The king of War

บทที่ 302 พูดความจริงออกมา



บทที่ 302 พูดความจริงออกมา

“เมิ่งฮุย! พูดความจริง!

เพิ่งเทียมเจียวพูดอย่างโมโห

สำหรับลูกชายของตนเอง เขารู้ดีมากว่าเพิ่งฮุยอยากจะพูด อะไร

เขาเข้าใจชัดเจน นี่คือการสอบถามครั้งสุดท้ายของหยางเฉิน สายตาของทุกคนตกอยู่บนตัวของเมิ่งฮุยกันหมด กำลังรอคำ ตอบของเขาอยู่

เพิ่งฮุยสีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย มองมือทั้งคู่ที่ถูกทำให้ เสียหายถึงที่สุด ในสายตาของเขาแค้นเคืองเต็มเปี่ยม

เดิมทีเขาคิดว่าขอเพียงตนเองไม่พูดที่อยู่ของโจวชุ่ย หยาง เฉันคงไม่ฆ่าเขา แต่ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ถ้าไม่พูดความจริงอีก ตนเองคงตายจริงแน่

แต่ถ้าเกิดบอกที่อยู่ของโจวยยออกมา ชีวิตนี้เขาต้องพัง

พินาศแล้ว

เวลาผ่านพ้นไปแต่ละวินาที หยางเฉินไม่ได้เร่งรัด รอคอยคำ ตอบของเมิ่งฮุยอย่างเงียบๆ

“ถ้าฉันบอกความจริงออกไป นายปล่อยฉันได้ไหม?” เมิ่งฮุ ยถามขี้นกะทันหัน
“แกคิดว่าตอนนี้ยังมีที่เหลือให้มาต่อรองกับฉันอีกเหรอ?” หยางเฉินหรี่ตา

“ในเมื่อไม่มีทางรับประกันชีวิตได้ ทำไมฉันต้องบอกความจริง นายด้วย?

เมิ่งฮุยกัดฟันพูดขึ้น

เขากำลังพนัน พนันให้หยางเฉินประนีประนอมให้

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ไปตายซะ!”

หยางเฉินพูดจบลง ก้าวเท้าเหยียบลงบนศีรษะของเมิ่งฮยอ ย่างรุนแรงที่หนึ่ง

“เมิ่งฮุย!”

เพิ่งเทียนเจียวตะโกนขึ้นมาแล้ว

เพิ่งฮุยมองเห็นต่อหน้าต่อตาว่าเท้าข้างนี้ เทียบกับระยะห่าง จากส่วนหน้าของตนเอง นับวันยิ่งเข้าใกล้ทุกที

มองเห็นเท้าของหยางเฉันกำลังจะเหยียบลงไป เมิ่งฮุยพัง ทลายถึงที่สุด ตะโกนขึ้น “ฉันบอก! ฉันพูด! หล่อนยังอยู่ ยังมี ชีวิตอยู่!”

แม้กระทั่งเท้าของหยางเฉินเหยียบบนหน้าของเมิ่งฮุยแล้ว ระหว่างช่วงเวลาที่อันตรายมากนี้ เพิ่งฮุยพังทลายอย่างยิ่ง ตะโกนบอกความจริงออกมาแล้ว

“แกว่าอะไรนะ?”
หยางเฉินทําหน้าตกใจ

ที่จริงเขาเพียงแค่อยากจะนำศพของโจวซุยไป ปัจจุบันนี้ กลับได้รู้ข่าวว่า โจวซียยังมีชีวิตอยู่

สำหรับเขานั้น โจวซุ่ยสมควรตายจริง แต่ทั้งๆ ที่หล่อนถูกฉัน ไล่ออกไป ระหว่างทางตนเองยังส่งคนคุ้มครองกลับ ดันถูก ลักพาตัวไป

ถ้าตายแล้วจริงๆ ฉันคงรู้สึกผิดในใจไปตลอดชาติ ด้วย ความจิตใจดีของเธอ คงคิดว่าโจวยถูกทำร้ายจนตายเพราะ เธอ

“โจวยชัยยังมีชีวิตอยู่ ฉันไม่ได้ฆ่าหล่อน!”

เพิ่งฮุยบอกอีกครั้งหนึ่ง เหงื่อเปียกชุ่มไปทั่วตัว ในลูกตาเต็ม ไปด้วยความตกใจกลัว

เมื่อสักครู่ เขารู้สึกถึงความตายแล้วจริงๆ

เท้าของหยางเฉินเหยียบลงบนหน้าของเขาจริง เกรงว่าหาก เขาพูดความจริงออกมาช้าสักวินาทีเดียว ศีรษะของตนเองคง เหมือนมือทั้งคู่ ถูกบดขยี้ไป

“พูดให้ชัดเจน สรุปหล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่?” หยางเฉินถามขึ้น เพิ่งฮุยกลัวจริงแล้ว ไม่กล้าปิดบังสักนิดเดียว “หล่อนยังอยู่ที่ ตระกูลเว่ย!”

“ที่ตระกูลเว่ย? นี่เป็นไปได้ยังไง?”
ตอนแรกหยางเฉินไปหาเว่ยเสียงมาก่อนแล้ว เป็นเพราะหาโจ วยซุ่ยไม่เจอ และเว่ยเสียงกลับบอกว่าโจวซุยถูกคนของเมิ่งฮุย เอาตัวไป เขาถึงรีบตรงมาที่ตระกูลเพิ่ง

“เมิ่งฮุย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

เวลานี้เพิ่งเทียนเจียวทำหน้าโกรธเคืองเช่นกัน ตวาดใส่เพิ่งฮุย

ไป

เพิ่งฮุยร้อนใจจนใกล้จะร้องไห้แล้ว “ที่ฉันพูดเป็นความจริง ทั้งหมด!”

“ผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ฉันจะลักพาตัวหล่อนมาทำอะไร?”

“ฉันแค่จงใจให้เว่ยเสียงปล่อยข่าวออกไป บอกว่า โจวซุ่ยอยู่ ในมือฉัน”

“จะว่าไป ถ้าฉันอยากฆ่าหล่อนจริง ให้ตระกูลเวียลงมือ

โดยตรงก็พอแล้ว ทำไมต้องเสียแรงมากขนาดนั้น เอาผู้หญิงคน

นี้กลับตระกูลเพิ่งแล้วค่อยฆ่าด้วยล่ะ?”

ฟังคำพูดของเมิ่งฮุยจบ ชั่วขณะนั้นหยางเฉินก็เงียบงันไป

เขาพยายามทำให้ตนเองรักษาความสงบเอาไว้ให้ได้มาก ที่สุด มองท่าทางของเพิ่งฮุยแล้ว น่าจะไม่เหมือนพูดโกหก

คงเหมือนอย่างที่เขาพูด โจวชุ่ยไม่มีผลประโยชน์คุณค่าใดๆ เลย

ไม่มีเหตุผลจริงๆ ที่เพิ่งฮุยจะพาโจวซุ่ยกลับตระกูลเพิ่ง
“งั้นทำไมแกถึงต้องให้ตระกูลเลยปล่อยข่าวออกมาว่าโจว ยอยู่ในมือของแก?”

เวลานี้ ทันใดนั้นหานเซียวเทียนก็เดินเข้ามา เอ่ยปากถามขึ้น

เพิ่งฮุยมองหยางเฉินด้วยความระมัดระวังที่หนึ่ง เพราะมี เพียงแบบนี้ ถึงสามารถดึงเขามาที่ตระกูลเพิ่ง……..

เขาพูดมาเพียงเท่านี้ ก็ไม่พูดต่อไปอีก

หานเซียวเทียนหัวเราะเยาะ “แกคิดว่าดึงเขามาที่ตระกูลเพิ่ง ก็ สามารถฆ่าเขาทิ้งแบบง่ายดายได้?”

ถึงแม้ว่าเมิ่งฮุยจะไม่ได้ตอบกลับ แต่ใครๆ ต่างรู้กันหมด ที่ หานเยี่ยวเทียนพูดคือค่าตอบ

หยางเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ ที่หนึ่ง นึกไม่ถึงว่าตนเองถูกเว่ย เสียงหลอก ให้แล้ว

แต่นึกถึงสถานการณ์ในเวลานี้ ตอนนั้นแค่อยากจะหาโจว ชัยให้เจอในวินาทีแรก ดังนั้นจึงไม่ได้พิจารณามากขนาดนั้น “ตระกูลเว่ย ใจกล้าดีนี่ นึกไม่ถึงกล้ามาวางแผนล่อคุณ

หยาง!”

หวังเฉียงกัดฟันพูด

กวนเสวซงเอ่ยปากบอกว่า “ตระกูลเว่ย เล่นกับไฟจะถูกไฟ ลวกเอา!”

“คุณหยางครับ ผมจะพาคนไปที่เมืองเจียงโจวกับท่านในตอนนี่ครับ พังตระกูลเว่ยให้ราบคาบ!”

เฉินซิงไห่ทำหน้าโกรธจัด

หานเซียวเทียนพอได้ยินดังนั้น สีหน้าค่อยๆ เกิดความประทับ ใจขึ้น พูดด้วยเสียงทุ้ม “หยางเฉิน เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากัน ก่อน!”

หยางเฉินมองหานเดี่ยวเทียนอย่างแปลกใจอยู่บ้างแวบหนึ่ง

แม้แต่เปิดศึกกับตระกูลเมิ่ง หานเซียวเทียนยังไม่ได้ เคร่งเครียดสักนิดเดียว แต่ปัจจุบันนี้พอบอกว่าอยากจัดการตระ กูลเว่ย เขากลับไม่ได้เห็นด้วยในวินาทีแรกเลยอย่างคาดไม่ถึง

“คุณหยาง ผมพูดสิ่งที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ ท่าน สามารถปล่อยผมไปได้หรือยังครับ?”

เมิ่งฮุยรีบถามทันที

เพิ่งเทียนเจียวเดินเข้ามาแล้วเหมือนกัน จากนั้นเอ่ยปากบอก “เรื่องราวครั้งนี้ เป็นตระกูลเพิ่งของพวกเราทำไม่ถูก ในเมื่อ แม่ยายของนายยังอยู่ ฉันหวังว่านายจะปล่อยเพิ่งฮุยไป

พูดจบ เขาถือโอกาสหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมา ยื่นให้ หยางเฉิน “ในการ์ดใบนี้ มีห้าสิบล้าน ถือว่าเป็นค่าชดเชยที่ ลูกชายอกตัญญูของฉันก่อขึ้นทั้งหมด!

หยางเฉินมองเมิ่งเทียนเจียวอย่างลึกซึ้งที่หนึ่ง คนผู้นี้ยังมี ความเด็ดขาดระดับหนึ่ง และจัดการปัญหาเป็น
ตอนที่ได้รู้ข่าวว่าโจวซียยังมีชีวิตอยู่ จิตอาฆาตแค้นของ หยางเฉินลดหายลงครึ่งหนึ่งจริงๆ

“ถ้าให้ฉันรู้ว่าแกกำลังหลอกลวงฉัน รอตอนที่ฉันมาเหยียบ ตระกูลเพิ่งอีกที นั่นคือวันพังพินาศของตระกูลเมิ่ง!”

หยางเฉินไม่ได้รับบัตรธนาคารใบนั้นมา หลังทิ้งคำพูดที่เย็น ชานี้เอาไว้ก็หมุนตัวออกไป

ความรู้สึกบนหน้าเพิ่งเทียนเจียวแข็งทื่อในชั่วขณะหนึ่ง มอง ภาพด้านหลังของหยางเฉินจากไป ทันใดนั้นเขามองทางเมิ่งฮุย แล้วพูดแบบโมโห “วันหลัง ห้ามแกก้าวออกไปจากประตูบ้านสัก ก้าว!”

“อีกอย่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ตระกูลเพิ่งวันนี้ ถ้ามีใครกล้า แพร่งพรายสักนิด ฆ่าทิ้งให้หมด!!

เพิ่งเทียนเจียวในฐานะผู้สืบทอดของตระกูล ย่อมมีสิทธิ์พูด

เรื่องพวกนี้

ทุกอย่างที่เกิดเมื่อสักครู่นี้ เป็นความอัปยศอดสูของตระกูล เมิ่ง ถ้าเกิดถูกเปิดโปง ศักดิ์ศรีของตระกูลเมิ่ง คงอันตรธานไป หมดสิ้น

พอหยางเฉินไปแล้ว ตระกูลอื่นๆ ต่างก็ออกไปตาม

“หยางเฉิน นายคงไม่ได้อยากแตะต้องตระกูลเว่ยจริงหรอ กมั้ง?”

เพิ่งออกจากตระกูลเมิ่ง หานเดี่ยวเทียนถามด้วยเสียงทุ้ม
เมื่อสักครู่การตอบสนองของทานเซียวเทียนทำให้หยางเฉิน แปลกใจอยู่บ้าง ตอนนี้ยังพูดแบบนี้อีก ทำให้หยางเฉินสงสัย อยู่บ้าง หรือว่าตระกูลเว่ยยังแกร่งกว่าตระกูลเมิ่ง?”

หานเยี่ยวเทียนส่ายหน้า “สำหรับตระกูลเว่ย ฉันเข้าใจมาบาง ส่วน”

“จากที่นายเห็น ที่พึ่งพิงของตระกูลเว่ย บางทีก็เป็นตระกูลเพิ่ง แต่เกรงว่านายอาจจะยังไม่รู้ว่าตระกูลเพิ่งก็เป็นแค่หนึ่งในที่พึ่ง พิงของตระกูลเว่ย”

“ที่พึ่งใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลเว่ย คือสมาคมบูโด!”

ตอนที่พูดถึงสมาคมบูโด สีหน้าของหานเดี่ยวเทียนเคร่งขรึม อย่างยิ่ง

หยางเฉินไม่ใช่เคยได้ยินองค์กรแห่งนี้เป็นครั้งแรก

“สำหรับสมาคมบูโด ผมก็รู้มาบ้าง ว่ากันว่าที่เยน ยินยอมที่ จะผิดใจแปดตระกูลแห่งเยน ก็ไม่ยอมล่วงเกินสมาคมบูโด” หยางเฉินเอ่ยปากบอก

“ไม่ผิด! ที่สมาคมบูโด มีผู้แข็งแกร่งมากมาย ไม่เพียงแค่นี้ ทุก ที่บนโลก ล้วนแล้วแต่มีสาขาอยู่ ส่วนที่มณฑลเจียงผึ้ง ก็มีสาขา ของสมาคมบูโด”

“คนอื่นรู้แค่ว่าเมืองเอกมีตระกูลหาน ตระกูลเมิ่ง ตระกูลหนึ่ง สามตระกูลใหญ่นี้แกร่งที่สุด แต่ในความเป็นจริง สาขาของสมา คมบูโดที่เมืองเอกต่างหากถึงเป็นผู้แกร่งที่สุด!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ