The king of War

บทที่ 321 เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมหันต์ที่เมืองโจ



บทที่ 321 เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมหันต์ที่เมืองโจ

วเฉิง “หลังจากคืนนี้ไป เมือง โจวเฉิงจะไม่มีตระกูลเจิ้งอีก ส่วนหงเห

ยียนก็หายสาบสูญไปได้แล้ว! อีกอย่าง เก็บยัยเจิ้งเหม่ยหลิงไว้

ให้ผมก่อน”

หยางเฉินเหลือบมองโจวชุ่ยที่แกล้งหลับอยู่ พร้อมบอกกับ

มือถือ

“ครับ คุณหยางวางใจได้ ก่อนตะวันขึ้นรับรองว่าภารกิจเสร็จสิ้น” เสียงชราของเฉินซิงไห้ดังขึ้นฉับพลัน ประหนึ่งเสียงฟ้าร้องดัง

ลั่นที่ปะทุอยู่ในหัวของโจวย

หยางเฉินวางสาย สายตาเปี่ยมด้วยความดุดัน

แค่ตระกูลเจิ้งเล็กๆนั่น ไม่ใช่แม้กระทั่งตระกูลคลาสสองด้วย ซ้ำ เขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยสักนิด แต่ตระกูลเล็กๆดั่งมด ปลวกแบบนี้แหละ บังอาจท้าทายตัวเอง

คราวก่อนที่เมือง โจวเฉิง เขาเหลือทางรอดให้ตระกูลเจิ้งแล้ว ครั้งหนึ่ง ในเมื่อพวกเขาไม่เห็นค่า ก็ไม่มีความจําเป็นอะไรต้อง

ดำรงอยู่อีกต่อไป

โจวซุ่ยที่แกล้งหลับอยู่บนเตียงสำหรับญาติสั่นไปทั้งตัว เธอ หวาดผวาในใจจนถึงขีดสุด
คืนนี้ หยางเฉินทำให้เธอตะลึงงันเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกว่า หัวใจของเธอแบกรับไม่ไหวแล้ว

ตอนนี้เธอมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือไปจากโรงพยาบาล

หนีออกจากเมืองเจียงโจวตลอดไป คืนนี้ถูกกำหนดแล้วว่าไม่อาจหลับใหล หยางเฉินนั่งอย่างสงบ

อยู่บนโซฟา จ้องมองฉันบนเตียงสำหรับญาติด้วยสายตาเรียบ

นิ่ง

เขารักผู้หญิงคนนี้ เพื่อผู้หญิงคนนี้ เขาทำได้ทุกอย่าง เมื่อก่อน เขาอดทนกับโจวชุ่ยครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพื่อผู้หญิง คนนี้

แต่ตอนนี้ โจวซุ่ยกลับคิดจะทำร้ายฉันต้าหย่ง หนึ่งในคนที่ สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน

เขา ไม่อาจทนได้!

ขณะเดียวกัน เมืองโจวเฉิง ตระกูลเฉิน

ขณะนั้นเป็นเวลาที่สาม ควรจะเป็นเวลาที่กำลังหลับใหล แต่ เพราะตระกูลเจิ้งและหงเหยียนไปล่วงเกินหยางเฉินเข้า เฉินชิงไห่ จึงจําต้องจัดการด้วยตัวเอง

“หงเหยียน แม้แต่พ่อตาของคุณหยางแกยังกล้าสังหาร ใจ หมาๆของแกชักจะกล้าหาญขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ”

เฉินชิงไห่โมโหมาก สั่งให้มีการลอบฆ่าหงเหยียนทันที รวมถึงล้มตระกูลเจิ้งด้วย

เทียนช่างเหรินเจียน!

สถานบันเทิงที่ดีที่สุดในเมืองโจวเฉิง ไม่ใช่แค่หนึ่งใน

ถึงแม้ตอนนั้นเป็นเวลาที่สามแล้ว แต่แสงไฟอย่างสว่างไสว

หนึ่งในห้องพิเศษสุดหรู ร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งนอน อยู่บนตักของผู้หญิงแต่งตัวโป๊เปลือยคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นกำลังนวดศีรษะให้เขา พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แป้น “ท่านหง บัดนี้ตระกูลหยวนแห่งเมือง โจวเฉิงวอดวายไป แล้ว เหลือเพียงตระกูลเฉินเป็นใหญ่อยู่ตระกูลเดียว ท่านไม่คิด จะดวลให้รู้แพ้รู้ชนะกับตระกูลเฉินหรือคะ?”

ชายวัยกลางคนนั้นก็คือหงเหยียน คนในแวดวงเมือง โจวเฉิง เรียกเขาว่าท่านหง

หงเหยียนหลับตาสองข้าง เพลิดเพลินไปกับการนวดจากสาว สวยไปพลาง หัวเราะเย็นๆไปพลางพร้อมเอ่ยขึ้น “เป็นใหญ่ ตระกูลเดียว? เธอ ให้เกียรติตระกูลเฉินไปรึเปล่า”

“หืม? ฟังจากที่ท่านหงพูด ตระกูลเฉินแค่เหมือนเก่งแต่แท้จริง แล้วอ่อนปวกเปียกหรือคะ?” สาวสวยถามด้วยรอยยิ้ม

เทียนช่างเหรินเจียน สาวสวยระดับท้อปมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่หงเหยียนชอบที่สุด

เพราะฉะนั้นเวลามีอะไร หงเหยียนมักจะเล่าให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง
หงเหยียนหัวเราะเย็นๆ “ฉันชอบคำว่าเหมือนจะเก่งแต่แท้จริง อ่อนปวกเปียก! ถึงแม้ตอนนี้ตระกูลเฉินจะเก๋ามาก แต่ก็แค่ใน แวดวงธุรกิจ พวกเขามีเงินมากก็จริง แต่ถ้าไม่ได้การคุ้มกันจาก ยอดฝีมือชั้นยอดก็ยังทำการใหญ่ไม่ได้อยู่ดี

“ตอนนั้น แค่ตระกูลหยางเล็กๆนั้น เพราะมีเฉียนเปียวถึงข่ม ตระกูลหยวนและตระกูลเฉินไว้ได้ เธอบอกฉันมาว่า ตระกูลที่ โดนยอดฝีมือข่มไว้ได้มีสิทธิ์เป็นใหญ่ในเมืองโจวเฉิงหรอ?”

คำพูดของหงเหยียนเต็มไปด้วยความดูแคลนตระกูลเฉิน

เมื่อได้ฟัง สาวสวยรีบเอ่ยขึ้น “ท่านหงพูดถูก ตระกูลเฉินไม่มีสิ ทธิ์จริงๆด้วย ถ้าไม่ใช่ท่านคงไม่เอิกเกริก เกรงว่าแค่ส่งยอดฝีมือ ไปไม่กี่คนก็ทั้งตระกูลเฉิน ให้ราบได้”

“ฮ่าๆ…..

หงเหยียนหัวเราะลั่น เห็นได้ชัดว่าพอใจมากกับสิ่งที่สาวสวย พูด เขาลุกขึ้นนั่งที่โซฟา มือข้างหนึ่งคลไปทั่วตัวไม่หยุด อีกมือ หนึ่งเชิดคางของสาวสวย “ฉันล่ะชอบปากเธอจริงๆ หวาน!”

พูดจบ เขาก็โอบสาวสวยและเกลือกกลิ้งไปบนโซฟา

และในขณะนั้น ประตูของห้องพิเศษโดนถีบให้เปิดออก

หงเหยียนตกใจจนแทบราด พอเห็นว่าเป็นชายวัยกลางคน สวมเสื้อผ้าสีดำา ก็ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้สารเลว ไม่เห็น หรือว่าท่านหงกำลังทำเรื่องสำคัญอยู่ ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก
สาวสวยที่ตัวเปลือยอยู่หลบอยู่หลังหงเหยียนด้วยหน้าตา หวาดผวา

“ฉันมาหาแกนี่แหละ

พูดจบชายวัยกลางคนคนนั้นก็หยิบปืนโคลท์คิงคอบร้าออก มาจากด้านในเสื้อนอก ปากกระบอกปืนสีดำทมิฬเล็งไปที่หัวของ หงเหยียน

“บังอาจไปมีเรื่องกับคุณหยาง ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย ชาติ หน้าเลิกเป็นลาโง่ซะนะ!” ทันใดนั้นชายวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้น

กระทั่งนาทีนี้ หงเหยียนเพิ่งรู้ตัวว่า ชายวัยกลางคนนี้มาฆ่าตัว

เอง

“พรวด”

หงเหยียนไม่ทันจะหลบ เสียงปืนที่ถูกด้ามเก็บเสียงลดเสียงลง ไม่รู้กี่เท่าดังขึ้น ระหว่างคิ้วของหงเหยียนปรากฏรูเลือด เลือด แดงฉานทะลักออกมาในบัดดล

ร่างของหงเหยียนล้มลง ตายตาไม่หลับ จนตายเขาก็ยังไม่รู้ว่า ตัวเองไปมีปัญหากับใคร

“กรี๊ด!”

สาวสวยคนนั้นเห็นหงเหยียนล้มลงในกองเลือด เธอกรีดร้อง เสียงแหลมด้วยความหวาดผวาจากส่วนลึกของลำคอ

กว่าคนของหงเหยียนจะมาถึงเทียนช่างเหรินเจียน คนที่ฆ่าหงเหยียนก็จากไปนานแล้ว

อำนาจในวงการที่มีหงเหยียนเป็นหัวหน้าสูงสุดแหลกสลาย อย่างรวดเร็ว ไปอยู่กับตระกูลเฉินทั้งหมด

เมืองโจวเฉิง ตระกูลเจิ้ง!

ณ บ้านเดี่ยวหรูหราหลังหนึ่ง ชายชุดดำรูปร่างกายคนหนึ่ง เข้าไปในคฤหาสน์อย่าได้สุ่มเสียง

“แอ๊ด”

ประตูห้องนอนด้านในสุดถูกผลักออกในทันใด ชายชุดด่ารู ปร่างกำยาปรากฏตัวอยู่ในห้องนอน

“กรี๊ด~”

เจิ้งเหม่ยหลิงที่กำลังนอนหลับสบายจู่ๆก็โดนชายชุดด่ารูปร่า งย่าอุ้มขึ้นมา เธอตกใจจนร้องเสียงแหลม “แกเป็นใคร? จะ ทําอะไร?”

“ตุ๊บ”

ชายชุดดำรูปร่างกำยำฟาดสันคอเธอ เสียงของเจิ้งเหม่ยหลิง หายไปในบัดดล

“เหม่ยหลิง!”

ตอนที่เจิ้งหยันพุ่งเข้ามาในห้องของเจิ้งเหม่ยหลิงกลับพบว่า เจิ้งเหม่ยหลิงหายตัวไปแล้ว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที พร้อม คํารามลั่น “เหม่ยหลิง! เหม่ยหลิง!”
เจิ้งเหม่ยหลิงถูกตีสลบพาตัวไปแล้ว ต่อให้เขาร้องเรียกจนคอ แตก เจิ้งเหม่ยหลิงก็ไม่ได้ยิน

“พ่อครับ เมื่อกี้เหม่ยหลิงถูกพาตัวไป พ่อช่วยหาทางสืบหน่อย ครับ ว่าเธอถูกใครพาตัวไป

เจิ้งหยันโทรหาเจิ้งเต๋อหัวทันที เขาร้อนใจจนแทบร้องไห้

ถึงแม้ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเขาและโจวอทรงจะ สิ้นสุดลง แต่กลับรักใคร่และตามใจลูกสาวอย่างเจิ้งเหม่ยหลิง เป็นพิเศษ

เขารู้ดีว่าใจตอนนี้ มีเพียงเจิ้งเต๋อหัวที่สืบรู้ได้ว่าใครกันที่พา ตัวเจิ้งเหม่ยหลิงไป

“ไอ้เวรตะไล พวกแกไปมีเรื่องกับใครมาอีกแล้วใช่มั้ย?”

เจิ้งเต๋อหัวได้ฟังแล้วตวาดอย่างเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด

“พ่อ ผมไม่ได้มีเรื่องกับใครนะครับ

เจิ้งหยันพูดอย่างร้อนรน “พ่อครับ พ่ออย่าเพิ่งด่าผมเลย รีบ หาวิธีตามหาเหม่ยหลิงเถอะ ผมมีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าเธอเป็น อะไรไปแล้วผมจะอยู่ยังไง?

แม้เจิ้งเต๋อหัวจะโมโห แต่ก็ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ได้ เขาวางสายและเตรียมหาเส้นสายช่วยตามหาตัวเจิ้งเหม่ย หลิง

แต่เขายังไม่ทันได้โทรหาใคร โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน

ปกติแล้วได้รับสายโทรเข้าในตอนเช้าตรู่ไม่น่าใช่เรื่องดี

เจิ้งเต๋อหัวสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ยังรีบรับสาย

“ท่านประธาน แย่แล้ว เมื่อคู่ค้าหลายฝ่ายของบริษัทเราจู่ๆก็ โทรมาบอกว่าจะยกเลิกการร่วมงานกับเรา”

“แล้วธนาคารก็โทรมาบอกว่าการประเมินความเสี่ยงของ บริษัทเราอยู่ในระดับค่อนข้างสูง หลังจากประเมินอีกครั้งแล้วไม่ เข้าเกณฑ์การกู้เงินในตอนนี้ ธนาคารเรียกร้องให้เราคืนเงินที่กู้ มาทั้งหมดก่อนฟ้าสว่าง

เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของบริษัทเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อให้เจิ้งเต๋อหัว ฟังทั้งหมด

“อะไรนะ?”

เจิ้งเต๋อหัวรู้สึกเหมือนโลกหมุนกลับตาลปัตร ตาเหลือก สลบ

ไปซะอย่างนั้น

“ผู้นํา!”

ชั่วขณะนั้น ทั้งตระกูลเจิ้งแตกตื่นกันไปหมด สถานการณ์น่าเป็นห่วง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ