The king of War

บทที่ 488 มารยาททรามมาก



บทที่ 488 มารยาททรามมาก

ซ่งซวี่หยางสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ด้านในชุดสูทเป็นเสื้อเชิ้ตสี ขาว และเขาผูกเน็คไทด้วย

เขาใส่แว่นตาขอบทอง ดูยังไงก็เป็นผู้บริหารระดับสูงที่เรียบ

ร้อยสุดๆ

แต่บัดนี้ สองมือของเขาฟาดโต๊ะทำงานของลั่วปิงไม่หยุด ท่าทางดุร้ายนั้นไม่เข้ากับการแต่งตัวของเขาเลยสักนิด

โดยเฉพาะเขามีคนติดตามมาด้านหลังด้วย ท่าทางเหมือน อันธพาลมาก

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป อาจจะตกใจกับบุคลิกอันธพาลที่ เขาแสดงออกมาในตอนนนี้จริงๆก็ได้

สีหน้าของลั่วปิงเต็มไปด้วยความเยือเย็นเขายังคงนั่งอยู่ใน ตำแหน่งของตัวเอง สายตาจับจ้องซ่งหยางอย่างเรียบนิ่ง พลางเอ่ย “ขอถามหน่อยว่านายอยู่ในตำแหน่งอะไร?”

ซ่งซวี่หยางที่โมโหเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจู่ๆได้ยินถั่วปิงพูดแบบนี้ ก็ผงะไป พูดขึ้นตามสัญชาตญาณ “กูเป็นรองผู้จัดการใหญ่ของ เยี่ยนเฉินกรุ๊ป!”

“นายเป็นแค่รองผู้จัดการใหญ่ กูนี่ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ” “กูไล่สุนัขรับใช้ที่ไม่เชื่อฟังออกสองสามตัว ต้องรายงานรองผู้จัดการใหญ่อย่างมึงด้วยหรอ?

“ไอ้ซ่งซวี่หยาง กูทนมึงมานานแล้วนะมึงคิดว่ากูเป็นคนหงิมๆ

จริงๆหรอ?” ทันใดนั้นล้วปิงก็ยืนขึ้น บันดาลโทสะ เขาที่ไม่เคยพูดคำหยาบ

ก็โมโหจนหยาบคายเป็นชุด

เขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ซึ่งหยางรังแกเขามา นานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมนี้ของทั่วถึง

ชั่วขณะนั้น ซึ่งชวีหยางอึ้งไป

ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาถึงพูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “ลั่วปิง มึง คิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆหรอ?” “กูจะบอกให้นะ กูเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเงินกรุ๊ปก่อนที่

ถึงจะมาอีก กูเป็นผู้จัดการใหญ่มาสิบกว่าปี จึงคิดว่าตัวเองเป็น

ใครวะ”

“คิดจริงๆหรอว่าเกาะบารมีของคนที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลอ เหวินแล้วจะต่อกรกับฉันได้น่ะ?”

“กูต่างหากที่เป็นคนสนิทที่สายตรงจากตระกูลอวี่เหวินอบรม สั่งสอนมา ตราบใดที่ยังมีอยู่ ซึ่งก็อย่าหวังว่าจะได้ควบคุม เยียนเฉินกรุ๊ป!”

“อย่าว่าแต่ไล่คนของกูออก ต่อให้เป็นแค่แมลงวันตัวหนึ่งใน เยียนเฉินกรุ๊ป หากไม่มีการอนุญาตจากกู มึงก็ไม่สามารถฆ่ามัน ได้!”
มารยาทของซงซวี่หยางทรามมาก พูดแต่คำหยาบอย่าง “กู มึง” และคำอื่นๆ

เขาโอหังขนาดนี้ย่อมต้องเป็นเพราะมีคนสนับสนุน มิฉะนั้นจะ

กล้าต่อกรกับลั่วปิงได้ยังไง?

อย่างไรซะการที่ทั่วปิงถูกส่งมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของกรุ๊ปได้ก็ ตแล้วว่าเขาเป็นคนของหยางเฉิน

ต่อหยางเฉินจะต่ำต้อยแค่ไหนก็ยังเป็นคนของตระกูลอวี่เหวิน

ตั้งแต่แรกจนบัดนี้ หยางเฉินก็เพียงแต่นั่งอยู่ข้างเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้น เห็นท่าทาง โอหังของซงซวหยางแล้วเขาอยากจะดูซิ ว่าคนสนิทที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากตระกูลอวี่เหวินคนนี้จะ ผยองได้ถึงขนาดไหน

ถั่วปังโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เขาเป็นคนมีการศึกษาระดับสูง ที่ เมื่อกระเบิดคำหยาบออกมาก็เพราะถูกบีบคั้นจนอดไม่ได้

ครั้นจะให้เขาด่ากับซ่งชวีหยางทุกคำพูดนั้นเขาสู้ไม่ได้จริงๆ

“เรื่องที่มึงจะไล่คนของกูออก กูไม่เอาเรื่องกับมึงก็ได้ แต่ถึง ปกป้องคนที่มีหลานของกู มี

ต้องอธิบายมา มิฉะนั้นวันนี้ถึงจะออกจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้ หรือไม่นั้นก็ยังไม่รู้”

ซ่งซวี่หยางจุดบุหรี่ให้ตัวเอง ดูดเข้าอย่างแรงไปหนึ่งทีและพ่น ใส่หน้าลั่วปิง พร้อมพูดด้วยท่าทียโสโอหัง
“ประธานข่ง คนที่ทำร้ายหลานชายของท่านก็คือไอ้สองตัว นั้น”

ไม่รอให้ทั่วถึงพูดอะไร หัวหน้ารูปกด้านหลังซ่งเหยางก็พลัน ชี้ไปถึงทางหยางเฉินและหม่าชาวพร้อมกล่าว งซวหยางถึงหันไปมองหยางเฉินและหม่าชาว เขาทอด

สายตาไปที่หมาชาวเพียงแปปเดียวก็จับจ้องไปที่หยางเฉิน

“ไอ้หนุ่ม พวกแกเป็นคนทำร้ายหลานชายของฉัน?”

งซวี่หยางเอ่ยถาม น้ำเสียงราบเรียบมาก เทียบกับท่าที สามหาวที่เขาทำใส่ถั่วปิงเมื่อกี้แล้วถือว่าดีกว่าเยอะ

“ที่แท้ไอ้หมาบ้าชอบเท่าตัวนั้นก็คือหลานชายของคุณหรือ มิน่าล่ะ ที่แท้ก็มีแบบอย่างที่ไม่ดีนี่เอง”

ปากของหยางเฉินฉายรอยยิ้มบางๆ เขาหรี่ตาพลางเอ่ย “ก็

แค่ทําร้ายนี้ ไม่ได้ฆ่าสักหน่อย”

“ปิ้ง!

งซวหยางโมโหขึ้นมาทันที เขาตบโต๊ะลั่น ตาแดงด้วยความ โกรธเกรี้ยวและเอ่ย “มึงว่าใครเป็นหมาวะ?”

“คนดักดานมันมีทุกวัน เหมือนวันนี้จะมากเป็นพิเศษมั้ยนะ?” หยางเฉินยิ้มและหันไปหม่าชาวที่อยู่ข้างๆ

หม่าชาวมองซ่งเหยางอย่างเย้ยหยันพลางกล่าว “เยอะมาก จริงๆ แต่ไอ้โง่คนนี้น่าจะน่ารำคาญมากกว่าคนอื่นนะ”
“ในเมื่อน่ารำคาญ แล้วทำไมไม่ทำให้เขาหายไปซะล่ะ?” หยางเฉินเอ่ยเรียบๆ

“ผมจะไปเก็บขยะเดี๋ยวนี้แหละครับ พี่เฉิน โปรดรอสักครู่!” หม่าชาวยิ้มพลางลุกขึ้น และเดินตรงไปหาซงซวหยาง จนถึงนาทีนี้ ซึ่งซวี่หยางถึงตระหนักได้ว่าหยางเฉินและหม่า ชาวไม่ธรรมดา

หัวหน้ารูป และบอดี้การ์ดที่ตอนแรกยืนอยู่ข้างหลังเขา ก็รีบ คุ้มกันเขาไว้ด้านหลังทันที

“ไอ้หนุ่ม แกรู้มั้ยวะว่าที่นี่แม่งเป็นสถานที่แบบไหน ถึงกล้ามา มีเรื่องกับกู?” “มีเรื่องกับ วันนี้จะทำให้มึงไม่อาจออกไปจากเขียนเฉินก

ปได้อีก”

“ไอ้ระยำเอ๊ย มาทำร้ายคนของที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปไม่พอ ตอนนี้ จะทำร้ายกูด้วย พวกมึงอยากตายนักใช่มั้ย

ซึ่งหยางหลบอยู่หลังหัวหน้ารูปภและบอดี้การ์ดก็พลันโอหัง ขึ้นมาอีก เขาพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ “ลุยเลย หักแขนหักขาของ ไอ้สองตัวนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เมื่อได้รับคำสั่งจากซงซวี่หยางแล้ว หัวหน้ารูป และบอดี้ การ์ดก็พุ่งไปหาหม่าชาวทันที

หม่าชาวมีสายตาดูแคลนอย่างมาก เขาไม่คิดจะทุ่มหมดแรงด้วยซ้ำ ยืนมองคนสองคนที่เข้าใกล้ตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสีหน้า ไร้อารมณ์

“ไม่รู้จักเจียมตัว!”

ในนาทีที่สองคนนี้กำลังพุ่งเข้ามา ใต้เท้าหม่าชาวก็วูบไหวเล็ก น้อย และหลบหมัดหนักหน่วงของบอดี้การ์ดได้ในพริบตา

ขณะเดียวกัน เขาคว้าหมัดที่หัวหน้ารูปถเหวี่ยงมาได้

“นายจะทําอะไร?

หัวหน้ารูป รู้สึกได้ว่าหม่าชาวคว้าหมัดของเขาไว้ เขาคิดจะ สลัดแต่สลัดไม่หลุด สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันใด

“แครก!”

สิ้นเสียงเขา เสียงกระดูกแตกก็ดังขึ้น

หลังจากนั้น แขนทั้งแขนของเขาก็บิดเบี้ยวไปถึงเก้าสิบองศา

วินาทีต่อมา ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสก็เริ่มแผ่ซ่านจาก จุดที่แขนหักกระจายออกไปทั้งตัว หัวหน้ารูปกโหยหวนออกมา อย่างทนไม่ไหว

“นี่เพิ่งจะไหนถึงไหนเอง นายก็ทนไม่ไหวแล้วหรอ?”

หม่าชาวหัวเราะและกล่าวอย่างดูถูก ในขณะที่พูด เขาก็คว้า แขนอีกข้างของหัวหน้ารูปไว้
“นายอยากได้ใช่มั้ย!

ขณะนั้น บอดี้การ์ดที่โจมตีพลาดเพิ่งรู้ตัวและหันมาต่อยหมัด

อย่างหนักหน่วง เล็งไปที่ขมับของหม่าชาว หม่าชาวกระตุกยิ้มมุมปากจนเกิดเป็นเส้นโค้งร้ายกาจราวกับ สัมผัสไม่ได้ เขากระชากแขนของหัวหน้ารูป และออกแรงดึง

อย่างหนัก

“ตู้ม!”

“แครก”

เสียงหมัดทุ้มดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระดูกหัก

เสียงหมัดนั้น เกิดจากหมัดของบอดี้การ์ดซงซวี่หยางที่

กระแทกกับแขนของหัวหน้ารูปภ

เสียงกระดูกหัก เกิดจากแขนของหัวหน้ารบกที่หักเพราะโดน ต่อย

ทุกคนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ซึ่งหยางไม่ทันจะรู้ตัวว่าเกิด อะไรขึ้น ก็เห็นแขนอีกข้างของหัวหน้ารูปกโดนบอดี้การ์ดของตัว เองต่อยหัก ในหมัดเดียว

หัวหน้ารปกโหยหวนอย่างทุรนทุรายออกมา ก่อนจะตาเหลือก และหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ