The king of War

บทที่248รู้ข้อเท็จจริง



บทที่248รู้ข้อเท็จจริง

มู่ตงเฟิงไม่พูดอะไร แต่สายตานั้นกลับมองไปที่หยางเฉิน

เขามองไม่เห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของหยางเฉินเลย แม้แต่นิดเดียว แม้แต่ความตื่นเต้นยังไม่มีเลย

เหมือนกับเมื่อคืนไม่มีผิด ที่ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ราวกับ ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

“ลั่วปิง เมื่อกี้คุณยังอวดเก่งอยู่เลยไม่ใช่รึไง ที่บอกว่าจะ ทําลายตระกูลเฉินของผมด้วยใช่มั้ย?”

“จริงด้วย คุณยังพูดอีกว่า ต่อให้เจ้าบ้านมาเอง คุณก็ไม่ไว้

หน้านี”

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงเงียบแล้วล่ะ?”

เมื่อมีมตงเฟิงอยู่ด้วย เฉินซิงไห่ก็มั่นใจขึ้นมาก แล้วพูดด้วย รอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ

ถึงแม้กิจการของตระกูลเฉินจะได้รับผลกระทบ แต่สำหรับเขา แล้ว ขอแค่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับคู่ตงเฟิงเอาไว้ได้ การ ที่จะเป็นตระกูลมหาอำนาจของเมือง โจวเฉิงก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไป ไม่ได้

แต่ถ้าต้องการเกาะขาของผู่ตงเฟิงให้ได้ละก็ ก็ต้องจัดการกับ เรื่องในวันนี้ให้ดี
“หยางเฉิน แกไอ้สารเลว ไม่เพียงหาเรื่องผู้นำเงิน แม้แต่เจ้า บ้านก็ยังกล้าไปหาเรื่องอีก ยังไม่รีบไสหัวออกมาขอโทษอีก!”

โจวอวี้เจียก็เพิ่งตั้งสติได้ วันนี้เป็นถึงวันมงคลของตระกูลโจว ถึงแม้มันจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ตอนนี้มันก็มีโอกาสได้เข้าหา ตระกูลใหญ่แล้ว

เขาเองก็รีบวิ่งเข้าไป แล้วตะคอกใส่หยางเฉินว่า “แกไอ้คนไร้ ค่า ยังมีหน้ามานั่งอยู่ตรงนี้อีก รีบไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!

“โจวซุ่ย ดูลูกเขยของแก แม้แต่ตระกูลเฉินกับตระกูลมู่ยัง กล้าไปหาเรื่อง ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย!! นายท่านตระกูลโจวก็พูดออกมาด้วยความโมโหเหมือนกัน

เมื่อวานหยางเฉินได้มอบใบชาที่ราคาหลักสิบล้านมาให้ ตอน แรกก็ยอมรับในตัวหยางเฉินได้แล้ว แต่ว่าวันนี้ในวันมงคลของ หลานคนโตของตระกูลโจว เขากลับก่อปัญหาขึ้นมากมายขนาด นี้ นี่มันเป็นการทำลายงานแต่งชัดๆ

เขาอยากถือโอกาสนี้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเฉินและตระกูล ไม่ว่าจะเป็นเฉินซิงไหหรือตงเฟิงก็ได้ ขอแค่คนใดคนหนึ่งยอม สนับสนุนตระกูลโจวสักครั้ง ตระกูลโจวก็สามารถก้าวออกจาก ชนบทเล็กๆนี่ได้แล้ว

“หยางเฉิน ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก รีบขอร้องให้ตระกูลเฉิ นกับตระกูลมู่ละเว้นแกสักครั้ง!”

โจวชุ่ยที่เริ่มร้อนรน ก็ได้ตะคอกใส่หยางเฉินเหมือนกัน
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนในตระกูลโจวต่างก็หันมาตวาดใส่หยาง เงิน บอกให้เขาคุกเข่าขอโทษ

เจิ้งเหม่ยหลิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คน ใบหน้าที่เผยรอยยิ้มที่โหด เหี้ยมออกมา เธอรอคอยโอกาสมาโดยตลอด ในที่สุดมันก็มาถึง สักที

“ผู้นำเฉิน ฉันรู้ค่ะว่าหลานชายของคุณนั้นตายยังไง!

ทันใดนั้นเอง เจิ้งเหม่ยหลิงก็เดินออกมา แล้วตะโกนออกมา ด้วยสีหน้าที่บ้าคลั่ง

คำพูดของเจิ้งเหม่ยหลิงทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากัน ตกใจ สายตาทุกคู่พากันมองมาที่เธอ

เจิ้งหยันตกใจจนหน้าถอดสี และรีบพูดห้ามไปว่า “เหม่ยหลิง

ห้ามพูดอะไรมั่วๆ นะ!”

นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายที่มีผลกระทบอันใหญ่หลวง เลยนะ ถ้าเธอรู้ความจริงมันก็ดีไป แต่ถ้าเธอเกิดพูดมั่วๆ ออกไป เฉินชิงไห่ต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แม้แต่ตระกูลเจ๋งก็ยากที่จะ รอดพ้นไปได้

แววตาของเฉินซิงไห่เกิดเป็นประกายที่แหลมคมออกมาทันที ผู้หญิงคนนี้ เขาเคยเห็นเธอที่ร้านอาหารเปียนส่วนมาก่อน

ถ้าไม่ใช่เพราะหยางเฉินจะพาเธอไปให้ได้ เธอก็คงตกไปเป็น ของเล่นของพวกบอดี้การ์ดของตระกูลมู่ไปแล้ว

“หลานชายของผมนั้นถูกหยางเฉินฆ่าตาย แล้วเธอยังมีอะไรจะพูดอีก?”

แววตาของเฉินซิงไห่นั้นกลายเป็นสีแดงเลือด เขามั่นใจอย่าง มากว่าเจิ้งเหม่ยหลิงนั้นต้องการแก้ตัวให้หยางเฉิน

การที่เขามาที่นี่อย่างยิ่งใหญ่ กับการแก้แค้นให้หลานชายนั้น เป็นแค่ข้ออ้าง จริงๆ แล้วเขามาเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเฉินต่าง หาก

ส่วนหยางเฉินนั้น เขาก็แค่สงสัย ไม่มีหลักฐานที่จะมายืนยันว่า

หยางเฉินนั้นเป็นฆาตกรจริงๆ

ถ้าไม่หาฆาตกรออกมาโดยเร็ว คนอื่นก็จะหาว่าตระกูลเฉินนั้น ไร้ความสามารถ แม้แต่หลานชายที่เป็นสายเลือด โดยตรงตาย ไป ยังไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้

ดังนั้น เรื่องนี้จึงจําเป็นต้องมีแพะรับบาป ซึ่งคนคนนั้นก็คือ

หยางเฉิน

ส่วนฆาตกรตัวจริงนั้น ตระกูลเฉินจะตามสืบต่อไปแน่นอน

ถ้าเจิ้งเหม่ยหลิงเกิดพูดยืนยันว่าการตายของเฉินอิงจวิ้นนั้นไม่ เกี่ยวข้องกับหยางเฉินขึ้นมา งั้นการที่เขายกพวกมาที่นี่อย่าง ใหญ่โตนั้น มันก็จะกลายเป็นเรื่องตลกไปทันที

ดังนั้น เฉินชิงไห่จึงไม่อยากได้ยินในสิ่งที่เจิ้งเหม่ยหลิงจะพูด

“ผู้นำเงินคะ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณชายคนนั้นถูกคนฆ่า ตายค่ะ”
เจิ้งเหม่ยหลิงทำหน้าโหดเหี้ยม พร้อมกับจ้องหน้าหยางเงิน ด้วยสายตาที่โกรธแค้น เธอยกมือแล้วซื้ออกไป “เขาค่ะ เขานั้น แหละที่เป็นคนฆ่าคุณชายจน

ติ่ง!!

การชี้ของเจิ้งเหม่ยหลิง ทําให้บรรยากาศโดยรอบนั้นตกอยู่ ในความเงียบ

ทุกคนต่างเพิ่งตาโต แม้แต่เฉินชิงไห่ก็ยังนึกไม่ถึง ที่เจิ้งเหม่ย

หลิงจะช่วยเขายืนยันในตัวหยางเฉินด้วย

ส่วนทุกคนในตระกูลโจวต่างก็ช็อกกับคำพูดของเจิ้งเหม่ยหลิง จนหมด

“ที่แท้ การตายของคุณชายใหญ่ตระกูลเฉิน ก็เป็นฝีมือของ

ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านนี่เอง!!

“มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ไอ้หมอนี่มันช่างใจกล้าได้ขนาดนี้ แม้แต่สายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลเฉินยังกล้าฆ่า

“ถ้าเป็นแบบนี้ ตระกูลเฉินก็ยิ่งไม่มีทางปล่อยหมอนไป แน่นอน”

ระหว่างที่ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกันนั้น สายตาที่มองหยาง เฉินก็เปลี่ยนไป

“เจิ้งเหม่ยหลิง นี่แกพูดอะไรออกมาเนี่ย?”
หลังจากที่ฉินซีช็อกไปพักใหญ่ สีหน้าก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที

เดิมทีเมื่อคืนหยางเฉินก็ไม่ยอมช่วยเจิ้งเหม่ยหลิง เพราะเธอ เป็นคนที่ขอร้องหยางเฉิน จึงสามารถช่วยเจิ้งเหม่ยหลิงออกมา ได้

แต่ไม่นึกเลย ว่าลูกผู้น้องที่เธอออกตัวช่วยไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม โดยการตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น

หยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมองไปยังเจิ้งเหม่ยหลิง

ในจังหวะที่สบตากับหยางเฉินนั้น เจิ้งเหม่ยหลิงก็ทำหน้า กระวนกระวาย ภาพในห้องวีไอพีเมื่อคืน ตอนที่แขนของมู่เจิ้นถูก กระทืบจนหักยังฝังลึกอยู่ในหัวเธออยู่เลย

“เธอชื่ออะไร?”

จู่ๆ เฉินซิงไห้ก็ถามออกมา

เจิ้งเหม่ยหลิงจึงรีบตอบไปว่า “ผู้นำเฉิน ประธานของเจิ้งเหอก รุ๊ปเจิ้งเต๋อหัว คือคุณปู่ของฉันค่ะ!”

“เยี่ยม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเจิ้งถือเป็นพันธมิตรของ ตระกูลเฉิน! หลังเรื่องในวันนี้เสร็จสิ้น ผมจะส่งคนที่รับผิดชอบไป เซ็นสัญญาร่วมมือกับเจิ้งเหอกรุ๊ป”

การที่เฉินซิงไห่พูดออกมาแบบนั้น ถึงเขาจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าสิ่งที่ เจิ้งเหม่ยหลิงพูดมานั้นมันเป็นความจริงรึเปล่า แต่การที่เธอมา ชี้ตัวหยางเฉินต่อหน้าทุกคนแบบนี้ มันก็ช่วยเขาได้มากๆ เลย
เจิ้งเหม่ยหลิงนั้นรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที จึงรีบพูดไปว่า “ขอบคุณ ค่ะผู้นำเฉิน!!

การที่เธอยอมเสี่ยงพูดออกมาแบบนั้น ก็เพื่อรอฟังค่านี้ของ เฉินซิงไห่นี่แหละ

ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จสักที

หลังจากที่อยู่ในวงการของเมืองโจวเฉิงมานาน เธอรู้ดีว่า ลูก หลานของตระกูลใหญ่นั้น เมื่ออยู่ในวงการของคนหนุ่มสาวจะมี ฐานะที่สูงแค่ไหน

แค่คำพูดที่เฉินชิงไห่เพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ อีกไม่นานตระกูลเจ งก็จะกลายเป็นตระกูลระดับสองของเมืองโจวเฉิงแล้ว และถ้า ตระกูลเฉินเห็นความสำคัญของตระกูลเจิ้ง ตระกูลเจิ้งก็มีสิทธิ์ เลื่อนไปเป็นตระกูลระดับหนึ่งก็ได้

เจิ้งหยันเองก็เหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน เขาทำทุกวิถีทาง เพื่อได้เข้าใกล้พวกคนระดับสูง แต่ลูกของตัวเองกลับใช้คำพูด แค่คำเดียว ก็ทำให้ตระกูลเจิ้งได้รับโอกาสที่ดีขนาดนี้แล้ว

คนอื่นๆ ก็ทำหน้าตกใจไม่แพ้กัน ใครๆ ก็รู้ว่าหลังจากวันนี้ ตระกูลเจิ้งจะเจริญก้าวหน้าแล้ว

มู่ตงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างๆ มองดูทุกอย่างด้วยความสนุก

การที่เขามาในวันนี้ ก็มาเพื่อช่วยเฉินซิงไห่ควบคุม สถานการณ์เท่านั้น ขอแค่ตระกูลเฉินสามารถเอาชีวิตของหยาง เฉินได้ งั้นความแค้นเรื่องแขนของลูกชายที่หักไป ก็ถือว่าได้รับการแก้แค้นแล้ว

สีหน้าของลั่วปิงนั้นดูแย่มาก ตอนแรกคิดว่าด้วยความ สามารถของตัวเอง ก็สามารถจัดการกับตระกูลเฉินได้แล้ว ไม่นึก เลยว่าตอนนี้จะมีตระกูลมโผล่มาอีก

“ผมจะทำให้ธุรกิจของตระกูลเฉินล่มสลายภายในเวลาหนึ่ง ชั่วโมง!”

จู่ๆ เสียงของลั่วปิงก็ดังขึ้น จนดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนทันที

มองดูเขาที่เพิ่งวางสาย เฉินซึ่งได้ก็พูดออกมาด้วยความโมโห “ลั่วปิง ตอนนี้หลักฐานที่ชัดเจนแล้วว่าการตายของหลานชาย ผม เป็นฝีมือของไอ้หมอนี่ แล้วคุณยังจะขัดขวางผมอีกเนี่ยนะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ