The king of War

บทที่ 314 หม่าชาวแสดงความในใจ



บทที่ 314 หม่าชาวแสดงความในใจ

พอได้ยินหยางเฉินบอกว่าอ้ายหลินกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ครั้งนี้น่ะยังไม่ แต่ครั้งต่อ ไปละก็ไม่แน่ ที่บ้านของเธอได้จัดหาคู่ครองให้เธอมาหลายครั้ง มากแล้ว”

พอได้ยินแบบนั้น หม่าชาวก็เงียบไป แววตาก็ดูเศร้าสร้อยขึ้น มา

ระหว่างทางที่โรงพยาบาล อ้ายหลินนั้นได้พูดกับหยางเฉิน ที่ บ้านได้หาคู่มาให้เธอหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็หาเหตุผลมา ปฏิเสธไปได้ทุกครั้ง

ตอนอยู่ชายแดนเหนือ มีอยู่ครั้งหนึ่ง หม่าชาวได้รับบาดเจ็บ สาหัส เคยพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลช่วงหนึ่ง จากความ ใกล้ชิดในช่วงนั้นนี่แหละ หม่าชาวก็ได้เริ่มชอบอายหลินขึ้นมา

ตระกูลของอ้ายหลิน เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเยน แต่หมา

ชาวนั้นเป็นแค่เด็กกําพร้าคนหนึ่ง

ดังนั้นภายในใจของหม่าชาว อ้ายหลินก็คือเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ ส่วนตัวเองนั้น เป็นแค่ทหารที่แอบปกป้องอยู่ข้างหลังเท่านั้น

อ้ายหลินที่ไอคิวสูงส่ง ทำไมจะมองไม่ออกล่ะว่าหม่าชาวนั้น ชอบตัวเอง?
แต่ว่า เธอเองก็มีเรื่องที่ติดอยู่ในใจเหมือนกัน เธอมักจะคิดว่า ตัวเองนั้นแก่กว่าหม่าชาวสี่ปี ความห่างของอายุ ทำให้เธอยัง รู้สึกรับไม่ค่อยได้

ส่วนหม่าชาวก็ไม่ยอมสารภาพรักสักที ความรู้สึกของทั้งคู่ จึง ยังคงวนอยู่กับที่

“ครั้งนี้ พี่อ้ายจะอยู่ที่เมืองเจียงโจวสักพักหนึ่ง เพื่อรักษาให้ พ่อตาของฉัน”

จู่ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้นว่า “ฉันหวังว่า แกจะรักษาโอกาสในครั้ง นี้ให้ดี เมื่อพลาดมันไปแล้ว บางที ครั้งต่อไปที่พบกัน เธอก็อาจ จะเป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว พอถึงตอนนั้น แกต้องเสียใจไป จนวันตายแน่นอน!”

“พี่เฉินครับ เธอคือเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ของตระกูลอ้าย ส่วนผม เป็นแค่เด็กกําพร้าคนหนึ่ง ผมมันไม่คู่ควรกับเธอ!”

หลังจากที่เงียบไปนาน ๆ หม่าชาวก็พูดหัวเราะเยาะตัวเอง นี่แหละคือหม่าชาว กับเรื่องของความรักนั้น ช่างเป็นกระดาษ ที่ขาวสะอาดจริงๆ

ทั้งๆ ที่ชอบมาก แต่กลับดูถูกตัวเอง คิดว่าตัวเองนั้นไม่คู่ควร กับอ้ายหลิน

ทันใดนั้น หยางเฉินก็ได้ยื่นมือทั้งสองข้างออกไป กำแขนทั้ง สองข้างของหม่าชาวไว้แน่นๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ว่า “ก็ จริงที่แกนั้นเป็นเด็กกำพร้า แต่นับจากวันที่แกเริ่มติดตามฉัน แกก็ไม่ใช่เด็กกำพร้าอีกต่อไป! เพราะว่า แกยังมีฉัน พี่น้องที่พร้อม จะร่วมหัวจมท้ายไปกับแก!

หยางเฉินกับหม่าชาวนั้น เคยผ่านสมรภูมิรบมานับครั้งไม่ถ้วน เคยผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งคู่ก็ได้ฝ่าฟัน มันมาด้วยกัน

ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ในฐานะหัวหน้ากับลูกน้อง แต่ในใจของ หยางเฉินนั้น หม่าชาวก็คือน้องชาย น้องชายที่ผ่านควมเป็น ความตายมาด้วยกัน!

จะบอกว่า ถ้าไม่มีหม่าชาว ก็คงไม่มีหยางเฉิน ในวันนี้ก็ว่าได้

พอได้ยินคําพูดของหยางเฉิน หมาเฉินก็ทำหน้าซาบซึ้ง ในใจ ก็รู้สึกเต้นรัวไปที่หนึ่ง

หลายปีมานี้ เขานั้นคอยติดตามอยู่ข้างกายหยางเฉินอย่าง

เงียบๆ ติดตามหยางเฉินไปฆ่าฟันศัตรู แต่ในใจของหม่า

ชาว หยางเฉินนั้นเป็นดั่งเทพสงครามที่ไม่อาจเอื้อมถึง

แต่ไม่นึกเลยว่า หยางเฉินจะมองเขาว่าเป็นน้องชายคนหนึ่ง

ในตอนนี้ หม่าชาวที่เป็นดั่งน้ำแข็ง เหมือนในใจจะค่อยๆ ถูก ละลายแล้ว

“พี่เฉิน ขอบคุณครับ!” หม่าชาวพูดออกมาด้วยตาที่แดงก่ำ

“ไอ้งั่งเอ๊ย!”

หยางเฉินยื่นมือออกไป ขยี้ไปที่หัวของหม่าชาวเบาๆ “ในเมื่อชอบแล้ว ก็ห้ามยอมแพ้!

“แต่ว่า ยังไงเธอก็เป็นคุณหนูของตระกูลอ้ายนะครับ……

หม่าชาวยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกหยางเฉินพูดขัดซะก่อน “ตระกูลอ้ายแล้วมันจะทำไม? ต่อให้เป็นแปดประตูแห่งเย็น แล้วมันจะทำไม? เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน มีใครกล้าเรียกตัวเองว่า ราชาบ้าง?”

“ขอแค่แกสามารถจีบอ้ายหลินได้ ถึงตอนนั้น ฉันจะได้สู่ขอกับ แกที่ตระกูลอ้ายเอง!”

หยางเฉินพูดออกมาด้วยความองอาจยิ่งกว่าใคร ด้วย ตำแหน่งและภูมิหลังของเขา ต่อให้เป็นทั้งจิ๋วโจว จะมีตระกูลไหน บ้างที่กล้าดูถูกพี่น้องของเขา

หม่าชาวที่ทำหน้าอมทุกข์ในตอนแรก ตอนนี้ เหมือนในแวว

ตาทั้งสองข้างนั้นดูมีพลังและมั่นคงขึ้นมา

“แกเป็นน้องชายของหยางเฉินคนนี้ ตอนที่อยู่ในสนามรบไม่ แม้แต่จะกลัวตาย แล้วกะอีแค่ตระกูลอ้ายจะมีอะไรให้กลัว?

“พี่เฉิน พี่ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางยอมแพ้เรื่องของอ้ายหลิน แน่นอนครับ!”

แววตาของหม่าชาวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

หยางเฉินหัวเราะออกมาทีหนึ่ง แล้วตบลงบนไหล่ของหม่าชาว อย่างแรง “นี่สิน้องชายของหยางเฉินคนนี้!!
ถ้าหม่าชาวกับอ้ายหลินได้คบกันจริง มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เหมือนกัน

ในเวลาเดียวกัน อ้ายหลินที่ใส่ชุดกาวน์เรียบร้อยแล้ว ภายใต้ คุณหมอมากมาที่รายล้อม เธอก็ได้เดินตรงเข้ามา

เมื่อได้เจออ้ายหลินอีกครั้ง หม่าชาวก็รู้สึกฮึกเพิ่มขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่มีมากกว่าคือความตื่นเต้น ชายที่เผชิญหน้ากับแปด แม่ทัพใหญ่ของศัตรูเพียงลำพังยังไม่รู้สึกกลัวอย่างเขา พอมาอยู่ ต่อหน้าอ้ายหลิน กลับไม่มีความกล้าเลยสักนิด

ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของที่น้องที่ชายแดนเหนือละก็ ก็คงจะตกใจ กันสุดขีดแน่ๆ

“ไอ้ชาว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”

อ้ายหลินหัวเราะแล้วมองมาที่หม่าซาว และพูดทักทายเขา

ที่ชายแดนเหนือ ก็มีแค่อ้ายหลินคนเดียวนี่แหละที่กล้าเรียก หม่าชาวแบบนี้

“สวัสดีครับพี่อ้าย!”

หม่าชาวเอามือลูบหัวตัวเอง แล้วพูดออกไปอย่างละอายใจ หยางเฉินพูดออกไปอย่างไม่ชอบใจว่า “พี่อ้าย หม่าชาวบอก ว่า เขาจะจีบพี่น่ะ!”

ข้างๆ ของอ้ายหลิน มีหมอเดินตามมาด้วยหลายคน หลังจาก ที่หยางเฉินพูดคำนั้นไป สายตาของทุกคนก็พากันจับจ้องมาที่หม่าชาวทันที

หมาชาวที่ตื่นเต้นจนไม่กล้าพูดอะไรอยู่แล้วนั้น สีหน้าก็ได้แตง กาขึ้นมายิ่งกว่าเดิม

อ้ายหลินเองก็ทําหน้าช็อกไปแวบหนึ่ง แต่ไม่นาน คนที่มีความ ฉลาดทางอารมณ์อย่างอ้ายหลินก็ได้ “พริบ!” หลุดขาออกมา “ไอ้ชาว ถ้าคิดจะมาจีบพี่สาวคนนี้ละก็ ต้องรอให้พี่เสร็จงานก่อน ค่อยว่ากันนะ”

พูดจบ เธอก็เดินตรงไปยังห้องคนไข้ของแม่เซี่ยเหอ ตอนที่

เดินผ่านหยางเฉินนั้น เธอก็ยังถลึงตาใส่เขาไปที่หนึ่ง

หยางเฉินหัวเราะคริคริ ทิ้งหมาชาวที่กำลังหน้าแดงไว้ข้างหลัง แล้วเดินตามอ้ายหลินไปด้วยเหมือนกัน

ช่วงหลังมานี้ เนื่องจากเรื่องของฉันต้าหย่ง หลายๆ ครั้ง ที่ได้

เซี่ยเหยมาคอยดูแลเลี้ยวเสียวให้

เรื่องแม่ของเซี่ยเหตุนั้น เขาก็ต้องเอาใจใส่อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ หยางเฉินได้ส่งผลวินิจฉัยให้กับอ้ายหลินไปก่อน แล้ว

สําหรับอาการของแม่เซี่ยเหอนั้น อ้ายหลินเองก็รู้รายละเอียด ดี ที่มาครั้งนี้ ก็เพื่ออยากที่จะทำความเข้าใจกับอาการของแม่ เชียเหออย่างละเอียดอีกหน่อย

หลังทําการตรวจไปรอบหนึ่ง อ้ายหลินก็พยักหน้า แล้วพูดด้วย ความพึงพอใจว่า “อาการของคุณนั้นมั่นคงมาก สภาพร่างกายก็พร้อมสําหรับการผ่าตัดมาก ตอนนี้คุณแค่ต้องทําใจให้สบาย เดี๋ยวถ้าไตมาถึง ก็เริ่มทำการผ่าตัดได้เลยค่ะ!”

“ขอบคุณค่ะ คุณหมอ!”

แม่ของเซี่ยเหอพูดด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าโรคที่ตัวเองเป็นนั้น จะมีโอกาสที่ จะรักษาให้หายได้

หลายปีมานี้ ด้วยความที่เธอเป็นโรคโลหิตมีสารของปัสสาวะ และทำให้เกิดภาวะเป็นพิษขึ้นได้ ทำงานไม่ได้ ทุกอย่างจึงต้อง พึ่งพาเซี่ยเหอทั้งสิ้น เธอจึงรู้สึกว่าตัวเองนั้นติดค้างเซี่ยเหวมาก เกินไป

ตอนนี้เธอกำลังจะได้รับการผ่าตัดแล้ว เธอก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะถ้าเธอหายป่วยแล้ว ก็สามารถออกไปทำงานหาเงินจุนเจือ ครอบครัวพร้อมกับเซี่ยเหอได้แล้ว

หลังการผ่าตัดที่กินเวลาไปสี่ชั่วโมง ในที่สุดอ้ายหลินก็เดิน ออกจากห้องผ่าตัด เธอที่เหนื่อยล้าจากการผ่าตัดอย่างถึงที่สุด ได้พูดออกมาสั้นๆ แค่หกพยางค์ว่า “ผลการผ่าตัดดีเยี่ยม!

ตอนที่เซี่ยเหอได้ยินคำนี้ เธอก็ดีใจจนร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาเต็มหน้า มองหน้าหยางเฉินแล้วพูดไปว่า “หยางเฉินขอบ คุณค่ะ!”

หยางเฉินเองก็ดีใจมากเหมือนกัน เพราะการช่วยเหลือของตน ในที่สุดผู้เป็นแม่ของหญิงสาวที่แสนดีคนนี้ ก็ได้รับการช่วยเหลือ”ผู้เชี่ยวชาญอ้าย คืออัจฉริยะตัวจริง ประเด็นคือ เธอเพิ่งจะ อายุสามสิบเท่านั้นเอง”

“ใช่ๆ โดยเฉพาะท่าทางสงบมั่นคงระหว่างการผ่าตัด รวมถึง การลงมืดอย่างแม่นยำ การเย็บแผลและอื่นๆ ช่างเป็นบุญตา จริงๆ ที่ได้เห็น!”

“เหลวไหล ผู้เชี่ยวชาญอ้ายนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญทางวงการ แพทย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นอัจฉริยะระดับโลกเลยนะ”

“ถ้าผมมีลูกชายละก็ ต้องบอกให้เขาไปตามจีบผู้เชี่ยวชาญ อ้ายแน่นอน!”

หลังจากที่อ้ายหลินออกไปนานแล้ว เสียงชื่นชมนับถือของ

หมอมากมายก็ได้ดังตามหลังมา

อ้ายหลินเปลี่ยนชุดผ่าตัดออก จากนั้นก็ให้หยางเฉินพาเธอไป หาฉินต้าหย่ง

ตั้งแต่ที่เธอมาถึง ก็ต้องรีบเข้าไปทำการผ่าตัดให้แม่ของเชีย

เหอ เพิ่งมีเวลาว่างก็ตอนนี้

“เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า กินข้าวเสร็จก่อนค่อยว่ากันก็ได้” หม่าชาวพูดพร้อมกับจ้องมองอ้ายหลินด้วยความเป็นห่วง

การผ่าตัดที่เริ่มตั้งแต่สิบเอ็ดโมงเช้า กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปถึง บ่ายสามแล้ว แม้แต่น้ำอ้ายหลินยังไม่ทันได้กินเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องกินข้าวเลย

หยางเฉินนั้นจ้องมองหม่าชาวด้วยความพึงพอใจ อ้ายหลิน เองก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกัน เหมือนจะคาดไม่ถึงว่าคนที่เงียบๆ อย่างหม่าชาว ก็รู้ที่จะเป็นห่วงคนอื่นเหมือนกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ