The king of War

บทที่ 91 ฉินเฟยรนหาที่ตาย



บทที่ 91 ฉินเฟยรนหาที่ตาย

“โครม! ”

เสียงดังสนั่น บ้านเดี่ยวทั้งหลังก็สั่นสะเทือนไปหมด บ้านถูก ขุดทําลายไปมุมหนึ่ง

พอเห็นดังนั้น โจวซุ่ยก็โมโหมาก บ้าไปแล้วหรือเปล่า ตะโกนไปทางหัวหน้างานที่สวมหมวกนิรภัยสีขาวนั่น

“ไอ้พวกบ้า กล้ามาขุดบ้านฉันงั้นหรือ ฉันไม่อยู่แล้ว ฉันจะขอสู้

กับพวกแก” อยู่ที่บ้านเล็กตระกูลฉินมาทั้งชีวิต ก็มีความสัมพันธ์ไม่น้อย เห็นว่าชั้นสองของบ้านเดี่ยวถูกรถแบ็คโฮขุดไปอีกหนึ่ง โจวซุ่ย

ก็เหมือนกับแม่ไก่หวงไข่ พุ่งออกต่อว่าชายวัยกลางคนผู้นั้น

แต่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้มีคนเดียว นอกจากผู้รับเหมาแล้ว ด้าน หลังของเขายังมีชายฉกรรจ์อีก10กว่าคน ในมือก็ถือพวก อุปกรณ์ทุบทำลายต่างๆ

โจวชุ่ยยังไม่ทันได้ออก คนงานที่ถือค้อนปอน ก็มาขวางเธอ เอาไว้ จ้องมองเธออย่างน่ากลัว

“อ้บ้า เมื่อครู่นี้จึงอวดเก่งนักไม่ใช่หรือไง? มาด เดี๋ยวกูทุบถึง

ไปด้วยเลย”

พอเห็นโจวซุยตกใจจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว ผู้รับเหมาก็หัวเราะ

ตอนที่รถแบ็คโฮมาทำลายบ้านไปมุมหนึ่งแล้วนั้น พวกของ

หยางเฉินและฉินซีที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ในห้อง ก็รีบพากันออกมา พอเห็นว่าในเขตบ้านมีพวกคนงานเตรียมขนย้ายมากมาย

แล้วยังมีรถแบ็คโฮคันใหญ่ สีหน้าของฉันและฉันก็เปลี่ยนไป

หยางเฉินก็มาอุ้มเสี้ยวเลี้ยวไว้ในอ้อมกอด สายตาก็เป็น ประกายความเย็นชา

“พวกคุณจะทำอะไรกัน?” ฉันพูดด้วยสีหน้าโมโห ตอนที่หัวหน้าคนงานเห็นฉินซีและฉันนั้นออกมา สายตาก็ไม่ ละไปจากสองพี่น้องคู่นี้เลย

เขาทำตาหวานจ้องมองฉินซี แล้วก็ชี้ไปที่รถแบ็คโฮข้างๆ แล้ว ยิ้มพูดว่า “แม่สาวน้อย พวกเราเอารถคันนี้มาแล้ว ก็มาเพื่อซื้อ บ้านน่ะสิ”

“นี่เป็นบ้านของฉัน ใครอนุญาตให้พวกคุณมาซื้อ?” ฉินซีพูด โมโห

“แม่สาวน้อย พวกเราเป็นบริษัทรื้อบ้านอย่างถูกต้อง ก่อน ทำการรื้อถอน ก็จะต้องตรวจสอบทรัพย์สินชัดเจนแล้ว เจ้าของ บ้านหลังนี้มาหาเราเอง ดังนั้นพวกเราก็เลยทำตามขั้นตอนของ พวกเรา แม่สาวน้อยคนนี้ก็หลบไปเถอะ” ผู้รับเหมาก็ไม่ได้พูด โกหก

ในมือของเขามีหนังสือรื้อถอนชัดเจน แต่บริษัทที่เขาพูดถึงนั้นจะถูกต้องหรือไม่ ก็ไม่สามารถรู้ได้

ในตอนนี้ ก็มีรถกระบะขับพุ่งเข้ามา “เสียงจอดรถ” แล้วจอด อยู่ข้างหลังรถแบ็คโฮ

สวนของบ้านตระกูลฉินไม่ใหญ่ พอมีรถแบ็คโฮและรถกระบะ มาจอดก็เต็มแล้ว

“ไม่ทราบว่าหยางเฉันคือใคร?” ในตอนนี้ ชายหนุ่มที่มา พร้อมกับรถกระบะ ก็เดินลงมาถาม

หยางเฉินเดินขึ้นหน้าไป “คือผมเอง! ”

“สวัสดีครับ คุณผู้ชายแซ่ฉิน สั่งให้ร้านของเราเอาของขวัญ มามอบให้ เชิญตรวจสอบด้วยครับ”

ปากบอกว่าเป็นของขวัญ แต่สายตาของชายหนุ่มคนนี้มัน

แปลกๆ แล้วถือกระดาษเซ็นรับเข้ามา

สายตาของหยางเฉินก็เป็นประกาย เขาเห็นแล้วว่าบนรถ กระบะนั้นเป็นสิ่งของอะไร

มันเป็นโลงศพ บ้านของฉันซีรวมทั้งหยางเฉิน ก็ครบ5คน พอดี แล้วบนรถก็มีโลงศพ5 โลงพอดี

หมายความว่าอย่างไร ไม่บอกก็รู้ได้

พวกของฉันก็เห็นโลงศพพวกนั้นแล้ว แล้วยังได้ยินว่าคนแซ่ ฉันเป็นคนส่งมาให้ ก็ทำหน้าครุ่นคิดไปตามกัน

ผู้รับเหมาที่มาซื้อบ้าน ก็บอกแล้วว่า เจ้าของบ้านนี้ไปหาพวกเขา แล้วตอนนี้คนที่ส่งโลงศพก็บอกอีกว่า คนแซ่ฉันเป็นคนให้ เอามาส่งให้

ทั้งหมดมันหมายความว่า ทั้งสองเรื่องนี้ ตระกูลฉันเป็นคน จัดการ เพราะว่าบ้านนี้เป็นของตระกูลฉิน

ในตอนนี้ ก็มีรถออดี้a6คันสีดำมาจอดที่ด้านนอก แล้วคนรูป

ร่างคุ้นตาก็เดินลงมา

ด้านหลังเขามีชายฉกรรจ์หนึ่งคนติดตาม ทั้งสองเดินตามกัน

เข้ามา

“ฉันเฟย! ”

พอฉันเห็นว่ามีคนมา ก็แทบจะกัดฟันตะโกนเรียกชื่อออกมา ข้อมือของฉันเฟยใส่เฝือกอยู่ แต่เมื่อคืนคงนอนไม่ค่อยหลับดี ดวงตาทั้งสองเลยแดงๆ

“ฉินเฟย นี่คุณหมายความว่าอย่างไร?” ฉันถามฉันเฟยไป

“คุณคงจะยังไม่รู้สินะว่า เมื่อคืนสามีของคุณไปทำเรื่องโง่อะไร

“เหมือนว่าจะมีบอดี้การ์ด ฉันเฟยไม่กลัวหยางเฉินเลยสักนิด มองหยางเฉินด้วยสายตาเหยียดหยาม แล้วมองฉินซีพร้อมพูด ว่า “แต่ว่าผมก็ต้องขอบคุณกับสิ่งที่สามีคุณทำไว้เมื่อคืนนี้ ที่ ทำให้คุณได้ตัดสินใจ ที่จะไล่พวกคุณออกไปจากที่นี่” ”

“นายจะบอกว่า ทั้งหมดนี้ เป็นความต้องการของคุณอย่างนั้นหรือ?” ฉินซีตาแดง แล้วกัดฟันถาม

“ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าคนงานพวกนี้จะมาซื้อบ้านทำไมล่ะ?”

“ฉินเฟยก็หัวเราะ “คุณปู่บอกว่า ต่อให้จะต้องซื้อเอาบ้านเก่า หลังนี้ไปทำกองเก็บขยะ ก็จะไม่ให้พวกแกอยู่ที่นี่

“แล้ว โลงศพนี้ล่ะ? เป็นความคิดคุณปรึเปล่า?” ฉันซีน้ำตา คลอ

“แน่นอน!

ฉินเฟยก็ยิ้มอย่างได้ใจ แล้วก็หันไปมองเสี้ยวเลี้ยวที่หยางเฉิ

นอุ้มอยู่ แล้วก็พูดด้วยสีหน้าชั่วช้าว่า “ดูเหมือนว่าจะขาดไปหนึ่ง

โลง ที่นี่ยังมีลูกมารหัวขนอยู่อีกตัวหนึ่ง ฉันเฟยมองไปทางคนขนโลงศพ แล้วพูดว่า “พวกคุณไปขน โลงมาเพิ่มอีก 1 โลง”

บนตัวหยางเฉินก็มีพลังเย็นยะเยือกบังเกิดขึ้น ฉินซีและฉันก็ อึ้งไป แล้วก็พูดอย่างนึกไม่ถึงว่า “บ้าจริง ทำไมแกถึงได้ชั่วช้า แบบนี้? เสี้ยวเสี้ยวเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น แกทำ แบบนี้ ไม่กล้าฟ้าลงโทษรึไงกัน?”

“ชั่วช้าอย่างนั้นรึ?”

อารมณ์ของฉันเฟยก็พลุ่งพล่านขึ้นมา แล้วก็มองมือที่ถูกหยาง เฉินหักไปเมื่อคืน แล้วตะโกนว่า “ตอนที่ผิวจึงมาหักข้อมือเมื่อ คืนนี้ พวกมึงอยู่ที่ไหนล่ะ? หมอบอกว่า มือข้างนี้ใช้การไม่ได้ ถาวร จึงบอกว่ากชั่วช้า แล้วผัวมึงไม่ชั่วช้ารึไง?”
ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็รู้ว่าหยางเฉินเป็นคนแบบ ไหน เธอพูดโมว่า “ต่อให้หยางเฉินจะหักข้อมือของนาย ก็เป็น เพราะว่านายไปท้าทายเขาก่อน สมน้ำหน้า ”

“ในเมื่อมึงพูดแบบนี้ กูก็เลยส่งโลงศพมาให้พวกมึง มันจะมี อะไรไม่เหมาะสมล่ะ?”

ฉันเฟยทำหน้าอำมหิต แล้วก็หันไปตะโกนกับคนส่งโลงศพว่า “ยังไม่รีบไปเอาโลงมาเพิ่มอีก?”

เดิมที่ทางร้านขายโลงศพยังไม่รู้ว่าจะเอาโลงมาทำอะไร แต่ ตอนนี้ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็เข้าใจในที่สุด

เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณทำแบบนี้มันเป็น ไปหน่อยไหมครับ? พวกเราเอาโลงมาส่งให้กับคนตายเท่านั้น ถ้าเอามาให้คนเป็น พวกเราไม่ทำธุรกิจแบบนี้ครับ”

แม้แต่คนนอกก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้ ฉันเฟยคิ้วกระตุก “มึงจะ ไม่ขายก็ได้ แต่ถ้ามึงไม่กลัวร้านจึงพังทลาย ถึงจะไปไหนก็ไป

“นี่คุณ คุณข่มขู่ผมงั้นหรือ?” ชายส่ง โลงทำหน้าไม่พอใจ

“เออ กูข่มขู่ถึง ถ้าภายใน20นาที จึงยังไม่เอาโลงมาส่ง ตอน นี้กูก็จะพาคนไปพังร้านมึง” ฉันเฟยข่มขู่อย่างเปิดเผย

หยางเฉินเอาลูกสาวยื่นให้กับฉินซี แล้วพูดเสียงต่อว่า “เสี่ยว ซี คุณพาเสี้ยวเสี้ยวไปที่โรงเรียนอนุบาลก่อน เรื่องทางนี้ เดี๋ยว ผมจัดการเอง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ