The king of War

บทที่ 331 ประสบการณ์ชีวิตของฉัน



บทที่ 331 ประสบการณ์ชีวิตของฉัน

ในขณะนี้ ชายร่างกายหลายคนรีบวิ่งเข้ามา และหัวหน้าของ คนกลุ่มนี้เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหยางเฉินแล้วทำความเคารพ เขา

จากนั้นชายร่างกายาสองคนเดินไปจับโจวซุ่ยคนละข้างและ พร้อมที่จะเอาตัวเธอไป

จนถึงตอนนี้ โจวซุยถึงตระหนักได้ว่าเธอกำลังจะเผชิญกับอะไร

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องอะไรที่แกจะให้คนมาจับตัวฉันไป?”

“แกมีสิทธิ์อะไร?”

“ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวซึนะ ถ้าแก่ให้พวกมันจับตัวฉันไป เสี่ยว ต้องเกลียดนายไปตลอดชีวิตแน่!”

โจวซุ่ยพยายามดิ้นรน แต่เธอถูกจับโดยชายในเครื่องแบบที่ ติดอาวุธ เธอจึงไม่สามารถขัดขืนได้เลยแม้แต่นิด

“แม่ ถึงขนาดนี้แล้วแม่ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ?”

ฉินซีพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “หนูไม่เกลียดหยางเฉินหรอก เพราะทุกอย่างแม่เป็นคนทำเอง หนูเคยเตือนแม่แล้ว ถ้าเรื่อง ของพ่อเป็นฝีมือของแม่ แม่ต้องไปมอบตัว โทษจะได้เบาลง แต่แม่ไม่ฟัง!”

“ไม่ใช่แค่นี้ แม่ยังส่งเสี้ยวเลี้ยวไปให้คนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะ หยางเฉินเตรียมการไว้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเสี้ยวเสี้ยว?”

“เด็กอายุแค่ 4 ขวบนะ! แล้วแม่ยังเป็นยายของเด็กอีกด้วย แม่ทำลงไปได้ยังไง? แม่ผลักเด็กอายุแค่นั้นลงหลุมไฟได้ยังไง?”

“สำหรับเรื่องที่แม่ทำร้ายพ่อ แล้วก็เรื่องของเสียวเสี้ยว ชีวิตนี้ หนูไม่มีวันให้อภัยแม่หรอก! หนูเกลียดแม่! หนูเกลียดแม่!”

ฉินซียิ่งพูดยิ่งโกรธ น้ำตาก็ไหลลงมาเต็มหน้าของเธออย่าง

ควบคุมไม่ได้ และในตอนท้าย เธอแทบจะตะโกนด้วยสุดแรง

เธอรู้สึกอึดอัดมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเกลียดชังโจว

“ฉันบอกแล้ว เรื่องของพ่อเธอฉันถูกตระกูลเบี้ยบังคับให้ทำ อย่างนั้น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? พวกเธอเอาความผิดทุก อย่างมาโอนให้กับฉัน พวกเธอมีหลักฐานแล้วเหรอ? ไม่มีหลัก ฐานแล้วใครจะตัดสินลงโทษฉันได้?”

โจวซุ่ยตะโกนด้วยความโกรธ

หยางเฉินที่เฝ้ามองด้วยสายตาเย็นชามาตลอด และในที่สุด เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ในเมื่อคุณ ต้องการ ผมจะให้คุณดูหลักฐานตอนนี้เลยละกัน!”

เสียงพูดของหยางเฉินจบลง ชายร่างใหญ่สองคนก็เดินเข้ามา พร้อมกับวัยรุ่นคนหนึ่ง
เมื่อโจวซุ่ยเห็นวัยรุ่นคนนั้น สีหน้าของเธอถึงกับเปลี่ยนไป ทันที

“เจิ้งเหม่ยหลิง ถ้าคุณบอกความจริงทุกอย่างในตอนนี้ พฤติกรรมของคุณจะทำให้โทษของคุณเบาลงในช่วงเวลาที่รับ การพิจารณาคดี”

หัวหน้าของชายร่างกายพูดขึ้นกะทันหัน

ก่อนหน้านี้เจิ้งเหม่ยหลิงถูกเฉินซึ่งได้ควบคุมตัวไว้ตลอด และ ยังมีคำสั่งจากหยางเฉินอีกด้วย ฉะนั้นเธอจึงรู้สึกทรมานมาก

สําหรับเธอแล้ว การถูกจับเข้าคุกไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย แต่ กลับเป็นการปลดปล่อยด้วยซ้ำ

แล้วเธอจะกล้าซ่อนความลับได้อย่างไร เธอจึงไปที่โจวซุย แล้วพูดด้วยความโกรธ “เพราะไอ้สารเลวคนนี้ มาเอาเงินกับฉัน ไปแปดแสน บอกว่าถ้าครบล้านหนึ่งแล้วจะหาคนไปฆ่าฉันต้า หย่ง”

“ถ้าฉันต้าหย่งตายแล้วมันก็จะได้กลับไปที่คฤหาสน์ยอดเมฆา อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น มันจะได้อยู่ใกล้หยางเฉิน แล้วจะช่วยฉัน ฆ่าหยางเฉิน!”

“เพราะผู้หญิงเลวคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันจะกลายเป็น

สภาพแบบนี้เหรอ?”

เมื่อเห็นหน้าโจวชุ่ย เจิ้งเหม่ยหลิงก็โกรธจนแทบอดไม่ได้ที่ จะฆ่าโจวยู่ฮุ่ยกับมือ
แต่โจวซุ่ยก็ไม่ยอมรับอยู่ดี เธอตะโกนพูดว่า “เธอสารเลว ฉันเคยขอเงินกับเธอเมื่อไหร่? เธอใส่ร้ายฉัน! ใส่ร้ายฉัน

*ใส่ร้ายเธอ?”

เจิ้งเหม่ยหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา “เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้น เลยเหรอ? ในวันที่เราคุยกัน ฉันอัดเสียงในมือถือไว้หมดแล้ว ตอนนี้หลักฐานมัดตัว แล้วเธอจะดิ้นยังไงอีก?”

หยางเฉินมองไปที่โจวซุ่ยแล้วพูดว่า “คุณมันหน้าเงินจริงๆ รับเงินจากเจิ้งเหม่ยหลิงมาแปดแสน ยังบอกว่าต้องใช้เงินหนึ่ง ล้าน แต่สุดท้ายจ้างหูฉาวแค่ห้าแสนเพื่อเอารถไปชนพ่อ!

“อะไรนะ? ไอ้สารเลว แกกล้าโกงเงินฉันเหรอ?” เจิ้งเหม่ยหลิง ที่ได้ยินคำพูดของหยางเฉินก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

หลังจากโจวซุ่ยรู้ว่าเจิ้งเหม่ยหลิงแอบบันทึกเสียงไว้ เธอจึง

รู้ตัวว่าแก้ตัวไปก็ไร้ความหมาย ความสิ้นหวังครอบงำจิตใจเธอ

และเธอก็ปวกเปียกลงกับพื้นทันที

ฉินซีกับฉินยีที่เห็นแม่ตัวเองอยู่ในสภาพนี้ก็อึดเศร้าใจไม่ได้

พวกเธอไม่สามารถยอมรับความจริงได้ ไม่ใช่เพราะว่าโจว ชุ่ยกำลังจะติดคุกตลอดชีวิต แต่เพราะว่าสิ่งที่โจวซุ่ยได้กระทำ ต่อพวกเธอมากกว่า

“ฉินซี เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวเธอ?” ทันใดนั้น โจวซุ่ยก็มองไปที่ฉันอย่างดุร้าย
ฉินซีมองไปที่โจวซุ่ยอย่างงงงวยและพูดด้วยดวงตาสีแดงว่า “คุณอยากบอกอะไร?

ดูเหมือนฉันต้าหย่งจะรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยน ไปอย่างกะทันหันและเขาตะโกนพูดว่า “โจวซุ่ย คุณหุบปากไป นะ!”

“ฉันต้าหย่ง เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้ สำหรับฉันแล้ว จะต้องปิดบัง

อะไรอีก?”

จู่ ๆ สีหน้าของโจวซุ่ยก็เปลี่ยนไปและหัวเราะออกมาอย่างบ้า คลั่งเหมือนคนขาดสติ

เมื่อเห็นสภาพของโจวซุย ในตอนนี้ ฉินซีกับฉันกลับรู้สึก แปลกใหม่มาก เหมือนพวกเธอเพิ่งรู้จักผู้หญิงคนนี้เป็นครั้งแรก

หลังจากโจวซุ่ยหัวเราะเสร็จ ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่ฉัน

แล้วตะโกนพูดว่า “ฉันไม่ใช่แม่แท้ๆ ของแกหรอก! และแก เป็น

แค่ของทดแทนเท่านั้น แม้แต่ชื่อของแกก็ไม่ใช่ของแกด้วยซ้ำ!”

“ที่จริงแล้ว ในใจฉันต้าหย่ง แกก็แค่ของทดแทนชิ้นหนึ่ง ก็แค่ นั้น!”

“แล้วตอนนี้แกรู้แล้วใช่ไหม? ทำไมฉันถึงทำกับแกแบบนี้? แก รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงทำกับเสี้ยวเสี้ยวลงคอ?”

“เพราะฉันไม่ใช่แม่ของแก! และไม่ใช่ยายของเสี้ยวเสี้ยวด้วย ไงล่ะ!”

“ในเมื่อไม่ใช่ แล้วพวกแกจะเป็นตายร้ายดี มันเกี่ยวกับอะไรกับ น?”

“ถูกหลอกมาทั้งชีวิต ตอนนี้เพิ่งรู้ความจริงว่าแกไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของฉัน มันน่าผิดหวังใช่มั้ยล่ะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…….

โจวซุ่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

และสีหน้าของฉันเหมือนถูกแช่แข็งในทันที

ฉันต้าหย่งโกรธจนสั่นไปทั้งตัวและตะโกนพูดว่า “หุบปาก หุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ไอ้คนสารเลว แกหุบปากเดี๋ยวนี้!

ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาท่วมท้นและไหลรินลงมาอย่างไม่ หยุด

“เสี่ยวซี!

หยางเฉินรีบเข้ามารับเธอไว้อย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ ร่างกายของฉินซีอ่อนแรงลง ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉิ นรับเธอไว้ เธอคงล้มลงกับพื้นแล้ว

ความเจ็บปวดครอบงำจิตใจ ตอนนี้เธอปวดร้าวจนแทบจะ หายใจไม่ออก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า……

โจวซุ่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฉินซี เธอมันน่าสงสารจริงๆ แม้แต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเองก็ไม่รู้!”

“ในสายตาฉัน เธอไม่เคยเป็นลูกสาวของฉันมาก่อน สำหรับ ฉันแล้ว เธอก็แค่บ่อเงินบ่อทองของฉันเท่านั้น! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…….
“เอาตัวผู้หญิงบ้าคนนี้ไป

หยางเฉินตะโกนด้วยความโกรธและบอกชายร่างใหญ่ที่อยู่ ข้างเขาว่า “ทุกความผิด ลงโทษให้ถึงที่สุด!

“เอาตัวไป!”

หัวหน้าของชายกลุ่มนั้นออกคำสั่ง และโจวซุยกับเจิ้งเหม่ย หลังก็ถูกพาตัวออกไปด้วยกัน

แม้โจวซุ่ยจะถูกพาตัวไปแล้ว แต่คำพูดของเธอยังคงกึกก้อง อยู่ในคฤหาสน์นี้

และน้ำตาของฉันก็เหมือนไข่มุกที่แตกสลาย ร่วงหล่นลงมาที ละหยด เธอมองไปที่ฉันต้าหย่งแล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “พ่อคะ

จริงเหรอคะ ที่หนูกับพี่สาวหนู ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ”

“พ่อคะ พ่อบอกหนูหน่อย ที่แม่พูดเมื่อกี้มันไม่จริง แม่โกหก พวกหนู ใช่ไหมคะ? พ่อบอกหนูหน่อยว่าแม่โกหกหนู!

ฉินซีก็ยังร้องไห้ไม่หยุด ความเจ็บปวดนี้ทำให้เธอเสียใจจนไม่

อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

ฉันต้าหย่งสองมือกุมหัวไว้ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วย ความเจ็บปวด

จากนั้นสักพัก เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ฉินซี จากนั้นหัน มองไปที่ฉินแล้วค่อยๆ พูดว่า “เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พ่อว่าพ่อควรพูดความจริงบางอย่างให้พวกเธอรับรู้แล้วล่ะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ