The king of War

บทที่ 65 ความสมหวัง



บทที่ 65 ความสมหวัง

จีน ขมวดคิ้ว เพราะเธอไม่ค่อยมีเพื่อนเก่าในสมัยวัยรุ่นเลย ต่อให้มีก็เป็นเพื่อนผู้หญิงทั้งนั้น แต่ถ้าตามที่เลขาพูดแล้ว คน ที่มาขอพบนั้นเขาเป็นผู้ชาย

ให้เขาเข้ามาเลย!

ฉัน ครุ่นคิดอยู่สักพัก เธออยากรู้ว่าใครกันแน่ที่กล้ามาอ้างว่า เป็นเพื่อนในสมัยอดีตของเธอ แถมยังกล้าอ้างว่ามาคุยเรื่อง สัญญาความร่วมมือีกด้วย

จากนั้นไม่นานเลขาก็พาร่างที่ค่อนข้างคุ้นเคยเข้ามาในห้อง

“ประธานจิน เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” เมื่อเห็นฉินซี ชาย หนุ่มก็พูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“คุณเองเหรอที่บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยก่อนของฉัน? ยังกล้า โกหกเลขาของฉันว่ามาคุยเรื่องสัญญาอีกด้วย?” ฉันถามอย่าง ตรงไปตรงโดยที่ไม่มีการอ้อมค้อม

เธอเคยพบชายคนนี้สองครั้งแล้ว ครั้งเจอกันที่งานเซ็นสัญญา ที่ฉันชื่อกรุ๊ปที่เธอไปกับหยางเฉิน ส่วนครั้งที่สองเธอเจอเขาเมื่อ คืนนี้ที่ร้านอาหารซูจี้

สำหรับฉันแล้ว ถ้าไม่ใช่คนสำคัญจริงๆ เธอจะไม่ทำความ รู้จัก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นชื่ออะไรมา จากไหน
ชายหนุ่มยิ้มพูด “ประธานจีนครับ ที่ผมมาวันนี้ ผมตั้งใจมาคุย เรื่องงานจริงๆ นะครับ กรุณาอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดนะครับ

เมื่อได้ยินว่าเขามาเพื่อคุยเรื่องงาน ความโกรธ ในใจฉัน ค่อยๆ จางลงจนเหลือเพียงความรู้สึกผิดเท่านั้น “ขออภัยด้วยนะ ไม่ทราบว่าคุณ นานว่า?”

“หยางเลยครับ หยางที่แปลว่าต้นไม้ เวยที่เป็นว่าสง่าผ่าเผย ครับ” หยางเลยพูดด้วยท่าทีที่ดูเหมือนนายน้อยคนหนึ่ง

ต้องยอมรับว่าหยางเวยเป็นชายหนุ่มที่อ่อนโยนมาก อย่าง น้อยก็เห็นได้จากการแสดงออกของเขา

ในขณะนี้ไม่มีเวลาที่จะจินตนาการไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มมอง ฉัน ด้วยความใสสะอาด

“คุณมาหาฉันเรื่องความร่วมมือเหรอ แล้วมันคือเรื่องอะไร

คะ?” ฉินซีถามเบาๆ

“ประธานฉันน่าจะรู้จักจึงเหอกรุ๊ปในเมืองโจวเฉิงนะครับ เป็น บริษัทในเครือของตระกูลหยางของผมเองครับ เมื่อไม่นานที่ผ่าน มานี้เราได้ขยายตลาดเข้าสู่ตลาดของเจียงโจวแล้วครับ”

หยางเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ตระกูลหยางเป็นตระกูลที่อยู่ระ ดับต้นๆ ของเมือง โจวเฉิง ดังนั้นการขยายตลาดเข้ามาเจียง โจว ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำการร่วมมือกับ พวกเราได้เลยครับ เพราะฉะนั้นเราจึงอยากได้พันธมิตรที่พอมี คุณสมบัติในการร่วมมือกับเราได้ครับ”
แม้ว่าทัศนคติของหยางเวยจะอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก แต่ ถ้าฟังจากคำพูดและความหมายแล้วก็สามารถรู้ว่าเขากำลัง แสดงถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหยางของเขาอยู่

เดิมทีฉันรู้สึกมีความสนใจเกี่ยวกับความร่วมมือที่หยางเลย พูดถึง แต่หลังจากได้ยินคำพูดที่เย่อหยิ่งของเขาแล้ว ความ สนใจของเธอก็ลดลงทันที

“ดังนั้น คุณคิดว่า ซานเหอกรุ๊ปมีคุณสมบัติที่จะเป็นพันธมิตร ของตระกูลหยาง?” ฉันถามเขา

หยางเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ในสายตาผม สถานะของซาน เหอกรุ๊ปนั้นไม่ได้อยู่สูงมากนัก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะ ถ้าตระกูลหยางของเราได้ร่วมมือกับซานเรือกรุ๊ปแล้วล่ะก็ สถานะของซานเรือกรุ๊ปก็จะสูงตามไปด้วยอย่างแน่นอน”

“คุณหมายความว่า การที่เราได้ร่วมมือกับบริษัทระดับต้นๆ จากต่างเมืองจะทําให้เรามีชื่อเสียงและมีกาไรมากกว่าการที่เรา ร่วมมือกับบริษัทระดับต้นๆ ของประเทศอย่างบริษัทเยี่ยนเงินกรุ๊ ปงั้นเหรอคะ?” ฉิน หรี่ตาแล้วถามเขา

หยางเวยมาที่เจียงโจวครั้งนี้ก็เพื่อมาเปิดตลาดที่เจียง โจวก็ จริง แต่การที่มาหาฉินซีเพื่อมาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือนั้น เขาตั้งใจมาหาตัวของฉันซีมากกว่า

อีกอย่างเขาไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับบริษัทซานเรือก

“เปล่าหรอกครับ บริษัทเยียนเฉินกรุ๊ปเป็นถึงองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ ของประเทศ ไม่เพียงแต่นั้น พวกเขายังมีชื่อเสียง ไปถึงระดับโลกแล้วด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีเบื้องหลังที่ เป็นตระกูลอวี่เหวินแห่งแปลตระกูลแห่งเย็น อีกด้วย ดังนั้น ตระกูลหยางของเราไม่มีทางเทียบกับเขาได้หรอกครับ” หยาง เวยยังเข้าใจถึงสถานะของตนดี

ฉันหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณรู้ทุกอย่างแล้ว ถ้าอย่าง นั้นคุณก็น่าจะรู้ว่าชานเรือกรุ๊ปได้ร่วมมือกับเยียนเฉินกรุ๊ปด้วยนะ นอกจากนี้ตระกูลซู ครอบครัวที่รวยที่สุดในเจียงโจวก็ยังร่วมมือ กับพวกเราด้วย แล้วคุณคิดว่าธุรกิจครอบครัวที่มาจากต่างถิ่นจะ มีคุณสมบัติมากพอที่จะร่วมมือกับพวกเราเหรอ?”

ในที่สุดสีหน้าของหยางเลยก็เปลี่ยนไป เขาแต่เพิ่งรู้ว่าซานเห อกไปเป็นกิจการของตระกูลฉินในไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้เท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าซานเรือกรุ๊ปจะมีความร่วมมือกับบริษัท อย่างเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

“ประธานจินครับ การที่มีเพื่อนมากขึ้นก็อาจจะทำให้มีโอกาส ที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ถึงแม้เขียนเฉินกรุ๊ปกับตระกูลซูจะ เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ตระกูลหยางของเราก็ไม่น้อยหน้าใคร เลยนะครับ ถ้าได้ร่วมมือกับตระกูลหยางของเรา ผมเชื่อว่าซาน เหอกรุ๊ปจะเป็นเหมือนเสือที่ติดปีก ดังนั้นเราจึงมีเหตุผลที่จะร่วม มือกันนะครับ”

หยางเลยยังคงพยายามคว้าโอกาสนี้ไว้ เพราะการมาเลี้ยง โจวของตระกูลหยางในครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จเอาซะเลย ก่อนหน้านี้น้องสาวกับน้องเขยของเขาเคยมาขอความร่วมมือกับเยี่ยนเงินกรุ๊ปแล้ว แต่ไม่รู้ด้วยสาเหตุใด เดิมที่ยังมีโอกาสได้รับ ความร่วมมือจากเขียนเงินกรุ๊ป แต่สุดท้ายกลับถูกปฏิเสธไปซะ

ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ครอบครัวจึงส่งเขามาเปิดตลาดที่เจียง โจว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดนั้นก็เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าเขาจะไปคุยกับบริษัท ชั้นนำเจ้าไหนเขาก็ถูกปฏิเสธไปหมด

ด้วยความสิ้นหวังนี้ เขาจึงจำเป็นต้องลดมาตรฐานลงเพื่อมา เจรจากับตระกูลฉิน ให้ได้ก่อน ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากการ เข้าหาฉัน เพื่อจะได้รับการร่วมมือจากชานเรือกรุ๊ป

ฉันซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบเขา “เรื่องของการร่วมมือ กับตระกูลหยางนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ ดังนั้นฉันต้อง รายงานให้กับผู้บริหารของบริษัทก่อน ถ้าทางบริษัทยืนยันว่าจะ ทําการร่วมมือกับตระกูลหยางแล้วฉันจะติดต่อคุณทันที

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่ขอรบกวนเวลาของคุณแล้วนะครับ ยัง ไงผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณนะครับ” หยางเลยลุกขึ้นยืนด้วยรอย ยิ้มจางๆ จากนั้นทิ้งนามบัตรไว้แล้วหันเดินจากไป

หลังจากที่หยางเวยออกไป ฉินซีก็โทรไปบอกหยางเฉินเกี่ยว กับเรื่องนี้

แต่หยางเฉินกลับตอบเธอสั้นๆ คำเดียวว่า “ปฏิเสธ

แม้ฉันจะไม่เข้าใจว่าทำไมหยางเฉินถึงให้ปฏิเสธในความ ร่วมมือกับตระกูลหยาง แต่ฉันรู้ดีว่าหยางเฉินเป็นประธานผู้ บริหารของบริษัทซานเรือกรุ๊ป เธอจึงหยิบนามบัตรของหยางเวยขึ้นมาแล้วทิ้งลงถังขยะทันที

หลังเลิกงาน ในวันนั้น หยางเงินเข้ามารับจีนก่อน จากนั้นก็

รีบตรงไปที่โรงเรียนอนุบาล

ในระหว่างทาง จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดถึงเรื่องนี้อีก “ถ้าไอ้หมอนั่น ยังกล้ามาที่ชานเรือกรุ๊ปอีก คุณไล่มันออกไปทันทีเลยนะ

ฉันที่ยังนึกไม่ทันจึงถามเขาว่า “คุณหมายถึงใครเหรอ?

“ก็หยางเวย คนที่มาคุยเรื่องความร่วมมือกับคุณที่บริษัทไง ไอ้ หมอนี่ไม่ใช่คนดีหรอก มันทำร้ายผู้หญิงดีๆ ในเมือง โจวเจ๋งมา หลายคนแล้ว และที่มันมาหาคุณ มันไม่ได้ตั้งใจจะมาคุยเรื่อง งานหรอก มันตั้งใจจะมาเข้าหาคุณมากกว่า” หยางเฉินพูดเบาๆ

“จริงดิ?” ฉินซีรู้สึกประหลาดใจและถามอย่างสงสัย “ทำไม คุณรู้จักเขา จัง?”

“ตอนที่เสี่ยวเรียนมหาลัย เธอเคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง คุณรู้ เรื่องนี้ไหม” หยางเฉินถาม

“ในตอนนั้นเสี่ยวยชอบผู้ชายคนนั้นมาก จากนั้นผู้ชายคนนั้น ตั้งใจหลอกเสียวไปนอนที่โรงแรม แต่เสี่ยวยีปฏิเสธเขาไป สรุป เช้าวันที่สองเสียวก็เห็นเขาเดินควงแขนผู้หญิงอีกคนออกมา จากโรงแรมด้วยกัน”

ฉันพยักหน้าตอบ แต่เธอก็ดูสงสัยมากกว่าเดิม “แล้วคุณรู้ เรื่องส่วนตัวของเสียวได้ไง?

หยางเฉินยิ้มจางๆ “ครั้งก่อนที่เสี่ยวเลี้ยงข้าวผมแล้ว เราได้เจอกับผู้ชายคนนั้นพอดีเลย ผู้ชายคนนั้นก็คือน้องเขยของหยาง เวปเอง”

หยางเฉินเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น หลังจากฉันฟังแล้วก็ รู้สึกโกรธมาก “กล้ามาหลอกน้องสาวฉัน แถมตอนนี้ยังคิดจะขอ ความร่วมมือกับ นอีก ฝันไปเถอะ!”

ณ ปู่เย่เฉิง สถานบันเทิงขนาดใหญ่ของเจียง โจว

หยางเวยที่เพิ่งลงจากรถก็งามอย่างเสียงดังทันที “แม่งเอ๊ย ใครนินทากูวะ?”

“พี่หยางคะ!” หน้าประตูสถานบันเทิงปู่เย่เฉิง หญิงสาวที่แต่ง ตัวเซ็กซี่ขึ้นกวักมือเรียกหยางเวยอย่างไม่หยุด

“ทำไมจู่ ๆ คุณจะชวนผมมาที่นี่?” หยางเวยเดินเข้าไปแล้ว

ถามเธออย่างสงสัย

“พี่เคยบอกว่าถ้าหนูทำให้ฉันหรือว่าฉันคนใดสักคนไป นอนอยู่บนเตียงของพี่ได้ พี่ก็จะมาขอหนูไม่ใช่เหรอคะ?” ฟาง เยวถามทันที

หยางเลยนึกถึงหน้าของฉันซีที่เจอกันที่ซานเรือกรุ๊ปในวันนี้ เขาก็รู้สึกมีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“ใช่ พี่เคยรับปากเธอ แต่มันหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็น เธอทำได้สักทีเลย” หยางเวยยิ้มพูด

“คืนนี้ พรอสมหวังได้เลยค่ะ!” ฟางเยวพูดด้วยรอยยิ้ม เธอ รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อนึกถึงภาพที่เธอจะได้แต่งงานกับครอบครัวตระกูลหยาง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ