The king of War

บทที่ 343 บังเอิญเจอเพื่อนเก่า



บทที่ 343 บังเอิญเจอเพื่อนเก่า

“นอนเถอะ!”

ครั้งนี้ ฉินซีพูดจาแล้ว แต่ในสายตากลับมืดมนระดับหนึ่ง

ชั่วขณะนั้นหยางเฉินสับสนอยู่บ้าง ไม่ง่ายที่จะทำลายความ สัมพันธ์ที่แน่นหนากับฉันซีลงได้ ถ้าถูกทำพังเพราะหานเฟยเฟย คนนี้ นั่นคือได้ไม่คุ้มเสียอย่างยิ่ง

ฉินหันหลังให้หยางเฉิน ในใจกลับพะวงเรื่องผลได้ผลเสีย ส่วนตัว

กว่าจะเดินมาถึงขั้นในวันนี้กับหยางเฉินได้ไม่ง่ายอย่างมาก และเครือข่ายที่ปรากฏขึ้นมาของหยางเฉินยิ่งใหญ่โตเกรียงไกร ในใจฉินซีจึงยิ่งไม่สงบ

“ที่รัก คุณวางใจได้ พรุ่งนี้ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่เป็น เพื่อนคุณกับลูกตลอดเลย!”

ทันใดนั้นหยางเฉินยื่นมือมา โอบฉินซีไว้แล้ว

ถึงแม้เขาไม่รู้ชัดเจนว่าฉันเป็นอะไร แต่เข้าเข้าใจว่าต้อง เกี่ยวข้องกับการไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของทานเฟยเฟย ในวัน พรุ่งนี้แน่นอน

“ไม่ต้อง!”

หยางเฉินพึ่งพูดจบ ฉินซีรีบเอ่ยปากปฏิเสธ
เธอหันตัวมาเองเลย ดวงตา แดง มองหยางเฉินอยู่ “ที่รัก ฉันไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้เจ้าบ้านหานเคยช่วยคุณไว้ที่เมืองโจว เฉิง คุณสมควรไปเยี่ยมเยือนเขาจริงๆ”

“แต่ว่า……

หยางเฉินยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฉินซีจูบบนริมฝีปากแล้ว

ถึงแม้ว่าเพียงแค่ผิวเผิน และสัมผัสแวบเดียวแบบนั้น กลับ ทำให้หยางเฉินจิตใจอีกเพิ่มขึ้น สีหน้าตกใจเต็มที่

“ที่รัก!”

ฉิน สายตาประกายแวววาว ร้องเรียกเบาๆ “จูบฉัน!”

จากนั้นเธอก็หลับตาลงแล้ว

หยางเฉินตะลึงอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง ถึงได้สติกลับมาชั่วขณะนั้น เหมือนเลือดลมสูบฉีด กระโจนเข้าไปแล้ว

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ฉินซีก็แอบอิงอยู่ในอ้อมอกของหยาง เฉิน บนหน้ายังแดงระเรื่อหลังจากทำอะไรบางอย่าง

“ที่รัก สรุปคุณเป็นอะไรกันแน่?”

หลังจากช่วงเวลาของสองเรา ในใจหยางเฉินไม่มีความมั่นใจ เอามากๆ

ฉินซีถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง พูดอย่างตำหนิ ก็บอกแล้ว ฉันไม่ เป็นอะไร คุณยังถามอีก!”

หยางเฉินหัวเราะอย่างขมขื่นส่ายหน้าแล้ว เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดวาอารมณ์ของฉัน ไม่ปกติ

แต่ว่าตอนนี้ดีแล้ว ในเมื่อเธอไม่ยินยอมบอก งั้นก็ไม่ถามแล้ว

ในใจฉิน กลับแอบสาบานว่าจะต้องทำให้ตนเองเปลี่ยนไป เลิศยิ่งขึ้น

มีเพียงแบบนี้ เธอถึงสามารถตามติดหยางเฉินไปได้ไม่ห่าง “ที่รัก ผมอยากปรึกษากับคุณเรื่องหนึ่ง” หยางเฉินพูดขึ้นมา กะทันหัน

“เรื่องอะไร?” ฉินซีถามอย่างสงสัย

“เสี้ยวเสี้ยว งสี่ขวบ นี่คือช่วงที่ลูกมีความสุขที่สุด ไม่ควรได้ รับแรงกดดันมากขนาดนี้

หยางเฉินพูดด้วยหน้าตาจริงจัง “คลาสงานอดิเรกของเสี้ยว

เสี้ยว นอกจากที่ลูกรู้สึกสนใจแล้ว อย่างอื่นยกเลิกไปทั้งหมด

เถอะ!”

พอได้ยิน ชั่วขณะหนึ่งฉินซีเงียบงัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง พูดขึ้น ทันใด “ฉันก็ไม่อยากให้ลูกกดดันมากเกินไป แต่ว่าเด็กคนอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าเสี้ยวเสี้ยวไม่เข้าร่วมคลาสงานอดิเรก จะรั้ง ท้ายเด็กคนอื่นๆ เยอะมากนะ”

“ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ให้เลี้ยวเลี้ยวไปทำสิ่งที่เธอไม่ชอบ นอกจากเบียดบังเวลาว่างหลังเลิกของลูก ยังจะทำให้ลูกสูญเสีย ความสนใจที่แท้จริงด้วยนะ”
“3-6ขวบ อช่วงยุคทองของเด็ก การเรียนรู้ใหม่แต่ละอย่าง แทบจะเริ่มต้นจากช่วงอายุนี้หมดเลย พลาดไปแล้วอาจจะตาม กลับมาไม่ได้อีกเลย

“ผมยังไม่อยากให้ลูกกดดันมากเกินไป

เพราะเรื่องคลาสงานอดิเรกของเสียวเสี้ยว สองสามีภรรยาจึง ถกเถียงกันตั้งนาน และไม่ได้ผลสรุปใดๆ ออกมา

เช้าตรู่วันต่อมา หยางเฉินไปคลาสงานอดิเรกภาษาอังกฤษ เป็นเพื่อนฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวก่อน จากนั้นถึงรีบไปตระกูลหาน แห่งเมืองเอกต่อ

“ควรซื้อของขวัญอะไรดีล่ะ?”

หลังมาถึงที่เมืองเอกแล้ว หยางเฉินถึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ เตรียมของขวัญไว้

“ของเจ้าบ้านหานก็ต้องเตรียมของขวัญไว้สักชิ้น”

หยางเฉินบ่นพึมพำกับตนเอง โดยเฉพาะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ไปตระกูลหาน เจ้าบ้านหานยังจริงใจกับฉันมากๆ ด้วย ไม่ว่ายัง ไง จําเป็นต้องมอบของขวัญให้ถึงที่

พูดจบ เขากวาดสายตามองนอกหน้าต่างรถ มองเห็น ศูนย์การค้าที่แขวนป้ายใหญ่อักษรสีทองที่เขียนว่า “เมืองของเล่น โบราณศตวรรษ”เข้าพอดี
“งั้นเลือกของขวัญที่นี่แล้วกัน”

หลังหยางเฉินจอดรถเสร็จ เดินไปยังเมืองของเล่นโบราณ ศตวรรษ

ทั้งเมืองเอก เมืองของเล่น โบราณศตวรรษคือเมืองของเล่นที่ ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งหมดมีห้าชั้น ยิ่งสูงขึ้นไป ระดับของเล่น โบราณยิ่งแพง

ชั้นหนึ่งชั้นสอง เหมือนกับตลาดขายผัก ของเล่นโบราณแต่ละ ประเภทล้วนวางไว้บนแผงไปทั่ว ลูกค้าส่วนมาก ต่างเลือกดูกัน รอบด้าน

ชั้นสามชั้นสี่ เป็นร้านค้าเล็กๆ หลากหลายร้าน ข้าวของจัดวาง ได้ประณีตอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีลูกค้าน้อยลงมาก

พึ่งขึ้นมาถึงชั้นห้า ก็มองเห็นป้ายใหญ่ตัวอักษรสีทองคำ

ว่า“เมืองเทียน” แขวนไว้ด้านบนหน้าบันได

ชื่อนี้เห็นได้ชัดว่ามีอารมณ์แบบกลอนโบราณ คำว่า“ฝู”ปกติ จะเป็นคฤหาสน์ของตระกูลสูงศักดิ์ถึงจะมี ส่วนคำว่า “เทียน กับ คำว่า “เมืองก็ยิ่งดูสูงส่งน่าเกรงขามมาก

อักษรหลายตัวนี้วางอยู่ด้วยกัน ไม่เพียงไพเราะ ยังมีความ หมายเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย

ส่วนบนชั้นห้า ล้วนเป็นของเมืองเทียนทั้งหมด อยู่ที่เมืองของ เล่นโบราณศตวรรษยึดครองพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ แค่คิดก็รู้ถึง ความไม่ธรรมดาของเมืองเทียน
เมืองเทียนที่กว้างใหญ่ เสมือนเป็นโถงนิทรรศการของเล่น โบราณแห่งหนึ่ง งานเซรามิกที่งดงามเรียบง่ายสไตล์โบราณ ภาพภาพเขียนและแบบตัวหนังสือศิลปะ งานหยกและอีกสารพัด ของเบ็ดเตล็ด ล้วนมีครบครัน

พนักงานขายหลายคนมองเห็นหยางเฉินมาแต่ไกลๆ พินิจ พิเคราะห์เขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง

จากการแต่งตัวที่ธรรมดาของเขานั้น ทำให้พนักงานขายเหล่า นี้ที่เจอคนรวยมาจนชินละทิ้งการบริการแล้ว

“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย ขอโทษนะคะท่านต้องการสั่งอะไรหรือ เปล่าคะ? ฉันสามารถแนะนำให้ท่านได้นะคะ”

ในเวลานี้เอง พนักงานขายที่อายุน้อยคนหนึ่งเข้ามาหาก่อน บนหน้ามีรอยยิ้มที่จริงใจระดับหนึ่ง

พนักงานขายคนอื่นมองเห็นฉากนี้เข้า ล้วนทำหน้าเหยียด หยาม ท่าทางเหมือนมองดูเรื่องน่าตลกอยู่

เมืองเทียนในฐานะร้านของเล่นโบราณที่ดีที่สุดทั่วทั้งเมือง เอก ของโบราณด้านในล้วนราคาหลายล้านถึงหลายสิบล้าน

ถึงแม้จะเป็นครอบครัวร่ำรวยบางส่วน ต่อให้มาแล้ว ก็ไม่แน่ ว่าจะสามารถซื้อได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้ายี่ห้อ ชั้นนําคนหนึ่ง

คนส่วนมากเพียงแค่มาเพราะเลื่อมใสในชื่อเสียง ทำได้เพียง มาดูเท่านั้น
“ฉันต้องการของเล็กๆ สองชิ้น ชิ้นหนึ่งส่งให้ผู้สูงอายุอายุ ประมาณเจ็ดสิบปี อีกชิ้นหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิดหญิงสาวอายุ ยี่สิบปีคนหนึ่ง เธอช่วยแนะนำฉันสักหน่อย”

หยางเฉินบอกไป เขามองป้ายติดหน้าอกของพนักงานขาย สาวอายุน้อยแวบหนึ่ง ชื่อหวางเงี่ยน

“คุณผู้ชายคะ ราคาในใจของท่าน คือเท่าไรคะ?” หวางเงี่ยน ถามขึ้นอีก

“ประมาณสิบล้านแล้วกัน! แน่นอนว่าถ้ามีของที่เหมาะยิ่งกว่า เกินกว่าราคาที่กำหนดไว้นี้ ก็ไม่มีปัญหา ขอเพียงเป็นของดี หยางเฉินตอบไป

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน พนักงานขายหลายคนนั้นที่อยู่ไกล ออกไปล้วนทําหน้าดูถูก เดิมที่ไม่เชื่อว่าหยางเฉินจะซื้อของเล่น โบราณ ในราคาสิบล้านได้ โดยเฉพาะยังซื้อสองชิ้น

“หยางเฉิน?”

ในเวลานี้เอง เสียงที่ตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน พนักงานขายหญิงที่แต่งชุดทำงานคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว มองไปในแวบแรก หยางเฉินรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง กลับลืมแล้ว

ว่าอีกฝ่ายคือใคร

ตอนที่เขามองเห็นป้ายติดหน้าอกของพนักงานหญิง ถึงเข้าใจ ขึ้นมาฉับพลัน ผู้หญิงคนนี้คือเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของตนเอง
“หยูเสี่ยวเวย ไม่เจอกันนานเลย!” หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเขาไม่ได้สั่นไหวสักนิด มองหยูเสี่ยวเวย เหมือนกับ พึ่งรู้จักอย่างนั้น

ลองนับๆ ดู ปัจจุบันนี้ก็ห้าปีกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอกัน หยูเสี่ยวเวยตอนนั้นเป็นดาวคณะ ชีวิตส่วนตัวค่อนข้างวุ่นวาย

แต่ละช่วงหนึ่งผ่านไป ก็เปลี่ยนแฟนคนหนึ่ง

ว่ากันว่าผู้หญิงคนนี้ตอนที่พึ่งขึ้นปีหนึ่ง เคยถูกรับเลี้ยง แต่ว่าทุกอย่างล้วนเป็นข่าวซุบซิบ ความจริงคืออะไร หยางเ นก็ไม่รู้ชัดเจน

“เป็นนายจริงด้วย! นึกไม่ถึงว่ายังมาเจอนายในที่แบบนี้ได้

หยูเสี่ยวเวยแกล้งลักษณะท่าทางดูตกใจ แต่ในสายตากลับ เต็มไปด้วยการหยอกล้อ “นายล่ะ ตอนนี้มีตำแหน่งสูงอยู่ที่ไหน กัน? นึกไม่ถึงว่ามาซื้อของที่เมืองเทียนฝูได้!”

“ฉันเรียนจบมาห้าปีแล้ว เป็นแค่หัวหน้าตัวเล็กๆ ฝันอยู่ที่เมือง เทียนฝูไป ได้เงินเดือนรวมห้าแสน เทียบกับเด็กเรียนเก่งอย่าง นายคนนี้ คงต้องห่างกันเป็นโยชน์เลยมั้ง?

หยูเสี่ยวเวยจงใจพูดเงินเดือนรวมออกมา ยังยืดอกขึ้นอีก ยื่น มือลูบที่ป้ายติดหน้าอกสักหน่อย กลัวหยางเฉินมองไม่เห็นค่า ว่า หัวหน้า บนป้ายติดอกของหล่อน

สถานการณ์ของหยางเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ในฐานะเพื่อนนักศึกษาร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกัน หยูเสี่ยวเวยชัดเจนดีมาก

พิ่งเรียนจบมาได้ห้าปีสั้นๆ หล่อนย่อมไม่เชื่อแน่นอนว่าหยาง เฉินจะสามารถซื้อของโบราณที่ราคาสิบล้านไหว

“ทําการค้าขายเล็กๆ พอเอาตัวรอดเท่านั้นเอง ไม่มีทางเทียบ กับเธอได้หรอก” หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ ตอบไป

เขาฟังคำเสียดสี ในคำพูดของหนูเสี่ยวเวยไม่ออกที่ไหนกัน?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ