The king of War

บทที่ 374 การประชุมใหญ่เริ่มต้นขึ้น



บทที่ 374 การประชุมใหญ่เริ่มต้นขึ้น

“เพิ่งฉวน อย่าหยาบคายกับคุณหยางนะ!”

กวนเจิ้งซานยืนขึ้นและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมไม่รู้ว่า ครอบครัวอื่นจะคิดยังไง แต่คุณหยางสามารถตัดสินในนามของ ตระกูลกวนของผมได้!”

“กวนเจิ้งซาน คุณคงแก่จนสมองสับสนไปหมดแล้วสินะ ก็ว่า ทำไมคุณถึงมอบตำแหน่งเจ้าบ้านข้ามรุ่นให้กับหลานชายของ คุณ”

เฝิงฉวนพูดอย่างประชดประชันกัน

“คุณหยางสามารถตัดสินใจแทนตระกูลซูของผมด้วย! และในขณะนี้ ซูเฉิงคู่ก็พูดขึ้นเช่นกัน

ก่อนหน้านี้หยางเฉินไปที่บ้านตระกูลเพิ่งคนเดียว ซูเฉิงอู่ก็ได้ เสียโอกาสไปครั้งหนึ่งแล้ว สุดท้ายหยางเฉินออกจากบ้านตระ กูลเมิ่ง แม้แต่ตระกูลหานยังเต็มใจที่จะช่วยหยางเฉิน

หากครั้งนี้พลาดอีก เกรงว่าชาตินี้ตระกูลซูคงไม่มีโอกาสได้ เข้าใกล้หยางเฉินแล้ว

“ว่าไงนะ? ตระกูล ของคุณก็จะฟังไอ้เด็กคนนี้?”

ดวงตาของเฝิงฉวนเต็มไปด้วยความน่าเหลือเชื่อ

“คุณหยางมีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจแทนเจียงโจวของเราจริงๆ”

เว่ยเฉิงโจวก็พูดขึ้น

เดิมที่เขาต้องการเข้าร่วมอุดมการณ์อยู่แล้ว แต่ตระกูลกวนกับ ตระกูลซูต่างก็ฟังหยางเฉินคนเดียว ถ้าหากเขาต้องการใช้ อิทธิพลจากตระกูลซูกับตระกูลกวน เขาจึงจำเป็นต้องเลือกที่จะ ฟังหยางเฉินด้วย

จวงเพิ่งลังเลอยู่พักหนึ่ง และสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า “ผมก็เห็นด้วย เช่นกัน!”

และในครั้งนี้ สายตาที่เพิ่งฉวนมองหยางเฉินก็ไม่มีความดูถูก อีก

แม้จะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เด็กหนุ่มที่สามารถทำให้ทั้งสี่พร

รกแห่งเมืองเจียงโจวต้องฟังเขาได้ แล้วเขาจะเป็นคนธรรมดาได้

อย่างไร?

“เจียงโจวนับวันก็ยิ่งเดินถอยหลังจริงๆ เลยนะ ถึงขั้นให้เด็ก อายุน้อยกว่าสามสิบปีมาเป็นตัวแทนของเจียงโจวทั้งหมด

ฟันจนหัวเราะและพูดอย่างไม่สนใจใคร เขาไม่มองหยางเฉิ นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

“ฟันจุน ห้ามคุณดูถูกคุณหยางนะ!”

ในขณะนี้ กวนเจิ้งซานลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความโกรธ
ซูเฉิงอู่พูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ถ้าพวกคุณมาเพื่อเยาะเย้ย เจียงโจวของเรา เชิญพวกคุณกลับไปเถอะ ไม่ต้องคุยเรื่องการ ร่วมมือแล้ว!”

หยางเฉินยังคงนิ่งสงบดั่งภูเขา สายตาที่มองเผิงฉวนกับฟัน จุนก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“เอาล่ะ เงียบกันได้แล้ว!

ในเวลานี้ เว่ยเฉิงโจวยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อเราทั้งสองฝ่าย ต่างก็มีอุดมการณ์เดียวกัน งั้นเรามาตกลงตามนี้ ไม่ว่าใครหน้า ไหนที่คิดจะหวังผลประโยชน์จากพวกเรา พวกเราจะต่อต้านมัน ให้ถึงที่สุด!”

“เยี่ยม ตกลงตามนี้เลยครับ! ผมเห็นด้วย!”

“ผมก็เห็นด้วยเช่นกัน!!

ทันใดนั้น เหล่าผู้นำหลายๆ คนต่างก็เห็นด้วย มีเพียงเฝิงฉวนกับฟันจุนที่ยังมองหยางเฉินไม่เข้าตา พวกเขาไม่เชื่อเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะมีบทบาทสำคัญได้ ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องรับรองของตระกูลเพิ่ง มีเพียงคนจากตระกูลเมิ่งและคนของหวงจง “เจ้าบ้านเพิ่งจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
หวงจงถามอย่างกังวลใจ

เพิ่งหงเพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว ท่านจึงไม่ต้องห่วงนะ ครับ ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ถ้ากล้า คัดค้านเรา มันก็จะเป็นศัตรูของทุกคนครับ”

หวงจงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถสงบสติ อารมณ์ได้ในขณะนี้ เพราะร่างของหยางเฉินมักจะปรากฏขึ้นใน ความคิดของเขาเป็นครั้งคราว

ก่อนหน้านี้ที่อยู่ตรงหน้าประตู หยางเฉินแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว ต่อเขา และมันก็ทําให้เขารู้สึกกังวลเป็นพิเศษ

ซึ่งการเดินทางมาเมืองเจียงผิงในครั้งนี้ สำหรับเขาแล้วมันมี ความสําคัญมาก

ถ้าหากเขาครอบครองมณฑลเจียงผิงได้สําเร็จ การสืบทอด

ตำแหน่งเจ้าบ้านของตระกูลก็จะไร้อุปสรรคใดๆ

แต่ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่าว่าแต่ตำแหน่งเจ้าบ้านของ ตระกูลเลย แม้แต่ตำแหน่งการเป็นทายาทผู้สืบทอดยังต้องสั่น คลอน

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในตระกูลหวงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มา ทำภารกิจในมณฑลเจียงผิงแห่งนี้

นอกจากนี้ยังมีทายาทคนอื่นๆ ในตระกูลหวง พวกเขาต่างก็ ออกไปต่างจังหวัดเพื่อสร้างเครือข่ายให้กับตระกูลหวง

ดังนั้นเขาจําเป็นต้องประสบความสำเร็จในภารกิจครั้งนี้
ณ เวลา 19:30 น. สถานที่ที่ถูกจัดเตรียมสำหรับการประชุม แลกเปลี่ยนในโรงแรมจงโจวได้เปิดประตูอย่างตรงต่อเวลา

ซึ่งมากกว่า 20 เมืองจากมณฑลเจียงผึ้ง และเหล่าเศรษฐีระ ดับต้นๆ ที่มีมากกว่า 80 ตระกูลก็ได้มาถึงสถานที่จัดงานเป็นที่ เรียบร้อย

ในแต่ละครอบครัวจะมีตัวแทนหลายๆ คนมาเข้าร่วมงานนี้ ซึ่ง รวมกันทั้งหมดก็มากกว่าร้อยคนแล้ว

และในเวลานี้ ผู้คนมากมายอยู่เต็มห้องประชุมขนาดใหญ่แห่ง

“ตระกูลเฉินจากเมืองโจวเฉิงมาถึงแล้ว!”

“ตระกูลที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่ ตั้งแต่กลายเป็นตระกูล เดียวที่เป็นผู้นำในเมือง โจวเฉิง สถานะของตระกูลเฉินก็เต็ม เปี่ยม ซึ่งอิทธิพลของพวกเขาอยู่รองลงมาจาก หาน เมิ่ง หนึ่ง สามตระกูลยักษ์ใหญ่จากเมืองเอกเท่านั้น”

“ตระกูลหนึ่งจากเมืองเอกมาถึงแล้ว!”

“หนิงเจิ้งกัง อดีตผู้นำของตระกูลหนึ่งก็มาถึงแล้วด้วย!”

“ตระกูลหานมาแล้ว!!

“คนนั้นคือเพิ่งหงเย่ ผู้นำของตระกูลเพิ่ง!”

“แล้วชายวัยกลางคนคนนั้นคือใคร? ทำไมเมิ่งหงเยถึงต้อง เดินตามเขาด้วย?”
เมื่อตระกูลยักษ์ใหญ่เหล่านี้ปรากฏตัว บรรดาผู้มาร่วมงานที่มี เรื่องพูดคุยขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะเมื่อเห็นหวงจงที่เดินอยู่หน้าเพิ่งหงเย่ ทุกคนก็ยิ่ง ตก ใจ

“เมิ่งหงเยเป็นผู้นำของตระกูลเพิ่งเชียวนะ แม้แต่คนระดับนี้ยัง

ต้องเดินตามหลัง แล้วชายวัยกลางคนคนนั้นคือใครกันแน่?

“คนระดับนี้ต้องเป็นคนที่มาจากเมืองเยนเท่านั้น!

คนที่รู้จักหวงจงนั้นมีไม่มาก ฉะนั้นเวลานี้จึงเกิดเสียงซุบซิบขึ้น มากมาย และทุกคนต่างก็ตกตะลึงกัน

ส่วนหยางเฉินก็เห็นหวงจงแล้ว แต่ดวงตาของเขายังคงนิ่งเฉย และดูเหมือนหวงจงไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย

หวงจงก็ดูเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาจึงกวาดมองไปที่

ฝูงชนโดยไม่รู้ตัว

ทันทีที่เขาเห็นหยางเฉิน ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความ อาฆาต

ทั้งสองสบตากันสักพัก จากนั้นหวงจงก็หันกลับไปและนั่งลง บนที่นั่งเจ้าภาพ

แต่เพิ่งหงเยู่ในฐานะเจ้าภาพ เขากลับได้นั่งอยู่ในตำแหน่ง แรกถัดจากทางด้านซ้ายของหวงจงเท่านั้น

ซึ่งการจัดที่นั่งแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้ผู้คนประหลาดใจมากขึ้น
หลายๆ คนเดาได้ว่าหวงจงต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่าง แน่นอน คนที่ได้รับเกียรติจากเมิ่งหงเย่ขนาดนี้ ต้องเป็นคนที่มา จากเมืองเยนเท่านั้น

ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าผู้นำสูงสุดก็นั่งลงบนที่นั่งของตน

ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่นั้น แขกผู้มั่งคั่งระดับต้นๆ หลาย สิบตระกูลก็ได้นั่งลงบนที่นั่นที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้

ในกลุ่มของเจียงโจว นอกจากหยางเฉินแล้ว ยังมีตระกูล ตระกูลกวน ตระกูลเว่ย ตระกูลจวง ตระกูลยักษ์ใหญ่ทั้งสี่อยู่กัน อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ส่วนในกลุ่มของเมือง โจวเฉิง มีเพียงเฉินซิงไห่ ผู้นำของตระ กูลเฉิน และลูกหลานของตระกูลเฉินอีกไม่กี่คนเท่านั้น

“คิดว่าทุกท่านน่าจะทราบกันดีว่าการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ได้จัดขึ้นล่วงหน้า เดิมทีเจ้าภาพคือตระกูลเฟิง แต่ผู้นำตระกูลเฝิง ได้มาขอสละสิทธิ์ให้กับผมถึงที่ ดังนั้นผมจึง ยากที่จะปฏิเสธการ เชื้อเชิญนี้ได้ และผมก็จําเป็นต้องรับสิทธิ์นี้มา

ในขณะนี้ เจ้าภาพเมิ่งหงเย่ได้พูดขึ้นอย่างเสียงดังฟังชัด ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เพิ่งฉวน

แม้ทุกคนในที่ประชุมจะรู้ดีว่าตระกูลเมิ่งเป็นเจ้าภาพในการ จัดการประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ แต่หลังจากที่ทุกคนได้ฟังคำ อธิบายของเมิ่งหงเย่แล้ว ทุกคนยังคงแปลกใจอยู่ดี

เพราะการจัดการประชุมแลกเปลี่ยนทุกครั้งจะนำผลกำไรอันมหาศาลมาสู่ผู้จัดงานได้

แต่ในวันนี้ เพิ่งหงเยกลับอ้างเพียงประโยคเดียวว่าตระกูลเส็ง ยอมสละสิทธิ์ให้กับเขาถึงที่ ซึ่งก็ทำให้ทุกคนต้องรู้สึกเหลือเชื่อ มาก

ทันทีที่ค่าพูดของเมิ่งหงเย็จบลง ผู้คนด้านล่างเวทีก็เริ่มแสดง

ความคิดเห็นของตน

“ตระกูลเฝิงถึงขั้นต้องสละสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพให้กับตระ กูลเมิ่ง สงสัยพวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ !”

“บ้าบออะไรกัน! ดูก็รู้ว่าตระกูลเพิ่งบังคับคนอื่น ผล ประโยชน์มหาศาลขนาดนี้ ใครจะยอมทิ้งไปง่ายๆ ล่ะ!”

“อาจเป็นไปได้นะว่าตระกูลเพิ่งยอมจำนนต่อตระกูลเมิ่งแล้ว”

ในชั่วขณะ ผู้คนก็แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป และ สีหน้าของเฝิงฉวนก็บูดบึงขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ได้ ระเบิดอารมณ์ออกมา

“ต่อไป ผมขอประกาศว่า การประชุมแลกเปลี่ยนธุรกิจที่ถูกจัด ขึ้นในสามปีต่อครั้งของมณฑลเจียงผึ้งจะเริ่มขึ้นอย่างเป็น ทางการแล้ว!”

เพิ่งหงเพูดขึ้นอย่างเสียงดังอีกครั้ง ก่อนอื่น ผมอยาก แนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านของ มณฑลเจียงผิงของเราในค่ำคืนนี้นะครับ!”

จากนั้นเมิ่งหงเก็หันไปที่หวงจงซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งบนสุดและกล่าวว่า “ท่านนี้มาจากหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตู เป็น ทายาทสืบสกุลของตระกูลหวง ท่านมีนามว่าหวงจง

และจากนั้นเพิ่งหงเก็หันมองไปที่หวงเหมยที่นั่งถัดจากหวงจง และแนะนำว่า “ท่านนี้ก็มาจากตระกูลหวงหนึ่งในแปดตระกูล แห่งเย็นตูเช่นกัน ท่านคือคุณหญิงหวง มีนามหวงเหมย!”

“ขอให้ทุกท่านปรบมือต้อนรับท่านทั้งสองด้วยครับ!”

เมื่อพูดจบ เมิ่งหงเย่ก็ริเริ่มปรบมือก่อนโดยที่ไม่รอช้า และคน อื่นๆ ก็ปรบมือตามเขา แต่สายตาของทุกคนยังตกตะลึงอยู่

ก่อนหน้านี้ทุกคนก็เดาได้ว่าหวงจงที่สามารถนั่งอยู่บน ตำแหน่งของเจ้าภาพนั้น เขาต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่าง แน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะเป็นถึงทายาทผู้สืบสกุล ของตระกูลหวงได้

สำหรับเหล่าคนรวยในเมืองเอกต่างๆ นั้น แปดตระกูลแห่ง เย็น ถือว่าเป็นตระกูลสูงส่งที่เข้าหาได้ยากที่สุด

แต่ในเวลานี้ ทายาทของผู้มีอิทธิพลสูงสุดได้มาเข้าร่วมการ ประชุมแลกเปลี่ยนในมณฑลเจียงผึ้งของพวกเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ