of War

บทที่233 โลกที่ผิดปกติ



บทที่233 โลกที่ผิดปกติ

“เธอพูดอีกทีหนึ่งสิ?”

ในน้ำเสียงของตงเฟิงเห็นได้ชัดว่ามีความโกรธหลายระดับ

ใครต่างดูออกกันหมด ตงเฟิงในตอนนี้ เกินกว่าขอบเขต ของความโมโหเดือดดาลไปแล้ว

ครั้งนี้ ในที่สุดเจิ้งเหม่ยหลิงสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ชั่วขณะนั้นตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน

“เจ้าบ้านคะ ฉันทำเพื่อชื่อเสียงของท่านนะคะ!” เจิ้งเหม่ย

หลิงพูดเสียงดังออกไป

“ป้าบ!”

ตงเฟิงตบเข้าไปที่หน้าที่หนึ่ง พูดจาฉุนเฉียว “แกแม่งถือว่า ตัวเองเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน?”

ชั่วพริบตาเดียวเลือดสดที่มุมปากของเจิ้งเหม่ยหลิงก็ไหลออก มาแล้ว ใบหน้าด้านซ้ายบวมเปล่งขึ้น ด้านบนยังมีรอยฝ่ามือที่ ชัดแจ๋วอยู่

“กล้ามาหลอกใช้ฉันจัดการคนอื่น แกแม่งอยากตายหรือไง?”

คงเพิ่งจับผมยาวของเจิ้งเหม่ยหลิงเอาไว้ ตะคอกใส่ด้วย ความโมโห

เดิมทีเพราะเรื่องเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาโกรธเคืองอย่างยิ่งอยู่แล้ว และเจิ้งเหม่ยหลังโผล่ออกมาอีกคนหนึ่ง คาดไม่ถึงยังกล้า มาหลอกใช้ตนเอง มู่ตงเฟิงถลึงตาเดียวดาล ในสายตาเต็มไป ด้วยแรงอาฆาตแค้นที่รุนแรง

เจิ้งเหม่ยหลิงส่งเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดออกมา ร้องไห้ตะโกน เสียงดัง “เจ้าบ้าน! ที่ฉันพูดล้วนเป็นความจริง เขาเป็นแค่ ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ!

“ยังกล้ามาเล่นลิ้นกันฉันอีก ไม่รู้จักที่ตายเสียจริง!

มู่ตงเฟิงพึ่งพูดจบ ถีบเจิ้งเหม่ยหลิงล้มลงบนพื้นแล้ว จากนั้น พูดสั่งกับบอดี้การ์ดสองคนว่า “นังแพศยาคนนี้ ให้พวกแกเอาไป เสพสุข!”

“ขอบคุณครับเจ้าบ้าน!

พอบอดี้การ์ดสองคนได้ยิน ต่างพากันดีใจยกใหญ่

ถึงแม้ว่าเจิ้งเหม่ยหลิงจะไม่มีทางเทียบได้กับฉินซีที่เป็นสาว งามเลิศล้ำแบบนี้ได้ แต่ยังถือว่าหน้าตาดูดีในระดับหนึ่ง

บอดี้การ์ดทั้งสองคนยิ้มชั่วร้ายเดินไปยังเจิ้งเหม่ยหลิง หน้าตา หล่อนดูตกใจกลัวเต็มที่ จนกระทั่งวินาทีนี้ ถึงสำนึกได้ว่าตนเอง ทําผิดพลาดไป

“เจ้าบ้านมู่คะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอให้ท่านปล่อยฉันไปด้วยนะ คะ ฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้วจริงๆ”
หล่อนเหมือนสุนัขเพศเมีย คลานไปยังแทบเท้าของอู่ตงเฟิง ร้องไห้อ้อนวอน

“ไสหัวไป!”

ตงเฟิงถีบหล่อนออกไปที่หนึ่ง

หยางเฉินมองตงเฟิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขาเป็นบุคคลที่ ปรับตัวได้ตามสถานการณ์คนหนึ่ง

เพียงแต่คนที่มีปณิธานต่างกันย่อมไม่มีทางร่วมงานกันได้ คน ประเภทนี้ เขาไม่ชอบเอามากๆ ถึงแม้จะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่อาจจะใช้งานได้

“พวกเราไปกันเถอะ!

หยางเฉินดึงฉินซีไว้แล้วพูดขึ้น

“พี่คะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันขอร้องพี่นะ ฉันสำนึก ผิดแล้วจริงๆ”

เจิ้งเหม่ยหลิงรู้ว่ามู่ตงเฟิงไม่อาจปล่อยหล่อนไปแน่นอน ตอนนี้ มีความหวังเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือฉินซี หล่อนน้ำตานองเต็มหน้า คุกเข่าอ้อนวอนอยู่แทบเท้าฉินซี

แม้แต่คนใหญ่คนโตของเมืองโจวเฉิงเหล่านั้นยังทนดูไม่ได้ เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้จึงอยากจะอาศัยมือของตงเฟิง ทำให้ หยางเฉินและฉินซีหมดหวัง

ตอนนี้กลับมาขอร้องให้พวกเขาช่วยหล่อน
“ตอนนี้มาสํานึกผิดได้แล้วเหรอ? สายไปแล้ว!

หยางเฉินยักคิ้วขึ้น ปกป้องฉันเอาไว้ด้านหลัง พูดจาเย็นชา “นี่คือการหาเรื่อง ใส่ตัวเอง ไม่มีทางหนีพ้น

“พี่เขย ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริงๆ ใครบ้างตอนเป็นหนุ่มสาว ไม่เคยทำผิดพลาดกัน! ขอให้พี่ให้โอกาสฉันสักครั้ง ต่อไปคือผู้ มีพระคุณสูงสุดของฉัน ฉันจะต้องตอบแทนพี่กับพี่เขยอย่างดี แน่นอน!”

เจิ้งเหม่ยหลิงร้องไห้ไปพูดไป

“ไสหัวไป!”

เฉียนเปียวเข้ามากะทันหัน ขวางด้านหน้าของเจิ้งเหม่ยหลิงไว้

ฉันทนไม่ได้อยู่บ้าง พูดเสียงเบาๆ “ที่รัก คุณว่าช่วยหล่อนอีก สักทีได้หรือเปล่า?”

หยางเฉินพูดด้วยท่าทางจริงจัง “เสี่ยว คุณน่าจะยังจำฟาง เยว่ได้มั้ง? ตอนนั้นคุณทำกับหล่อนยังไง? แล้วหล่อนทำกับคุณ ยังไง?”

ได้ยินหยางเฉินพูดถึงฟางเยว่ ฉันซือดสั่นไปทั้งตัวไม่ได้ ครั้งก่อนเสี้ยวเลี้ยวถูกฟางเยวหลอกพาตัวไป ถ้าไม่ใช่หยาง เฉิน ใครจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“นี่คือโลกที่ผิดปกติ คนที่ไม่อยากเห็นคุณมีชีวิตอยู่ดีมากที่สุด มักจะเป็นคนที่คุณมอบความปรารถนาดีให้เหมือนกับคนแบบหล่อน ไง” หยางเฉินพูดจาแบบหน้าตาเรียบเฉย

เขาพูดได้แจ่มแจ้งมากพอแล้ว ถ้าฉันซื้อยากยืนหยัดช่วยเจิ้ง เหม่ยหลิงต่อ เขาก็จะทำตามแน่นอน

“ที่รัก ฉันเข้าใจแล้ว!”

บนหน้าฉันเต็มไปด้วยการดิ้นรน ในที่สุดก็ตัดสินใจออกมา “ยังไงพวกเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ช่วยหล่อนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วกัน!”

ดวงตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยแววตาที่อ่อนโยน มองผู้หญิง โง่ที่จิตใจดีคนนี้อยู่ จากนั้นหมุนตัวไป มองทางตงเฟิง “เจ้าบ้า นม ทุกคนต่างทำผิดกันได้ถ้าให้อภัยก็ให้อภัย ในเมื่อไม่ใช่เรื่อง ใหญ่อะไร พวกเราจะพาตัวหล่อนไปแล้วกัน!!

ไม่มีใครนึกถึง คาดไม่ถึงหยางเฉินจะช่วยชีวิตเจิ้งเหม่ยหลิง

เมื่อสักครู่ แรงแค้นที่ผู้หญิงคนนี้มีต่อเขารุนแรงอย่างมากเลย

มู่ตงเฟิงสีหน้าอึมครึมถึงขีดสุด จ้องหยางเฉินตาไม่กะพริบ ไม่ พูดอะไรสักคํา

“ยังไม่ไสหัวมาอีก!”

หยางเฉินตวาดใส่ใส่เจิ้งเหม่ยหลิงทีหนึ่ง

เจิ้งเหม่ยหลิงราวกันตื่นจากฝัน ล้มลุกคลุกคลานมาที่ข้างกายหยางเจิน

ภายใต้สายตาของทุกคน หยางเฉินจับมือของฉันจากไป เฉียนเปียวคุ้มครองประชิดตัวอยู่ด้านหลัง เจิ้งเหม่ยหลิงตามมา ติดๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ มู่ตงเฟิงไม่ได้ขัดขวางทั้งสิ้น

“เรื่องในวันนี้ ถ้ามีใครกล้าพูดมั่วซั่วสักคำเดียว อย่าหาว่าฉัน ไม่เกรงใจ!”

หลังรอให้หยางเฉินพาคนออกไป คงเพิ่งกวาดสายตาเย็น เฉียบมองผู้คน พูดจาอย่างเย็นชา

พอได้ยินเข้า ทุกคนก็รีบแสดงท่าทีว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป

แน่นอน

ชั้นบนสุดของโรงแรม หอทรงศักดิ์

ภายในห้องส่วนตัวมีเพียงคนของตงเฟิงและเฉินชิงไห่ทั้ง สองฝ่าย ส่วนคนอื่นๆ โดนตงเฟิงไล่ออกไปเรียบร้อยแล้ว

“เจ้าบ้านเฉิน นี่คือเมืองโจวเฉิง ผมว่าเรื่องบางอย่าง คุณจะ สะดวกมากกว่าผม ไอ้หนุ่มเมื่อกี้คนนั้นสรุปว่ามีเบื้องหลังอะไร อยู่ ต้องมอบให้คุณไปตรวจสอบ”

มู่ตงเฟิงนั่งอยู่ตำแหน่งทรงเกียรติ พูดจาด้วยสีหน้าหนาวเย็น

ในใจเฉินชิงไห่แอบก่นด่าว่าพวกปลิ้นปล้อน แต่ยังรีบเอ่ยปาก บอกว่า “ได้ครับ เรื่องนี้มอบให้ผมจัดการ ผมจะให้คำตอบท่านอย่างเร็วที่สุด!”

มู่ตงเฟิงตอบกลับ จากนั้นพูดตามมาอีก “โครงการที่พวกเรา คุยไว้ก่อนหน้านี้ งั้นตกลงตามนี้แล้วกัน ผมจะรีบจัดเตรียมคนมา เซ็นสัญญากับคุณให้เร็วที่สุด”

เฉินชิงไห่ที่เมื่อสักครู่ยังก่นด่าในใจอยู่บ้าง หลังจากได้ยินคำ พูดประโยคนี้ของผู่ตงเฟิง ชั่วขณะนั้นท่าทางดีใจ รีบบอกว่า “ขอบคุณครับเจ้าบ้าน

อีกด้านหนึ่ง พวกของหยางเฉินหลังออกมาจากโรงแรม ฉินซีที่ พะวงมาโดยตลอด ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงมาได้แล้ว

“เธอไปเถอะ!”

ฉินซีมองเจิ้งเหม่ยหลิงแบบหน้าตาเฉยชาพลันพูดขึ้น

“พี่คะ ฉันผิดไปแล้ว!

เจิ้งเหม่ยหลิงดวงตาแดงก่ำ

สีหน้าฉันไม่เปลี่ยนแปลง บนตัวเต็มไปด้วยความเย็นชาที่ หยิ่งยโส ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ทำให้เธอผิดหวังถึงที่สุด

“เจิ้งเหม่ยหลิง ฉันบอกแล้วไง เธอไม่สมควรมาเรียกฉันแบบนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้ง นั้น”

ฉินซีพูดจาเย็นชา “อย่าคิดว่าที่ฉันช่วยเธอไว้คือความอาลัยอาวรณ์แบบพี่น้องนะ ต่อให้เป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ฉันก็ช่วย

เหมือนกัน” พูดจบ จินซีก็ดึงมือของหยางเฉินแล้วพูดว่า “ที่รัก พวกเราไป

กันดีกว่า!”

“ได้!”

ปฏิกิริยาของฉัน ทำให้หยางเฉินพึงพอใจมาก

รักษาจิตใจเมตตาแรกสุดของเธอเอาไว้ และสามารถตัดสิน ใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ยืดยาดแม้แต่น้อย

เจิ้งเหม่ยหลิงกำลังอยากอ้อนวอนต่ออีก ทันใดนั้นเฉียนเปียว ก็ขวางด้านหน้าไว้ ทำหน้าตาอาฆาตแค้นจ้องเจิ้งเหม่ยหลิงก่อน

จะบอกว่า “ถ้าเธอกล้ามารบกวนพวกเขาอีก ฉันฆ่าเธอแน่!”

ทันทีที่คำพูดประโยคนี้ของเฉียนเปียวหลุดออกจากปาก เจิ้ง เหม่ยหลิงจึงฝืนกลั้นสิ่งที่กำลังอยากพูดออกมากลับไป

จนกระทั่งหยางเฉินพาฉันขึ้นรถออกไป บนใบหน้าเจิ้งเหม่ย หลังถึงเผยสีหน้าดุร้ายออกมา กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “นังตัวดี คิดว่าฉันเห็นแกเป็นพี่สาวจริงๆ งั้นเหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ