The king of War

บทที่ 24 ท่านเข้าใจผิดแล้ว



บทที่ 24 ท่านเข้าใจผิดแล้ว

บนใบหน้าของหยางเงินเต็มไปด้วยความรักและความจริงใจ

การขอแต่งงานที่โรแมนติกขนาดนี้ คาดว่าหญิงสาวทั่วไป จะต้องตอบตกลงแน่ แต่ไม่ใช่กับคนตรงหน้าที่ไม่ถือเป็นหญิง สาวทั่วไป

ครูใหญ่ อารมณ์ของฉัน จึงจะสงบลงได้ เธอมองอีกฝ่าย ด้วยความรู้สึกหลากหลาย “ขอโทษนะ!”

ได้ยินสามคน สายตาของหยางเฉินก็ฉาบไปด้วยความผิด หวังวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ฉันเข้าใจแล้ว” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น นาทีนี้ เขา รู้สึกเพียงว่าหัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด ต่อให้เป็นในสนามรบ กระสุนทะลุเข้ามาในอก ก็ไม่เจ็บปวดมากขนาดนี้

มองหยางเฉินที่มีท่าทางหดหู ในใจของฉันก็ทุกข์ใจเป็น อย่างมาก เธอเดินขึ้นหน้ามา โน้มตัวลงมาเล็กน้อย ประคอง หยางเฉินที่กำลังคุกเข่าข้างหนึ่ง ให้ลุกขึ้นมา

“หยางเฉิน หวังว่านายจะเข้าใจ ที่ฉันยินดีจะอยู่กับนาย ไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะลูกสาว” ฉันซึมองหยางเฉิน ด้วยสีหน้าอ่อนโยนแล้วพูดขึ้น

“ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถยอมรับนายได้ แต่ไม่ได้ หมายความว่าต่อไปจะเป็นไปไม่ได้นะ ฉันหวังว่านายจะให้เวลากับฉันได้ ได้ไหม?

ครึ่งประโยคแรกของฉัน ทำให้หยางเฉินเจ็บปวดจนไม่ อยากจะมีชีวิตอยู่ แต่ครึ่งประโยคหลังนั้นทำให้หยางเฉินยินดี ปรีดาขึ้นมาในฉับพลัน

“ได้!”

หยางเฉินพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันรอได้ รอจนถึงวันที่เธอยินดี จะยอมรับฉัน

ฉันผ่อนลมหายใจครั้งหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจของเธอ ขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก ตอนที่เห็นหยางเฉินคุกเข่าลงไปขอเธอ แต่งงาน ใจของเธอละลายไปแล้ว แต่เหตุผลก็บอกกับเธอว่า เป็นเพียงแค่ความซาบซึ้งใจเท่านั้น ก่อนหน้านี้นอกจากหนึ่งคืน เมื่อห้าปีก่อนนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่มีพื้นฐานความรักใดใดโดย สิ้นเชิง

ในเวลาเดียวกัน ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมสตาร์ไลท์

ซูเฉิงอยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างกระจกโปร่งใสขนาดใหญ่ สายตามองเห็นเหตุการณ์ครึกครื้นที่ประตูโรงแรมสตาร์ไลท์ฝั่ง ตรงข้าม ในใจรู้สึกปลงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

“ท่านประธานชูครับ พาคนมาแล้วครับ!” คนขับรถพูดจบก็ จากไปอย่างเงียบ ๆ

ซูเฉิงเพิ่งจะหันกลับมาก็มองเห็นหญิงวัยกลางคนนั้นเดิน เข้ามาหาเขา ยื่นมือออกมาก่อนแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะคุณครอบครัวลูกเขย!”

สวัสดีครับ!

ซูเฉิงยิ้มพยักหน้าอย่างมีมารยาท จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น “ท่านคือแม่ของคุณหนูฉิน คุณหญิงโจวใช่ไหมครับ?

โจวยลากฉินที่อยู่ข้าง ๆ มาทันที พูดอย่างร่าเริงว่า “ฉัน

คือ โจวซุ่ย แม่ของเสี่ยว

นี่เป็นครั้งแรกที่โจวซุ่ยได้เจอกับซูเฉิงตัวจริง นึกไม่ถึงว่า ซูเฉิงอู่จะมีท่าทีเกรงอกเกรงใจแบบนี้ ตื่นเต้นจนหุบปากไม่ลง แล้ว

“คุณครอบครัวลูกเขย ต่อไปพวกเราก็เป็นครอบครัว เดียวกันแล้ว อย่าเกรงอกเกรงใจกันขนาดนี้เลยค่ะ!” โจวซุ่ย พูดด้วยรอยยิ้ม

เมื่อตอนที่โดนเรียกว่าคุณครอบครัวลูกเขย ซูเฉิงยังนึก ว่าคนฟังผิดไป แต่แล้วพอมาโดนเรียกอีกที เขาถึงจะยืนยันได้ว่า เขาไม่ได้ฟังผิดไป ถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “คุณหญิงโจว ทำไมท่านถึงเรียกผมว่าคุณครอบครัวลูกเขยล่ะครับ?”

โจวซุ่ยยังคิดว่าซูเฉิงรู้สึกว่าการเรียกว่าคุณครอบครัว ลูกเขยนั้นเร็วเกินไป จึงดึงมือของฉันแล้วพูดว่า “รอเดี๋ยว แต่งงานกับลูกชายของท่าน พวกเราไม่ใช่ครอบครัวที่จะดองกัน หรอกหรือคะ? ถ้าหากท่านคิดว่าเรียกคุณครอบครัวลูกเขยตอน นี้ยังเร็วเกินไป ถ้าอย่างนั้นฉันจะเรียกท่านว่าท่านประธาน แล้ว กันนะคะ รอจัดงานแต่งงานให้พวกเขา…
“เดี๋ยวก่อนนะครับ!”

ไม่รอจนโจวซุ่ยพูดจบ ซูเฉิง รีบเบรกทันที พูดด้วยสีหน้า หาคําตอบไม่ได้ว่า “คุณหญิงโจว ท่านเข้าใจผิดอะไรไปหรือ เปล่าครับ?

“ไม่นะคะ! ท่านไม่ได้ไหว้วานให้คนเอาสินสอดมามอบให้เห รอคะ? ฉันกับเหล่านปรึกษากันแล้ว พวกเราพอใจกับการ แต่งงานนี้มาก” โจวซุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้ซูเฉิงอู่จึงนึกขึ้นได้ในทันที อธิบายโดยพลัน “คุณ หญิงโจวครับ ท่านเข้าใจผิดจริง ๆ แล้วล่ะครับ สินสอด นมอบ ให้กับฉิน ลูกสาวคนโตของท่านครับ”

“อะไรนะ?” โจวซียมีสีหน้าตกตะลึง

บนใบหน้าของฉันก็มีแววตะลึงงันในทันที ก่อนหน้านี้ตอน ที่ตระกูลซูมอบสินสอดให้ เธอก็จินตนาการถึงฉากชีวิตหลัง แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวย จนกระทั่งวันนี้เธอถึงได้เข้าใจอย่าง ถ่องแท้ว่า ที่แท้ของพวกนั้นไม่ได้มอบให้เธอโดยสิ้นเชิง เพียงชั่ว ครู ในใจของเธอก็หดหูขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

โจวซุ่ยเองก็ตะลึงอยู่นิดหน่อย ยิ้มอย่างเก้อเขินหนึ่งครั้ง “ไม่เป็นไรค่ะ ก็เหมือนกัน อย่างไรก็เป็นลูกสาวของฉันทั้งหมด เรื่องการแต่งงานของฉัน ท่านเองก็ไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ฉันจะให้ พวกเขาดำเนินการขั้นตอนการแต่งงาน”
ซูเฉิงตกใจจนหน้าซีด รีบร้อนพูดขึ้นทันทีว่า “คุณหญิงโจว อย่างทําอย่างนั้นเด็ดขาดนะครับ ผมคิดว่าคุณหยางกับคุณหนู ฉันเหมาะสมกันดีมาก พวกเขาถึงจะเรียกว่าสวรรค์ลิขิตให้มาคู่ กัน ท่านอย่างรากพวกเขาแยกจากกันเด็ดขาดเลยนะครับ

“ท่านประธาน ท่านหมายความว่ายังไงคะ? เมื่อกี้ท่านพูด ว่าสินสอดนั่นส่งให้ลูกสาวคนโตของฉันไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมถึง ไม่ให้เธอหย่าอีกล่ะ? เธอไม่หย่าแล้วจะแต่งเข้าตระกูลซูได้ อย่างไรกัน?” โจวซุ่ยมีความไม่แน่ใจอยู่เต็มใบหน้า

ซูเฉิงอู่ไม่ได้รู้ชัดถึงฐานะของหยางเฉินในครอบครัว ใน สมาคมการประมูลก่อนหน้านี้เขาอยากจะแสดงความปรารถนาดี ต่อหยางเฉิน แต่อีกฝ่ายไม่ใส่ใจเขาสักนิด ดังนั้นจึงคิดจะใช้ กลยุทธ์นอกกรอบ จัดการภรรยาของเขากับครอบครัวก่อน

นึกถึงเมื่อครู่ที่เกือบจะเปิดเผยฐานะของหยางเฉินแล้ว ซูเฉิ งอู่หลั่งเหงื่อเย็นในทันทีอย่างห้ามไม่ได้

เขาเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดอธิบายทันที “คุณหญิงโจวครับ ท่านเข้าใจผิดแล้วครับ ผมมีลูกสาวแค่สอง คน ไม่มีลูกชายครับ”

“อะไรนะ?”

โจวซุยลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว นึกว่าลูกชายของซูเฉิง ชอบพอฉันมาโดยตลอด เธอหลงดีใจมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ว่าตัว เองเข้าใจผิด ซูเฉิงตู่ไม่ได้มีลูกชายตั้งแต่แรก

เธอถามขึ้นด้วยสีหน้าขวัญหนีดีฝ่อว่า “ถ้าอย่างนั้นตระกูลส่งสินสอดไปนั้นเพราะอะไร?

ในใจของโจวยโมโหอยู่บ้าง รู้สึกว่าโดนแหย่เล่นเสีย

แล้ว

ซูเฉิง กลอกตาหนึ่งครั้ง รีบพูดขึ้นทันทีว่า “คุณหญิงโจว ครับ ท่านต้องเข้าใจผิดไปแน่ ๆ พวกนั้นไม่ใช่สินสอดแต่เป็นของ ขวัญขอบคุณครับ ตระกูลของผมแสดงความขอบคุณต่อลูกเขย ของคุณ”

แสดงความขอบคุณต่อลูกเขยของฉัน? ท่านหมายถึงหยาง เฉิน?” สายตาของโจวซุ่ยเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

ซูเฉิงอู่พยักหน้า “คือคุณหยางเฉินนั่นแหละครับ เขาเคย ช่วยเหลือตระกูลซูเอาไว้ ดังนั้นจึงจัดเตรียมของขวัญมูลค่าสูงไว้ เพื่อแสดงความขอบคุณ! ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงสำหรับการ ทําให้ท่านเข้าใจผิดด้วยนะครับ!”

ในใจของซูเฉิงอู่ลอบคิดว่า ถ้าหากไม่ใช่ว่าตระกูลอวี่เหวิน ช่วยเหลือไว้ ก็ไม่มีตระกูล ในวันนี้ เขาเป็นทายาทของตระกูลอ เหวิน ผมพูดแบบนี้น่าจะไม่มีปัญหามั้ง?

ในใจของฉันยี่เต็มไปด้วยความหดหู ยิ้มอย่างขมขื่น “ที่แท้ ฉันคิดมากไป

พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินไปถึงหน้าบานหน้าต่างกระจกเงย หน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเหนือโรงแรมฝั่งตรงข้าม กลีบดอกกุหลาบ ที่โปรยปรายอยู่เต็มท้องฟ้า ทั้งยังมีดอกไม้ไฟหลากสีเต็มเมือง ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ตอนดึก จิน เพิ่งกลับบ้าน

ก็ถูกโจวยตึงมาอยู่ข้าง ๆ “ฉินซี วันนี้เป็นวันครบรอบ แต่งงานของเธอกับหยางเฉิน หรือว่าเขาไม่ได้ให้ของขวัญอะไร กับเธอเลยเหรอ?”

ในสมองของฉินซีผุดเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่โรงแรมส ตาร์ไลท์ขึ้นมา มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยนทันที

“เธอยิ้มอะไร?” โจวซุ่ยเห็นฉันไม่พูดไม่จากร้อนใจขึ้นมา ทันที

ฉันพูดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “แม่คะ ไม่ใช่ว่าท่านอยาก ให้หนูหย่ากับหยางเฉินเหรอคะ? ทำไมถึงอยากให้เขามอบของ ขวัญวันครบรอบให้หนูล่ะคะ?

โจวซุ่ยมองบน ใส่ฉันอย่างมีท่าทีไม่ดีแล้วพูดว่า “เธอจ๋า

สินสอดที่ตระกูลซูส่งมาถึงบ้านเมื่อครึ่งเดือนก่อนได้ไหม? ฉันพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “พวกคุณไม่ได้บอกว่าของพวกนั้น

เป็นสินสอดที่ตระกูลซูมอบให้กับเสี่ยวหรอกเหรอคะ?”

ไม่ใช่เป็นพวกเราเข้าใจผิดไปเอง ของพวกนั้นนึกไม่ถึงว่า จะเป็นของขวัญขอบคุณที่มอบให้กับเจ้าสวะหยางเฉินนั่น บอก ว่าหยางเฉินเคยช่วยเหลือตระกูลซูเอาไว้ นี่มันจะเป็นไปได้ อย่างไร?” โจวซุ่ยมีสีหน้าไม่เชื่อถือเลยสักนิด

“แม่คะ ตกลงแม่อยากจะสื่ออะไรคะ?” ฉินซีถามขึ้น

“ถ้าหากว่าหยางเงินช่วยเหลือตระกูลซูไว้จริง ๆ ในมือของเขาจะต้องยังมีเงินที่ตระกูลซูมอบให้แน่ ๆ นั้นถือเป็นสินสมรส ของพวกเธอ ครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นของเธอ ตอนนี้เธอติดต่อเขา คุย กันเรื่องแบ่งสินสมรสให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นก็ไปเจอกันบนศาล ดวงตาทั้งคู่ของโจว ซุ่ยมีแสงวาบผ่าน ดูราวกับว่ามองเห็นเงิน จํานวนมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ