The king of War

บทที่ 37 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย



บทที่ 37 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันยีโทรศัพท์หาหยางเงิน

หลังจากที่หยางเฉินจมอยู่ในห้วงความคิดครู่หนึ่งก็ตอบกลับ ไป “พอมีเวลา!”

“พรุ่งนี้ฉันขอเลี้ยงมื้อเที่ยงคุณแล้วกัน เจอกันที่ร้านอาหารเปีย หยวน นตอนสิบสองนาฬิกาตรง

ไม่รอให้หยางเงินได้ตอบ รับฉันก็วางสายโทรศัพท์ไปทันที หยางเฉินทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “คิดจะนัดกินข้าว แต่ไม่ถาม ว่าอีกฝ่ายเห็นด้วยหรือไม่สักนิดเลยเนี่ยนะ

แน่นอนเขาพอจะรู้ว่าทำไมฉันถึงได้ชวนไปกินข้าว ที่แมนชั่น เช้าวันนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขา ป่านนี้เธอคงถูกทำลายความ บริสุทธิ์ไปแล้ว ทั้งยังโดนเธอตบไปทีหนึ่งอีก

ฉันจะต้องอธิบายความจริงให้เธอฟังแล้วแน่นอน ดังนั้นที่ฉัน คิดจะเลี้ยงข้าวเขา ก็คงแค่เพื่อที่จะแสดงคำขอบคุณ ผู้หญิงคน นี้ก็หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนพี่สาวเธอนั่นแหละ ไม่มีทางที่จะพูดขอโทษออกมาหรอก
ร้านอาหารเป่ยหยวน น คือร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอัน ดับต้นๆ ในเจียงโจว สำหรับที่นี่ คุณอยากกินอะไรล้วนมีหมด นอกจากคุณจะคุณคิดไม่ถึงเท่านั้น

เวลาสิบสองนาฬิกา หยางเฉินก็มาถึงร้านอาหารเปียหยวนใน พอดี ตอนที่เขากำลังจอดรถ ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน

“ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงคิดจะเลี้ยงข้าวผมอย่างนั้นเหรอ” หยาง

เฉินถามขึ้นมาทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

ฉันถลึงตาใส่เขาอย่างโมโห “คุณหนูอย่างฉันอยากจะเลี้ยง ข้าวคุณ ก็ถือว่าเป็นเกียรติของคุณแล้ว กินไปก็พอ จำเป็นต้อง พูดไร้สาระเสียที่ไหน”

หยางเฉินนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาไม่ได้โกรธเธอ ทั้งยังรู้สึกดี กับน้องสะใภ้คนนี้ขึ้นมาอีกนิดเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากสามารถสร้าง ความสัมพันธ์อันดีกับเธอได้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เขาสามารถ อยู่กับภรรยาและลูกสาวได้เร็วขึ้น

“ฉินยี?” ทั้งสองคนเพิ่งจะเข้ามาในร้านอาหาร ไม่ทันไรก็มี เสียงของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนมาจากข้างหลัง ตอนที่ฉันได้ยินเสียงนี้ ร่างกายแบบบางของเธอสั่นเล็กน้อย

จากนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่าง รวดเร็ว ผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาไม่น้อย รูปหน้าคมคาย ชัดเจน สวมแว่นตาขอบทองคู่กับสูทลำลองสีฟ้าอ่อน กระดุมทั้ง สองเม็ดที่อยู่ข้างบนสุดของเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก ดูสง่าผ่าเผยเป็น อย่างมาก

หยางเฉินยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง มือที่แฝงไปด้วยไอ ร้อนคู่หนึ่งก็คล้องแขนของเขาไว้แล้ว

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะหวังเย็นจน!” ฉันคล้ายจะเปลี่ยน สีหน้าทันที บนนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข”

สองตาของหวังเย็นจนลอบมองไปที่หยางเฉิน ก่อนจะยิ้มให้ กับฉินยี แล้วดึงผู้หญิงที่อยู่ข้างกายมาแนะนำตัว “นี่คือภรรยา ของผม หยางหลว

“นี่คือเพื่อนร่วมชั้นที่มหาลัยของผม ฉัน” ตอนที่กำลัง แนะนำฉัน หวังเป็นจูนมีความลังเลอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายเขา ก็ยอมรับเพียงว่าตนกับฉันเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น

“ที่แท้คุณก็คือฉันนี่เอง หวังเป็นจูนมักจะพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ บอกว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่จีบเขาอยู่ตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้ เจอกัน” หยางหลิ่ว นมือไปทางอื่นอย่างใจกว้างซึ่งดูแล้วเป็น ธรรมชาติมาก ขณะพูดก็ยังยิ้มอยู่ตลอด

สีหน้าของจีนยีมีดลงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยิ้มอยู่เช่นเดิม ก่อน จะยกมือขึ้นจับกับอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะ!”

“พวกคุณเองก็มากินข้าวอย่างนั้นสินะ งั้นก็ดีเลย ผมจองห้อง ส่วนตัวเอาไว้แล้ว พวกเราไปด้วยกันไหม” หวังเย็นจนเชื้อเชิญ อย่างกระตือรือร้น

“นี่เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเจียงโจว การที่คนทั่วไปคิดจะ จองห้องส่วนตัวของที่นี่ แน่นอนว่ายากลำบากมาก ทว่าในเมื่อ พวกคุณเองก็มากินข้าวเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ” หยางหลิวเองก็ประสานรับอย่างดี

ฉันมองไปทางหยางเฉินแล้วขยิบตาให้เขา เห็นได้ชัดว่าเธอ ต้องการให้หยางเฉินปฏิเสธ

“ดีเลยครับ!”

คล้ายกับว่าหยางเฉินจะไม่เข้าใจความหมายของฉันเลย แม้แต่น้อย เขาถึงได้ตอบตกลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ฉันก็หยิกแขนเขาอย่างแรงไปที่หนึ่ง

ทั้งสี่คนเดินตามพนักงานต้อนรับเข้าไปในห้องส่วนตัวอย่าง รวดเร็ว

“ฉันที พวกเราเองก็ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้วสินะ”

หวังเย็นจนหัวเราะเสียงดังก่อนกล่าวต่อว่า “จำได้ว่าตอนนั้น เพื่อที่จะจีบผม คุณถึงกับคอยซื้ออาหารเช้าส่งมาทั้งเดือน ตอนนี้ มาคิดดูแล้ว ในใจก็ยังรู้สึกปลงๆ อยู่บ้าง

ถึงแม้หวังเย็นจนจะกำลังยิ้ม แต่น้ำเสียงของเขากลับแฝงไป ด้วยความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่หลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด

สีหน้าของฉันย่ำแย่ลงเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“โชคดีที่ตอนนี้คุณหาแฟนได้แล้ว ผมขอให้พวกคุณมีความ สุขกันมากๆ!” หวังเป็นศูนยิ้มพลางยกแก้วไวน์ขึ้นมา

“ฉันก็ขอแสดงความเคารพพวกคุณร่วมกับสามีเช่นกันค่ะ” หยางหลิวเองก็ยกแก้วไวน์ขึ้น

ขอบตาของฉิน แดง ก่อนจะแสร้งทำเป็นสงบนิ่งแล้วยิ้ม พลางพูดออกมาว่า “ขอบคุณค่ะ!”
“โชคดีที่ตอนนั้นหวังเย็นจนไม่ได้รับรักคุณ เพราะถ้าเป็นแบบ นั้นแล้ว นคงหาสามีที่ดีแบบนี้ไม่ได้แน่” หยางหลิ่วตั้งใจพูดขึ้น มา ทั้งยังชบหน้าลงไปบนแขนของหวังเป็นจุน ท่าทางรักใคร่กัน เป็นอย่างมาก

“ตายแล้ว!”

ทันใดนั้นอยู่ดีๆ หยางหลิ่วก็ร้องขึ้นมา “ที่รักคะ ฉันทำกระเป๋า หลุยส์ราคาหลายแสนที่คุณซื้อมาให้เป็นของขวัญจากฝรั่งเศส ตกพื้นสกปรกไปแล้ว จะ ทำยังไงดีล่ะ

“ไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่กี่แสนเอง ถ้าสกปรกแล้วก็ทิ้งไปเถอะ ไว้อีกเดี๋ยวผมค่อยติดต่อไปหาเพื่อนที่ฝรั่งเศสให้เขาส่งใบที่ดี กว่ามาให้ใหม่” หวังเป็นจูนกล่าวออกมาพร้อมกับใบหน้าที่แฝง ไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

“ที่รักคะ คุณดีมากจริงๆ รักคุณจังเลย!” หยางหลิ่วพูดพลาง โน้มตัวเข้าไปจูบหวังเป็นศูนที่หนึ่ง

ทั้งสองคนจะแสดงความรักกันอย่างหวานแหววราวกับไม่มี

ใครอยู่รอบตัว ฉันกำมือแน่น สองตาแดงก่ำ คล้ายกับน้ำตาแทบจะไหลออก

มาอยู่แล้ว

“ฉัน ตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่ไหนเหรอคะ” หลังจากหยางหลิ่วแสดงความรักเสร็จ ก็หันมาพูดยิ้มๆ กับฉัน “ฉันเพิ่งจะเข้าไปทำงานในเยี่ยนเงินกรุ๊ปได้ไม่นานนะ” ฉัน กล่าวเสียงเบา

“บังเอิญจริง!”

หวังเย่นจูนยิ้มพลางพูดว่า “ที่ผมมาเจียงโจวครั้งนี้ ก็เพื่อพูด คุยสร้างความร่วมมือกับประธานลั่ว ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ไม่ เลว ถ้าหากคุณต้องการ ผมสามารถช่วยพูดส่งเสริมคุณให้ได้ นะ”

“ใช่แล้วล่ะ หวังเย่นจูนกับประธานทั่วเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก การช่วยเหลือคุณก็เป็นแค่คำพูดประโยคหนึ่งเท่านั้น แน่นอนว่า ถึงแม้จะสามารถช่วยพูดให้คุณได้ แต่คุณก็จำเป็นที่จะต้องมี ความสามารถเช่นกัน ถึงอย่างไรก็นับได้ว่าเยี่ยนเงินกรุ๊ปเป็น บริษัทของหวังเย็นจูนเช่นกัน คงไม่อาจช่วยส่งเสริมพนักงานที่ได้ ความสามารถได้ คุณว่าจริงไหมคะ” หยางหลวกล่าวประสานรับ ออกมา

ในที่สุดสีหน้าของฉันก็เย็นชาขึ้นมาหลายส่วนแล้ว เธอกัดริม ฝีปากแดง ก่อนจะส่ายหน้า “ฉันเลื่อนตำแหน่งด้วยความ สามารถของตัวเองได้ไม่รบกวนให้พวกคุณต้องมาเป็นกังวล
แบบนั้นก็น่าเสียดายมากเลยนะคะ แต่ถ้าหากหลังจากนี้คุณ ต้องการละก็ อย่าได้เกรงใจหวังเป็นจุนของบ้านฉันเป็นเด็ดขาด เลยนะคะ!” หยางหลิ่วแสร้งกล่าวออกมาด้วยท่าทางเสียดาย

“ไข่แล้ว ไม่ทราบว่าคุณหยางทำงานที่ไหนเหรอครับ” อยู่ๆ หวังเย็นจนก็หันไปมองหยางเงิน

หยางเฉินที่กำลังเอร็ดอร่อยใช้มือเช็ดปาก จากนั้นก็กล่าวด้วย ใบหน้าสงบนิ่งว่า “ผมเพิ่งจะปลดประจำการ ตอนนี้เลยถือว่า ตกงานชั่วคราวครับ

เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดแบบนี้ สีหน้าของฉันก็ย่ำแย่เป็นอย่าง มาก อีกทั้งเธอยังโมโหขึ้นมาแล้ว

“ที่แท้ก็เพิ่งจะปลดประจำการที่เอง!” หยางหลวยิ้มแล้วพูด ออกมา

หวังเย็นจูนเอนกายไปข้างหลังเบาๆ เขามองไปยังหยางเฉิน แล้วพูดว่า “คุณหยาง คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ในเมื่อปลดประจำ การแล้ว ก็ต้องหลอมรวมเข้าไปทำงานกับสังคมนี้ให้ดี จะเที่ยว เล่นต่อไปได้ยังไงกัน คุณคงไม่ได้วางแผนจะเป็นเขยแต่งเข้า หรอกใช่ไหม”

“พวกคุณรู้ได้ยังไงกัน” หยางเฉินแกล้งทำเป็นประหลาดใจ
หวังเย็นจูนและหยางหลิ่วต่างก็ตกตะลึงไป ด้วยเพราะถูกค่า พูดนี้ของหยางเงินทําให้สำลักจนไม่รู้จะพูดยังไง

ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะทำให้ตนเองต้องอับอายเป็นอย่างมาก แต่พอได้เห็นสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสองคนนี้แล้ว ใน ใจของฉัน แอบรู้สึกดีขึ้นมา

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนเคาะที่ประตูของห้องส่วนตัวนี้

“ต้องขออภัยทุกท่านด้วยจริงๆ ครับ ร้านอาหารเปียหยวนซุน พวกเราจําเป็นต้องทำการเคลียร์สถานที่แล้ว ทั้งนี้พวกคุณจะได้ รับการยกเว้นค่าอาหารด้วยเช่นกันครับ

ชายวัยกลางคนที่ติดเข็มกลัดผู้จัดการบนหน้าอกผลักประตู

เดินเข้ามา

“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร คิดจะเคลียร์สถานที่อย่างนั้นเหรอ”

หวังเย็นจนโมโหขึ้นมาแล้ว

“คุณผู้ชายท่านนี้ ผมต้องขออภัยด้วยจริงๆครับ ต่อให้คุณเป็น เจ้าพ่อมาเฟีย ผมก็ต้องเชิญคุณออกไปอยู่ดี ประธานกรรมการ ของพวกเราต้องการกินเลี้ยงอาหารค่ำที่นี่” สีหน้าของผู้จัดการ ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด ทว่าท่าทีของเขายังคงดีมาก
“ประธานกรรมการเหรอ ซูเฉิง คนที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเจียงโจวคนนั้นน่ะเหรอ” หวังเย็นจนรู้สึกประหลาดใจเล็ก

“ถูกต้องครับ! ตอนนี้สามารถออกไปแล้วได้ใช่ไหมครับ ผู้ จัดการพยักหน้าพลางพูดออกมา

“ซูเฉิงคู่หน้าใหญ่ใจโต ใช้ได้เลย จะกินข้าวก็ต้องเคลียร์

สถานที่ด้วยเหรอ” หยางเฉินยิ้มเยาะ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหยางเฉิน สีหน้าของผู้จัดการก็ค่อยๆ ต่าคล้ำ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ชื่อของประธาน กรรมการใช้ค่าที่คุณคิดจะเรียกก็เรียกได้เสียที่ไหน

“เชื่อไหมว่าต่อให้ซูเฉิงอู่มาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็กล้าที่จะเรียก ตรงๆ” หยางเฉินกล่าวออกมาพลางมองไปที่ผู้จัดการอย่าง หยอกล้อ

“หยางเฉิน คุณบ้าไปแล้วหรือไง นี่คุณรู้จักประธานกรรมการ หรือเปล่า เขาคือคนที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของเจียง โจวเชียว นะ ถ้าคุณอยากจะตาย ก็อย่าลากพวกเราเข้าไปพัวพันด้วย หยางหลิ่วกล่าวออกมาด้วยคำพูดเสียดสีที่ทำให้คนรู้สึกเย็น เชียบ

หวังเย่นจูนมองหยางเฉินด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง “ผม แนะนำให้คุณรีบออกไปจะดีกว่า”
“พวกเราจะไปหรือไม่ไปมันเกี่ยวอะไรกับคุณอย่างนั้นเหรอ คะ” สีหน้าของฉันที่เต็มไปด้วยอารมณ์โมโห เมื่อกี้เธอต้อง อดทนอยู่นานขนาดนั้น ในที่สุดก็ระเบิดออกมาแล้ว

“เหอะ! ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ในเมื่อพวกคุณคิดจะล่วงเกิน ประธานกรรมการ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ขอร่วมด้วย ไปกัน เถอะ!” หวังเย็นจูนแค่นเสียงเย้ยหยัน พลางหมุนตัวคิดจะเดิน ออกไป

“ทางนี้เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ

ในตอนนั้นเอง ซูเฉิงอู่ก็เพิ่งจะพาคนเข้ามาในร้านอาหารพอดี เขาจึงได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากข้างในห้องส่วนตัว

ทันทีที่เพิ่งจะถามจบ ก็หันไปเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย ใบหน้าจึง ถอดสีไม่น้อย ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ เข้าไปในห้องส่วนตัวอย่าง รวดเร็ว

“ประธานกรรมการ

หวังเป็นจุนที่เพิ่งออกมาจากห้องส่วนตัวแล้วกำลังจะเดินออก ไปนั้นได้พบกับซูเฉิงเข้าพอดี สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “สวัสดีครับประธานกรรมการ ผมคือ…

“ไสหัวไป” ซูเฉิงอู่ผลักหวังเย็นจูนออก แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว

“ประธานล้ว!” หวังเป็นจูนที่เพิ่งถูกผลักออกไปนั้นหันไปเห็น ร่างที่คุ้นเคยเข้าพอดี จึงรีบเดินไปหาอย่างกระตือรือร้น

ปิงมองไปที่หวังเย่นจูนพลางขมวดคิ้ว “คุณเป็นใคร

“ผมคือคนจากแผนกการตลาดของจิ้งเหอกรุ๊ป หวังเป็นจุนครั บที่ครั้งนี้มาเจียง โจวก็เพื่อจะเจรจาความร่วมมือกับบริษัทของ คุณ” หวังเป็นจูนกล่าวออกมาด้วยสีหน้าประหม่า

“เรื่องความร่วมมือเอาไว้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ!” ลั่วปิงตอบ กลับไปยังไม่แยแส จากนั้นก็รีบเข้าไปในห้องส่วนตัว

“คุณชา…คุณหยาง คุณมาแล้วเหรอครับ ทำไมถึงได้ไม่ส่ง เสียงทักทายกันสักหน่อย ผมจะได้ส่งคนไปต้อนรับ” ซูเฉิงคู่กำลัง จะกล่าวคำว่าคุณชายน้อยออกมา ก็นึกได้ว่าหยางเฉินไม่อยาก จะเปิดเผยสถานะ จึงรีบเปลี่ยนค่า แล้วยกยิ้มประจบสอพลอทันที

“คุณหยาง!” ลั่วปิงเองก็เรียกอย่างระมัดระวัง แค่ได้เห็นซูเฉิงอู่กับลั่วปิงปรากฏตัวต่อหน้าต่อตา ฉันก็ ตกใจจนแทบจะกระโดดแล้ว เธอรีบลุกขึ้นทันที “ประธานกรรมการ ประธาน ว!”

ทว่าหยางเงินกลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แค่นเสียงหัวเราะเย้ย หยัน “ประธานกรรมการ ช่างหน้าใหญ่ใจโตเสียจริง จะกินข้าว ทั้งทีถึงกับต้องเคลียร์ร้าน”

“อะไรนะครับ”

ซูเฉิงอู่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนหน้าถอดสี เขารีบเรียกผู้จัดการที่ อยู่หน้าประตูเข้ามา แล้วกล่าวอย่าง โมโหว่า “ใครบอกให้แก เคลียร์สถานที่กัน คิดไม่ถึงเลยว่ากระทั่งเพื่อนของฉันก็ยังกล้า ไล่”

สีหน้าของผู้จัดการเต็มไปด้วยความตกตะลึง ตอนนี้เขาจึง ตระหนักได้แล้ว เกรงว่าชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่ตรงนั้นคงมีเบื้อง ลึกเบื้องหลังใหญ่โต

“ประธานกรรมการครับ ผม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณผู้ชายท่านนี้ เป็นเพื่อนของคุณ” ผู้จัดการหวาดกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา

“รับเงินเดือนที่แผนกการเงิน แล้วใสหัวไปซะ!” ซูเฉิงคำราม ออกมาอย่างโมโห

ในขณะเดียวกันหวังเป็นจูนกับหยางหลิ่วที่เพิ่งออกมาจากห้อง ส่วนตัว ก็ทำท่าเหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น แววตาของพวกเขา เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงอย่างมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ