The king of War

บทที่ 29 พวกคุณผิดแล้ว



บทที่ 29 พวกคุณผิดแล้ว

ฉันพูดจบก็หันหลังจากไป

มองดูด้านหลังของจีน บนใบหน้าของฉันเลยก็ค่อย ๆ โหดเหี้ยมขึ้นมา “ผู้หญิงชั่วนี่ ฉันจะต้องให้แกชดใช้ให้ได้

นายท่านฉันให้เขามาขอความช่วยเหลือจากฉัน สุดท้าย แม้แต่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ไม่ได้เข้าไป ทั้งยังโดนหยางเฉินทำให้ อับอาย แล้วยังโดนยามซ้อมอีก ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอจนได้พบฉัน แต่กลับพูดมาแค่ประโยคเดียวว่ามาหาเธอก็เปล่าประโยชน์

ฉินเฟย โตมาขนาดนี้ เพิ่งจะได้รับความไม่เป็นธรรม มากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรก เขาถึงขั้นมีความคิดอยากจะฆ่าคน

ยังกลับไปไม่ถึงตระกูลก็มีสายโทรศัพท์เข้า เพิ่งจะกดรับ ก็ได้ยินเสียงของนายท่านฉินดังขึ้นมา “จัดการเรื่องราวเป็น อย่างไรบ้างแล้ว?”

“ขอโทษครับ ท่านปู่ ผมทำให้ท่านผิดหวังแล้ว!” ฉุนเฟยกัด

ฟันพูด

เสียงของฉันเฟยเพิ่งจะสิ้นสุด อีกฟากของโทรศัพท์ก็มีเสียง ขว้างปาสิ่งของดังออกมา

“ฉันให้แกไปขอร้องให้เธอช่วยขอความเมตตากับตระกูล แกเป็นสวะเหรอ? วิธีการก็บอกกับแกแล้ว เรื่องราวยังจัดการไม่ สําเร็จ แกจะให้ฉันเคี้ยวให้ละเอียดแล้วค่อยป้อนใส่ปากแกด้วยไหม? โง่เง่า นายท่านฉันตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล

ใบหน้าของฉันเฟยเต็มไปด้วยโทสะ วันนี้เขารับเรื่องอัปยศ มามากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่ท่านก็ยังเหยียดหยามคนเช่นนี้

แม้จะโมโห แต่เขาก็ไม่กล้าเอะอะ อย่างไรเสียตอนนี้ทุก อย่างของตระกูลฉินก็ยังอยู่ในการควบคุมของนายท่านฉัน

“ท่าน ผมทำตามที่ท่านบอกแล้วครับ แต่ว่าหญิงตัวฉัน นั่นไม่ยินยอมช่วยเหลือเลยสักนิด กลับโยนทุกอย่างไปอยู่ที่ไอ้ สวะหยางเฉินนั่น บอกว่าที่ตระกูลซูส่งมาไม่ใช่สินสอด แต่เป็น ของขวัญขอบคุณที่มอบให้กับไอ้สวะนั่น นี่มันจะเป็นไปได้ อย่างไร?” ฉินเฟยพูดอย่างข่มโทสะ

“ต้องเป็นเพราะสวะอย่างแกมีท่าทีไม่ดีแน่ ๆ ฉันเฟยก็เลย ไม่ยอมตกลง ถ้าหากวันนี้ยังจัดการกับจินย์ไม่ได้ แกก็ไม่ต้อง กลับมา” นายท่านฉินตะโกนอย่างเดือดดาล

เพิ่งจะวางสาย โทรศัพท์สำนักงาน ในห้องทำงานของนาย ท่านฉันก็ดังขึ้น เขารีบร้อนรับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงเย็นชา “ประธานฉัน วันนี้เดดไลน์วันสุดท้ายแล้วนะ แต่พวกคุณยังไม่ได้ ใช้หนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็รอรับจดหมายทนายความ ของพวกเราเถอะ!”

“ผู้ว่าการธนาคารหนิว ท่านได้โปรด… ตุ๊ด

อีกฝ่ายไม่เหลือทางหนีทีไล่ให้นายท่านฉันได้ชี้แจงเลยสัก นิต เพียงแค่แจ้งให้ทราบแล้วก็วางสายไป
นายท่านฉิน ใบหน้าซีดเผือด จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาถึงจะ สํานึกได้ว่าตระกูลฉินจนตรอกจริง ๆ แล้ว เดดไลน์ที่ธนาคารให้ พวกเขาใช้หนี้ก็มาถึงแล้ว วิกฤตการณ์กลับยังไม่ได้หมดไป

เตรียมรถ!” เขาตะโกนขึ้นทันที

ยี่สิบนาทีผ่านไป บ้านใหญ่ตระกูลฉิน ออดี้ A8 สีดำคันหนึ่ง ก็จอดอยู่ที่ประตู

การที่นายท่านฉินมาเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองทําให้เกิดความ ลุกลี้ลุกลนขึ้นบนใบหน้าของฉันตาหย่งและโจวซีย พวกเขายัง นึกว่านายท่านฉินมาขับไล่พวกเขา

“คุณพ่อ ท่านมาได้อย่างไร?” ฉันต้าหย่งพูดอย่างตึงเครียด

อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตอบสนองของนายท่านฉันในวินาที ต่อมาก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเนื่องจากได้รับความพิศวาส มากเกินไป “ตาหย่ง หลายปีมานี้ตระกูลฉินปฏิบัติอย่างไม่เป็น ธรรมต่อนาย พรุ่งนี้นายไปทำงานที่ฉันชื่อกรุ๊ป ตำแหน่งรองผู้ จัดการใหญ่ ฉันเก็บเอาไว้ให้นายมาโดยตลอดเลยนะ!

ได้ยินอย่างนั้นฉันตาหย่งกับโจวซุยต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้น

“คุณพ่อครับ ท่านพูดจริงเหรอ? จะให้ฉันต้าหย่งกลับไปกิน ชื่อกรุ๊ปจริง ๆ?” โจวซุยตื่นเต้นจนพูดจาสลับไปสลับมา

นายท่านฉันพูดด้วยรอยยิ้มมีเมตตาว่า “จริงแท้แน่นอน คน แก่อย่างฉันจะวิ่งแจ้นมาหลอกพวกเธอได้อย่างนั้นเหรอ? จริง บ้านเก่าตระกูลฉินนี้เก่าเกินไปจริง ๆ พรุ่งนี้พวกเธอทั้งครอบครัวย้ายไปอยู่คฤหาสน์ตระกูลฉินเถอะ ฉันเตรียมคฤหาสน์หลังหนึ่ง ไว้ให้พวกเธอ”

จีนต้าหย่งกับ โจวซุ่ยมีความรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ นาย ท่านฉันไม่เพียงแต่มาเยี่ยมเยียนด้วยตัวเอง ทั้งยังให้สินค้าหนึ่ง รับตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ กระทั่งให้พวกเขาเข้าไปอาศัยอยู่ ในคฤหาสน์ตระกูลฉิน

คฤหาสน์ตระกูลฉิน สิบกว่าปีมานี้ตระกูลฉินสร้างบ้านเรือน ขึ้นมาเพื่อวงศ์ตระกูล โดยเฉพาะภายในคฤหาสน์ยังมีคฤหาสน์ อีกสิบกว่าหลัง นอกจากครอบครัวของฉันต้าหย่งแล้ว ผู้ที่มีสาย เลือดโดยตรงคนอื่นล้วนอยู่กันที่นี่

แต่บ้านใหญ่ตระกูลฉินเป็นเพียงบ้านเก่า ๆ ของตระกูลฉิน ทั้งเก่าทั้งชำรุดสุดจะทนมานานแล้ว

“ขอบคุณครับคุณพ่อ! ขอบคุณค่ะคุณพ่อ!” ฉันต้าหย่งกับโจ วยชัยพูดขอบคุณในทันที

“เสี่ยวซีกับเสี่ยวยีล่ะ?” นายท่านฉันถามขึ้นฉับพลัน

ฉันต้าหย่งถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ตั้งแต่หลังจากที่ พวกเราถูกขับไล่ออกจากตระกูล เสี่ยวออกไปหางานทำทุกวัน ตอนนี้ยังไม่กลับบ้าน เสี่ยวน่าจะเลิกงาน ใกล้กลับบ้านแล้ว “วางใจเถอะ พรุ่งนี้ก็จะให้เสี่ยวซีกลับบริษัท ฉันเตรียม าแหน่งงานไว้ให้เธอแล้ว”

นายท่านฉันพูดด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็เห็นเสี้ยวเลี้ยวที่กำลังซ่อนตัวและมองเขาอย่างหวาดกลัวอยู่ตรงหัวบันได จึงถาม ขึ้น “เด็กน้อย คงจะเป็นลูกสาวของเสี่ยวใช่ไหม?”

“เสี้ยวเลี้ยว รีบมาเรียกคุณปู่ทวด” โจวยโบกมือไปทาง

เสี้ยวเสียวทันที

โตมาขนาดนี้ เสี้ยวเสี้ยวยังไม่เคยเจอนายท่านฉันมาก่อน แอบอิงอยู่ในอ้อมอกของโจวย พูดอย่างหวาดกลัวว่า “คุณ แม่บอกว่า ไม่ให้พูดกับคนที่ไม่รู้จักค่ะ หนูไม่รู้จักเขา

ได้ยินคำพูดของเสี้ยวเสี้ยว ฉันต้าหย่งกับโจวชุ่ยก็ตกตะลึง เกรงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือเข้า โจวซุ่ยตำหนิเสียงดังทันที “เขาคือปู่ทวดของแก ไม่ใช่คนแปลกหน้า แกรีบเรียกซะ!

เสี้ยวเสียวมีสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังคงไม่ยอม

เรียก

โจวซุ่ยพูดด้วยความโมโหว่า “ถ้าแกไม่เรียกคุณปู่ทวด ฉันจะยังแกไว้ในห้องมืด

“แม่คะ! แม่จะทำอะไรคะ?”

เสี่ยว เพิ่งจะถึงประตูก็ได้ยินโจวยชัยใช้ค่าพูดคุกคามเสี้ยว เสี้ยวจากในบ้านก็เดือดดาลขึ้นมาทันที

“แม่คะ!”

สักพักเสี้ยวเลี้ยวก็วิ่งเข้ามา พุ่งเข้ามาในอ้อมอกของฉินซี พูดสะอึกสะอื้นว่า “คุณแม่ขา หนูเป็นเด็กดี ไม่คุยกับคนแปลก หน้า แต่คุณย่ายังจะขังหนูไว้ในห้องมืด
ฉันราวกับมองไม่เห็นนายท่านฉัน พูดด้วยสีหน้าสงบว่า “เสี้ยวเลี้ยวทำถูกแล้วค่ะ ถ้าเป็นคนแปลกหน้าละก็ ห้ามพูดด้วย เค็ดขาดเลยนะคะ”

“เสี่ยว เธอพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ? เขาเป็นแกนะ แกจะ มาบอกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าได้ยังไง?” โจวซุยเหมือนกับแม่ ไก่ที่กำลังทำลายรังไก่ แทบอยากจะพุ่งเข้าไปตีเสียว

เสี่ยว พูดอย่างเสียดสี “หนูถูกขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้ว จะมาเรียกคุณปู่ได้ยังไง? เสี้ยวเลี้ยว พวกเรากลับห้อง

เสี่ยว ว่าแล้วก็อุ้มเสี้ยวเลี้ยวขึ้นมาเตรียมจะจากไป ไม่ ชายตามองนายท่านฉันเลยสักนิด

นายท่านฉันข่มกลั้นโทสะไว้ในใจ แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มแล้วพูด ว่า “เสี่ยวซี รู้แล้วว่าผิด วันนี้มาเพื่อขอโทษพวกเธอทั้ง ครอบครัว โดยเฉพาะ หวังว่าเธอจะให้อภัยนะ พรุ่งนี้เธอก็กลับ บริษัทเถอะ!”

ฉินซีที่กำลังจะขึ้นบนก็ชะงักฝ่าเท้าอยู่ครู่หนึ่ง สองตาแดงขึ้น น้อย ๆ ความไม่ได้รับความเป็นธรรมทำให้เธออยากจะร้องไห้โฮ ออกมา

ปากพูดว่าไม่ยินดีกลับเข้าตระกูล แต่ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ใน ตระกูลมานานขนาดนี้แล้ว เธอเองก็อาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง

แต่ว่านายท่าน นอำมหิตเกินไป แค่คิดถึงภาพที่เธอไปคุกเข่ากลางฝนที่ตกหนักในวันนั้นหัวใจของฉัน หนาวเหน็บขึ้นมา เพียงแค่หัวเราะเสียงเย็นออก มา “ตระกูลฉินเหรอ ชาตินี้ฉันไม่กลับไปแน่ ๆ

สิ้นเสียงพูด เธอก็อุ้มเสี้ยวเลี้ยวกลับห้องตัวเองไป

“คุณพ่อคะ ท่านอย่าโกรธเลย พวกเราทำงานของเสี่ยวได้

แน่” โจวซุยพูดขึ้นทันที

นายท่านฉันไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธออกมา เพียงแค่ถอน หายใจยาว ๆ ไม่โทษเธอหรอก โทษฉันที่คาดหวังกับเธอสูงเกิน ไป เข้มงวดเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง

“พ่อครับ ท่านอย่าพูดอย่างนี้เลย ท่านเป็นผู้ใหญ่ เธอเป็น เด็ก เธอควรจะเชื่อฟังท่าน” ฉันต้าหย่งก็ไม่ใจแข็งพอ พูดปลอบ

ใจ

นายท่านฉันมีทีท่าทางอ่อนแอ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดถึง เรื่องที่จะให้ฉันช่วยร้องขอความเมตตาให้เลยสักค้า เขาพูด เรื่อยเปื่อยเรื่องครอบครัวกับ โจวซุยและฉันต้าหย่งมาโดย ตลอด

รอจนกระทั่งฟ้ามืด ฉันจึงจะกลับบ้าน

“เสี่ยว ทำไมเธอเพิ่งจะกลับมา?” โจวซุ่ยตำหนิ ก่อนหน้านี้เธอจะโทรหาฉัน แต่ก็โดนนายท่านฉินห้ามเอา

“คุณมาได้ยังไง?” ฉันไม่ได้ตอบโจวซุ่ย แต่กลับมองไป

ไว้ยังนายท่านฉินแล้วพูด

นายท่านฉันเห็นฉันก็ลุกขึ้นมาโดยตรง พูดด้วยตวงตาแดง ก่ “เสี่ยว ผิดเอง หลายปีมานี้เป็นที่ทำผิดต่อครอบครัวของ พวกเธอ วันนี้มาแสดงความขอโทษต่อพวกเธอ หวังว่าพวกเธอ จะให้อภัยได้นะ!”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉินเฟยได้ไปหาเธอที่บริษัทมาก่อน บางทีฉันอาจจะซาบซึ้งใจในการแสดงของนายท่านฉัน

เห็นนายท่านฉันราวกับจะร้องไห้ออกมา เธอเพียงรู้สึก สะอิดสะเอียน

“สมกับเป็นหลานกัน ใช้ลูกไม้เดียวกันเลย หลานชายเพิ่ง จะล้มเหลวไป ก็ดันตัวขึ้นมา ถ้าหากให้พวกคุณไปเล่นละคร พวกคุณหลานรวมกัน ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับถ้วยรางวัลออสการ์ กลับมา” ฉันไม่ปิดบังความเหยียดหยามของตัวเองเลยสักนิด

“ฉัน เธอกำลังพูดอะไรน่ะ?” โจวซุยโมโหขึ้นทันที

แม้แต่ฉันต้าหญิงก็ทนดูไม่ได้ พูดด้วยสีหน้าโมโหว่า “ของ เธอมาขอโทษด้วยตัวเองแล้ว เธอเป็นเด็ก จะต้องให้เขาทํา อย่างไรอีก?”

ฉันไม่โกรธ เธอกลับมองพ่อแม่ของตนแล้วถามขึ้นว่า “ถ้า หากหนูไม่ได้เอาผิด เขาคงจะแสดงให้พวกคุณได้เห็นว่าอยากจะ ให้พวกเรากลับเข้าตระกูลกันใหม่ แถมยังให้ตำแหน่งผู้บริหาร ระดับสูงใช่ไหม?”
“เธอหมายความว่ายังไง?” จินดาหย่งฟังเค้าลางบางอย่าง

การแสดงออกบนใบหน้าของนายท่านฉันไม่เป็นธรรมชาติ เป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงแสร้งทำท่าทางจริงใจเป็นอย่างมากอยู่ “เสี่ยว เธอเข้าใจผิดไปเยอะมากนะ

“พอแล้ว ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้ชม ไม่ต้องแสดงแล้วล่ะ มีเรื่อง อะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ ซักแม่น้ำทั้งห้าฉันเองก็ไม่ชอบ” ฉัน สีหน้าหงุดหงิด

นายท่านฉินก็ไม่อึดอัดเลย ยังมีท่าทางของคนแก่มีน้ำตา “เสี่ยว ถ้าหากเธอไม่ช่วยเหลือตระกูลฉิน ตระกูลฉินจะต้องพัง ทลายลงจริง ๆ แล้ว ถือว่าขอร้องเธอนะ ไปขอความเมตตากับ ตระกูลซู ขอร้องให้พวกเขาปล่อยตระกูลฉินไป ได้ไหม?

ได้ยินคำพูดของนายท่าน ฉันต้าหญิงกับโจวซุยก็ตะลึงอึ้ง ค้าง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยากกลับเข้าตระกูล แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ คนโง่ ตอบโต้โดยเร็ว ถึงอย่างไรนายท่านฉินในตอนนี้จะไม่ เหมือนกับที่ปกติพวกเขาเข้าใจเลยสักนิด

ถ้าหากตอนนี้พวกเขายังไม่เข้าใจอยู่อีกก็เป็นคนโง่เง่าจริง

ๆ แล้ว

ฉิน ที่ติดตามสถานการณ์ที่ชั้นล่างมาโดยตลอด ในตอนนี้ ก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ว่าทำไมนายท่านฉินถึงได้มาขอโทษ ถึงบ้านด้วยตัวเอง ที่แท้ก็จะมาหลอกใช้ประโยชน์ ความจริงใจอะไรกัน หลอกลวงทั้งนั้น

จินยีหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง ยังให้คำฉันอยู่อีก ตระกูลซ อยู่ในตำแหน่งไหน ฉันนับเป็นอะไรได้ คุณคิดว่าฉันไปหาตระกูล แล้วพวกเขาจะเห็นแก่หน้าฉันงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ว่าตระกูลขส่งสินสอดมาแล้วเหรอ? ตอนนี้เธอเป็นลูก สะใภ้ของตระกูลซู เธอไปขอร้องพวกเขา หรือว่าแม้แต่การไว้ หน้าแค่นี้ก็ไม่ได้?”

“ผิดแล้ว! พวกคุณผิดทั้งหมดแล้ว!”

น้ำตาของฉันไหลออกมาแล้ว พูดไปร้องไห้ไป “ประธาน ไม่มีลูกชายตั้งแต่แรก แล้วจะมาส่งสินสอดให้กับฉันได้ อย่างไร?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ