The king of War

บทที่ 361 ไปประชุมแลกเปลี่ยน



บทที่ 361 ไปประชุมแลกเปลี่ยน

“อ๋ฉิน!”

เฝึงฉวนตะโกนขึ้นมาโดยตรง ในดวงตาทั้งคู่แดงเหมือนสี เลือด

ที่จริงตอนเป็นหนุ่มเขาอยากมีลูกหลายๆ คน แต่สวรรค์ไม่ เป็นใจ หลังเฝิงอี้ฉันคลอดออกมา ภรรยาของเขาสูญเสียความ สามารถในการให้กำเนิดไปอย่างไม่คาดฝัน

เพราะมีเพียงลูกชายคนเดียวแบบนี้ ดังนั้นเฝิงฉวนจึงรักและ ตามใจเป็นพิเศษ แต่ไหนแต่ไรจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของเฝิงฉิน เลย

หลังจากที่เพิ่งฉวนขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำ เฝิงอี้ฉันก็เหมือน โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ในชั่วข้ามคืน ไปคบค้าสมาคมกับหนิงเฉินห ด้วยตนเอง

ทุกอย่างนี้ ล้วนเพื่อทำให้ตระกูลเพิ่งได้รับที่พึ่งพามากขึ้น ปัจจุบันนี้ถูกฆ่าทิ้งแล้ว และยังถูกหนิงเฉินหยู่ฆ่าอีกด้วย แค่คิดก็รู้ได้ว่าเฝิงฉวนโกรธแค้นมากแค่ไหน

“เข้ามาสิ!”

เฝึงฉวนพุ่งออกจากห้อง ตะโกนอย่างฉุนเฉียว พูดสั่งว่า “เตรียมรถ ไปที่สุสานร้าง
สุสานร้างอยู่ตรงพรมแดนของเมืองจินเรือและเมืองเอก เทียบ กับตระกูลหนึ่งแล้ว ตระกูลเฝิงอยู่ใกล้สุสานร้างมากกว่า

คนของตระกูลเฝิงไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นแล้ว แต่ยัง

เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นเชิงฉวนอารมณ์เสียเช่นนี้ อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา รถขับเคลื่อนสี่ล้อเบนซ์สีดำคันหนึ่ง จอด อยู่บริเวณหน้าทางเข้าสุสานร้าง

คืนนี้พระจันทร์กลมมาก เหมือนอยู่ที่ยอดศีรษะ

สุสานร้างเดิมคือเขตฝังศพ รอบด้านรกร้าง มองไปไกลๆ ล้วน เป็นป้ายหลุมศพที่ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ

เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ลมฤดูใบไม้ร่วง โชยมาระลอกหนึ่ง พัด พาความเย็นมาด้วย

เวลานี้ เฝิงฉวนกำลังยืนอยู่หน้ารถ อาศัยแสงพระจันทร์ที่สาด

ส่อง สามารถมองเห็นดวงตาที่แดงของเขาได้

ด้านหลังของเขา ทั้งซ้ายและขวา มีชายกำยำที่รูปร่างสูงใหญ่ สองคนยืนอยู่ นี่คือบอดี้การ์ดสองคนที่แกร่งสุดของตระกูลเฝิง

บอดี้การ์ดทั้งสองคนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เวลานี้ยืนอยู่ด้าน หลังเฝิงฉวน ไม่กล้าพูดจาสักคำเดียว

เวลาผ่านไปแต่ละวินาที ประมาณสิบนาทีได้

อยู่ไปไม่ไกลนัก แสงไฟที่แสบตาดวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา กะทันหัน จากนั้นนับวันระยะห่างนับวันยิ่งใกล้เฝิงฉวนทางนี้เข้ามา แสงไฟก็นับวันยิ่งแสบตาขึ้น

คนของหนิงเฉินหยู่ไม่รู้จักเฝึงฉวน มองเห็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ เบนซ์สีดำคันหนึ่งมาจากไกลๆ ด้านข้างรถยังมีสองสามคนอยู่ ด้วย

“พวกแกเป็นใครกัน? รีบหลบไปเดี๋ยวนี้!”

คนรับใช้ตระกูลหนิงจอดรถตรงด้านหน้าเฝิงฉวน พูดจาด้วย ท่าทางก้าวร้าว

เฝึงฉวนไม่พูดไม่จา แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความดุร้าย

ในคลิปวิดีโอสั้นๆ เมื่อสักครู่ คือเบนท์ลีย์สีฟ้าครามคันนี้ ยังมี คนนั้นทีขับรถ ซึ่งอยู่ในคลิปวิดีโอด้วย

ส่วนลูกชายของเขา ศพอยู่ท้ายกระโปรงรถ

“เชี้ย!”

เห็นเชิงฉวนไม่หลบทางให้ คนรับใช้ตระกูลหนึ่งจึงตวาดใส่ “ไอ้โง่ที่ไหนกันเนี่ย? รู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร? ฉันคือคนของคุณชาย หนิงเฉินหยู่แห่งตระกูลหนึ่ง แกกล้ามาขวางทางฉัน ก็คือขวาง ทางของคุณชายหนึ่งด้วย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วรึไง?”

“ที่ฉันขวางคือทางของตระกูลหนึ่งของพวกแก!”

เพิ่งฉวนทำหน้าดุร้าย โบกฝ่ามือขึ้น “ฆ่าซะ!” บอดี้การ์ดสองคน ซ้ายคนขวาคนเดินไปยังเบนท์ลีย์ จนกระทั่งวินาทีนี้ คนรับใช้ของตระกูลหนึ่งนั้นถึงสำนึกได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้มาเยือนที่ไม่หวังดี

ชั่วขณะนั้นเขาอกสั่นขวัญแขวน สับสนลนลานขึ้นมา เพิ่ง เตรียมจะสตาร์ทรถ เสียงดัง ปีง” ประตูรถฝั่งคนขับถูกชายก่าย่า ที่ข้างนอกดึงออกโดยตรง

“สรุปพวกแกเป็นใครกันแน่?

คนรับใช้ตระกูลหนึ่งโดนบอดี้การ์ดตระกูลเส็งลากตัวออกมา จากในรถ ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ฆ่า!”

เฝิงฉวนดวงตาแดงก่ำและตะโกนอย่างโมโห

ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกละเอียดดังขึ้น คอของคนรับใช้ ตระกูลหนึ่งแตกหักทันที ดวงตาถลึงโต ตายตาไม่หลับ

จนกระทั่งตายแล้ว คนรับใช้ตระกูลหนึ่งก็ไม่เข้าใจว่าคนที่สั่ง ให้ฆ่าตนเองนั้น คาดไม่ถึงจะคือเพิ่งฉวน

เฝึงฉวนเดินมาถึงท้ายกระโปรงรถ บอดี้การ์ดรีบเข้ามาเปิด ออก

คาดไม่ถึงมีศพร่างหนึ่งนอนอยู่ด้านใน คือเพิ่งฉินนั่นเอง

“อี้เพิ่งลูกพ่อ! ลูกสบายใจได้ พ่อจะต้องช่วยลูกฆ่าศัตรูด้วยมือ ตัวเองให้ได้แน่!”

เฝึงฉวนดวงตาแดงก่ำ ฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาของตนเองไหลออกมา

บอดี้การ์ดด้านหลังสองคนพอได้ยินชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยน

ยกใหญ่ จนกระทั่งวินาทีนี้ พวกเขาพึ่งเข้าใจว่าทำไมเฝิงฉวนที่ นิ่งขรึมมาตลอด ถึงได้เสียการควบคุมเช่นนี้ อีกทางด้านหนึ่ง หลังหนิงเฉินหยู่ส่งคนรับใช้ไปเผาทำลายศพ

ที่สุสานร้าง ผ่านไปตั้งนานกลับไม่เห็นคนกลับมา

“เจ้าสารเลว คงไม่ใช่แอบขโมยรถของฉันเอาไปขายแล้ว มั้ง?” หนิงเฉินหยู่พูดอย่างโมโห

ถึงแม้ว่ารถคันนั้นจะเป็นรถมือสอง แต่โดยเฉพาะเป็นรุ่นลิมิ เต็ด ราคาขายในปัจจุบันคงไม่ต่ำกว่าก่อนหน้านี้เป็นอันขาด หนึ่งชั่วโมงผ่านไป คนรับใช้ก็ยังไม่กลับมา

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป ยังคงไม่เห็นคนกลับมา สองชั่วโมงผ่านไป ยังไม่มีข่าวใดๆ หนิงเฉินหยู่โทรศัพท์หลายสายติดกัน ล้วนอยู่ในสถานะไม่มี คนรับสาย

นี่ทำให้เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมาก

“สารเลว! แกอยู่ที่ไหนกันแน่?”

หนิงเฉินหยู่ตวาดขึ้นมา หยิบแก้วน้ำบนโต๊ะกาแฟด้านข้าง ขว้างไปบนพื้นอย่างรุนแรง

เพียงแต่คนของเขาตายไปแล้ว ต่อให้เขาทุบคฤหาสน์ทิ้ง ก็คงไม่มีใครกลับมา

เวลานี้ เฝิงฉวนนำศพของเฝิงอี้ฉันไปแล้ว ไปยังสุสานเปีย

เจียวทําการฝังศพแบบเป็นความลับ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจัดพิธีศพสง่างามให้เพิ่งฉิน แต่ยังไม่

สามารถทําแบบนี้ได้ชั่วคราว

ปัจจุบันนี้ตำแหน่งของตระกูลเฝิงเล็กและอ่อนแอ เดิมที่ต้านรับ ไฟโกรธของตระกูลหนึ่งไม่ไหว

ตอนนี้ที่สามารถทําได้มีเพียงอดทน!

รอให้ผ่านพรุ่งนี้ไป ตระกูลหนึ่งจะต้องชดใช้เรื่องนี้คืน

ครั้งนี้ การประชุมแลกเปลี่ยนสามปีมีหนของมณฑลเจียงผึ้ง เดิมควรมาถึงตาตระกูลเฟิง กลับถูกตระกูลเพิ่งยึดครองไป

ตระกูลเมิ่งสัญญากับตระกูลเฝิงเอาไว้ ถ้าเกิดตระกูลเมิ่งขึ้นไป สู่ตระกูลเดอะคิงแห่งเจียงผิงได้ ตระกูลเฝิงจะได้เป็นตระกูลเดอะ คิงแห่งเจียงผิง ต่อให้เป็นตระกูลหนึ่ง ก็ไม่กล้าดูถูกตระกูลเฝิงได้

ตอนที่หนิงเฉินหยู่รอคอยคนรับใช้อย่างร้อนใจ และเฝิงฉวน เกิดความรู้สึกเคียดแค้นต่อตระกูลหนึ่งนั้น หยางเฉิน“ตัวการก่อ กรรมทำชั่ว”คนนี้ ก็กลับมาถึงยอดเมฆาแล้ว

เขาพึ่งจอดรถเสร็จ ได้รับข้อความอันหนึ่ง “เรียบร้อย!”

ใครก็คงคิดไม่ถึงว่าทุกอย่างนี้ เป็นหยางเฉินบงการให้ทำ เช้าตรู่วันต่อมา หยางเฉินลุกขึ้นออกไป มุ่งหน้าไปยังเมืองเอกอีกครั้ง

วันนี้คือการประชุมแลกเปลี่ยนสามปีหนของมณฑลเจียงโจว ยังมีความทะเยอทะยานของตระกูลหวงในการยึดครองมณฑล เจียงผิงด้วย หยางเฉินย่อมไม่สามารถขาดได้เป็นธรรมดา

“คุณหยางครับ ท่านแน่ใจว่าอยากไปงานประชุมแลกเปลี่ยน

ด้วยตัวเองเหรอครับ?”

ระหว่างทางที่ไปเมืองเอก กวนเจิ้งซานถามด้วยท่าทาง เคร่งขรึม

เขาเป็นคนแรกสุดที่เดาได้ว่าประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้อาจจะ ไม่เป็นประโยชน์ต่อหยางเฉิน ถึงแม้มั่นใจอย่างมากต่อหยาง เฉิน แต่นึกถึงเบื้องหลังตระกูลเพิ่งที่อาจมีตระกูลหวงสนับสนับ อยู่ เขายังกังวลอยู่บ้าง

หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ “นี่คือคุณกลัวแล้ว?”

กวนเจิ้งซานรีบส่ายหน้าทันที พูดแบบหน้าตาจริงจัง “ผมกวน เจิ้งซานเป็นตาแก่ที่ใกล้จะลงหลุมแล้ว ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพียง แค่กังวลว่าตระกูลเมิ่งและตระกูลหวงร่วมมือกัน จะมีการเตรียม พร้อมไว้ครับ”

“คุณปู่ครับ ผมกลับสนับสนุนคุณหยางให้ไปประชุมแลก เปลี่ยน ถึงแม้จะมีความเสี่ยง แต่อาจเป็นโอกาสอันหนึ่งของคุณ หยางหรือเปล่าครับ?”

เวลานี้ กวนเสวซงที่นั่งเบาะข้างคนขับ เอ่ยปากบอกทันใด
เขาเป็นผู้นําคนปัจจุบันของตระกูลกวน การประชุมแลก เปลี่ยนที่สามปีมีครั้งแบบนี้ เขาย่อมต้องเข้าร่วมด้วยเป็นแน่

พอได้ยิน กวนเจิ้งซานตะลึงทันที จากนั้นหัวเราะอย่างขมขื่น และส่ายหน้าแล้ว “ฉันคงแก่แล้วจริงๆ!”

หยางเฉินหัวเราะ “คุณวางใจได้ จิ๋วโจวที่ใหญ่โต คนที่ทำ

อะไรผมหยางเฉินได้ ยังไม่เกิดหรอก!”

ถึงแม้ตระกูลหวงจะเป็นหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยนต์ ใน ตระกูลยังมีผู้แข็งแกร่งบนยอดมากมายจริงๆ แต่ในความคิด ของหยางเฉิน ยังคงไม่พอมาข่มขู่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ