The king of War

บทที่ 25 ไม่สละแน่นอน



บทที่ 25 ไม่สละแน่นอน

ได้ยินคําพูดของโจว ซุ่ย ฉินซีก็มีใบหน้าโกรธเคือง “แม่คะ หนู ไปบอกตอนไหนว่าจะหย่ากับเขา? ต่อให้เขามีเงินเยอะจริง ๆ นั่น ก็ไม่เกี่ยวกับหนูเลยสักนิด”

ทิ้งประโยคนี้ไว้ ฉันก็หมุนตัวจากไป

โจวซุ่ยไร้ความรู้สึกอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นก็มองไปยังฉินต้า หย่งที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ คำรามอย่างเดือดดาลว่า “รู้จัก แต่อ่านหนังสือพิมพ์ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ลูกสาวคุณมีท่าทียังไง? คุณยัง ไม่ไปดูแลอีกเหรอ?”

“ฟู่บ!”

ฉันต้าหญิงทั้งหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างรุนแรง พูด อย่างโมโหว่า “จนป่านนี้แล้วเธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? หยางเฉิน ไม่ใช่ตัวไร้ประโยชน์เหมือนเมื่อปี นอีกแล้ว เธอคิดว่าเพราะ อะไรซูเฉิงอู่ถึงเกรงอกเกรงใจเธอเหรอ? ถ้าหากไม่ใช้เพราะไอ้ สวะที่เธอพูด ซูเฉิงจะรู้เหรอว่าเธอเป็นใคร?”

โจวซุยจ้องเขม็ง เมื่อฉันเพิ่งจะตะคอกใส่เธอ ตอนนี้ แม้แต่สามีที่นอบน้อมต่อเธอมาตลอดก็ยังกล้าตวาดใส่เธอแล้ว

“ตกลงเมื่อชาติที่แล้วฉันทำเวร ทำกรรมอะไรไว้เหรอ? ถึง ทำให้ฉันต้องมาเจอกับผัวกับลูกสาวอย่างพวกแก? ฉันอยู่ต่อไป ไม่ได้แล้ว…” โจวซุ่ยร้องไห้โฮออกมาทันที
ฉันตาหย่งเพียงรู้สึกรำคาญ หมุนตัวกลับเข้าห้องไป ทันใด นั้นทั้งห้องโถงใหญ่ก็เหลือเพียง โจวซุยคนเดียว

“ฉันไม่สนว่าแกจะมีความสัมพันธ์อะไรกับซูเฉิง รู้เพียงว่า แกเป็นไอ้สวะคนหนึ่ง ฉันจะทำให้แกสิ้นเนื้อประดาตัวให้ได้

ห้องโถงใหญ่ไม่มีคนแล้ว โจวซุ่ยก็ไม่เสแสร้งอีก ใบหน้า

โหดเหี้ยมขึ้นมา

ยอดเมฆา บ้านหรูหลังใหญ่ที่สุดในเจียงโจว ตั้งอยู่ ณ ยอด ภูเขาจิ่วเฉิง จากตีนเขาถึงยอดเขามีเพียงทางหลวงเส้นเดียวที่ ล้อมรอบภูเขาอยู่เพียงเพื่อจะนำไปสู่บ้านหรูบนยอดเขาหลังนั้น

ในตอนนี้เอง เงาร่างหนึ่งกำลังยืนเอามือไพล่หลังยืนอยู่หน้า บานหน้าต่างยาวจรดพื้นบานใหญ่

“ได้เวลาสร้างสีสันให้ตระกูลฉินแล้ว” หยางเฉินเอ่ยปากพูด

ขึ้นมาฉับพลัน

จากนั้นเขาโทรศัพท์ออกไปสายหนึ่ง “สร้างปัญหาให้ตระกูล ฉันหน่อย”

“ครับ ท่านประธาน!” ปลายสายรีบตอบรับทันที

เช้าของวันที่สอง นายท่านฉันเพิ่งจะลุกจากที่นอน เงาร่าง หนึ่งพรวดพราดเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู

“ท่านปู่ แย่แล้วครับ!” สีหน้าของฉันเฟยซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง

“เอะอะใหญ่โตมีเรื่องอะไร?”
นายท่านฉินตำหนิด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ฉันอบรมสั่งสอนแกมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ ห้ามลุกลี้ลุกลนจนเกินไป ถ้าแกยังไม่เลิกนิสัยใจร้อนอยู่แบบนี้ ฉันจะวางใจมอบตระกูลไว้ในมือแกได้อย่างไร?

“ท่าน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริง ๆ ครับ ที่โรงงานมี กระดาษแผ่นหนึ่งแปะอยู่ โดนบังคับให้หยุดผลิตชั่วคราวแล้ว ฉันเฟยมีสีหน้าลุกลี้ลุกลน

นายท่านฉินที่เพิ่งจะอบรมฉินเฟยว่าให้ทําตัวสงบเยือกเย็น เข้าไว้ ในตอนนี้กลับนั่งไม่ติด ค่อย ๆ ขยับและลุกขึ้นมา พูดด้วย ความโมโหว่า “โรงงานหยุดทำงาน? ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน แน่?”

ฉินเฟยสายศีรษะ “ผมเพิ่งจะได้ยินข่าวก็รีบมาแจ้งกับท่าน เลย ไม่ใช่แค่โรงงานโดนสั่งปิดนะ ธนาคารเองก็โทรศัพท์เข้ามา บอกว่าบริษัทของพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ล้ม ละลาย จําเป็นจะต้องจ่ายเงินกู้ให้ครบภายในก่อนเวลาเลิกงาน วันนี้ ไม่อย่างนั้นจะฟ้องร้องพวกเราครับ

นายท่านฉินได้ยินข่าวนี้แล้วรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที แม้แต่ หายใจยังติดขัดเป็นอย่างมาก

“ท่านปู่! ฉินเฟยตื่นตระหนก รีบประคองนายท่านฉันที่ ร่างกายโยกไปมาเบา ๆ

“เรื่องนี้จะต้องมีคนเล่นงานพวกเราอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ ไม่ อย่างนั้นโรงงานจะถูกสั่งปิดได้อย่างไร? ธนาคารทวงเงินขึ้นมากะทันหันอีก?” เวลาผ่านไปนานมากนายท่านจีนจึงเรียกสติน มาได้ได้สติขึ้นมาอยู่หลายส่วน

ฉินเฟยกัดฟันพูด “เดิมพวกเราก็ไม่ได้กักตุนสินค้า เงินทุน จำนวนมากก็เอาไปลงกับวัตถุดิบ ตอนนี้โรงงานหยุดทำงานแล้ว สร้างความเสียหายให้พวกเราอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้แล้วฝ่าย ที่มีสัญญาพวกนั้นจะต้องมาเอาสินค้ากับพวกเราแน่ พอไม่มีวิธี หาสินค้ามาให้พวกเขาจะไม่ทำแค่ยกเลิกสัญญา อาจจะถึงขั้นให้ พวกเราชดใช้เงินค่าผิดสัญญาตามข้อตกลงในสัญญาอีก ท่าน ตระกูลฉินจะจบสิ้นจริง ๆ แล้ว!”

“เพียะ!”

นายท่านฉินตบหน้าฉันเฟยไปหนึ่งที พูดด้วยความโมโห “ยังไม่ถึงตอนสุดท้ายก็พูดคำพูดบั่นทอนกำลังใจพวกนี้แล้ว ถ้า หากฉันมอบตระกูลฉินให้แกละก็ ตอนนี้แกคงจะสละตระกูลฉิน แล้วใช่ไหม?”

“ท่านปู ผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่สละแน่นอนครับ” โดนตบมา หนึ่งที ฉินเฟยก็สงบลงไม่น้อย

“นี่ถึงจะเหมือนเป็นหลานชายของฉันหน่อย เพียงแต่ว่าต้อง ใช้สมอง เรื่องใดใดก็ตาม ยังไม่ถึงตอนสุดท้าย จะสละไม่ได้เด็ด ขาด” เห็นฉันเฟยสามารถเข้าใจได้ นายท่านฉันจึงจะพอใจ

ฉันเฟยแสร้งทำเป็นคิดเล็กน้อย แล้วก็เอ่ยปากพูดว่า “ท่าน ปู่ ตอนนี้ผมมีเรื่องสองเรื่องจำเป็นจะต้องทำ เรื่องที่หนึ่งหา หนทางอธิบายกับคู่สัญญา ให้พวกเขายึดเวลาให้พวกเราสักสองสามวัน เรื่องที่สอง พวกเราจำเป็นจะต้องหาวิธีแก้ไขปัญหา เรื่องเงินทุน ปิดช่องโหว่เรื่องเงินกู้ก่อน

“ไม่ผิด นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ยากที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ เรื่องที่หนึ่งยังแก้ไขง่าย แต่เรื่องที่สองนี่สิ ยากมาก แม้แต่ ธนาคารก็ยังไม่ยินยอมปล่อยเงินกู้ให้พวกเราต่อ ยิ่งไม่ต้องพูด ถึงสถาบันเงินกู้อื่นเลย” นายท่านฉินขมวดคิ้วพูด

“ท่าน ผมนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้กะทันหัน ไม่ใช่ว่าฉันถูก ตระกูลหมายตาแล้วเหรอ? ได้ยินมาว่ายังได้รับเงินสินสอด มากมายมหาศาลไปแล้ว ถ้าหากพวกเราสามารถได้รับของพวก นั้นมาเรื่องของบริษัทจะต้องแก้ไขได้แน่” ฉันเฟยพูดขึ้นมาทันที ในดวงตามีแววลอบยินดีอยู่หลายส่วน

นายท่านฉันเองก็มีความรู้สึกว่ามีแสงสว่างอยู่ข้างหน้า พูด กระตุ้นขึ้นทันที “ตอนนี้เจ้าไปหาฉันต้าหย่ง ให้พวกเขาส่ง สินสอดมาชดเชยให้กับบริษัท รอวิกฤตการณ์นี้สิ้นสุดลงแล้ว ค่อยให้พวกเขากลับเข้าตระกูลอีกครั้ง

ฉันเฟยลังเลอยู่ชั่วครู่ พูดขึ้นว่า “ท่าน ต่อให้ฉันต้าหญิง ยินยอม ฉัน จะเห็นด้วยเหรอครับ?”

นายท่านฉิน ‘เฮอะ เสียงเย็นครั้งหนึ่งก่อนจะพูดว่า “เธอเห็น ด้วยก็ต้องตกลง ไม่เห็นด้วยก็ต้องตกลงอยู่ดี ฉันต้าหย่งเป็นแค่ ลูกนอกสมรสของคุณย่าของเจ้า ถ้าหากไม่เห็นแก่าของเจ้า ไล่พวกมันทั้งตระกูลออกไปจากตระกูลฉินตั้งนานแล้ว ยังรอมา ถึงตอนนี้ได้? ตอนนี้ตระกูลฉันมีเรื่องยากลำบาก นี่คือความรับผิดชอบของพวกเขา”

“แต่ว่า ถ้าหากพวกเขาไม่ยินยอมล่ะครับ?” ฉันเฟยมีสีหน้า

ล่ามาก

สองตาของนายท่านฉินหลงน้อย ๆ “ถ้าหากไม่ยินยอมละก็ งั้นก็ให้พวกเขาใช้หนี้บุญคุณที่ตระกูลเลี้ยงดูพวกเขามาหลายปี นี่คืน”

“ท่านปู่ ผมเข้าใจแล้วครับ!” ฉันเฟยหมุนตัวจากไป

บ้านใหญ่ตระกูลฉิน ฉินซีเพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ ยัง ไม่ทันจะได้ส่งเสี้ยวเสี้ยวไปโรงเรียนอนุบาล ประตูรั้วก็ถูกคน กระแทกเปิดจากด้านนอกอย่างโหดร้าย

ทั้งครอบครัวล้วนแต่ตื่นตระหนกกันจนหน้าซีด ฉินต้าหย่ง กำลังเตรียมจะไปดู ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏออกมา ด้าน

หลังยังมีรปภ.หลายคนตามมาด้วย “แกมาได้ยังไง?” พอมองเห็นฉันเฟย ทั้งครอบครัวก็ เดือดดาลขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

ฉันเฟยยิ้มทั้งหน้า มองไปทางฉินตาหย่งแล้วพูดขึ้นว่า “อา รอง ตระกูลฉินประสบกับเรื่องยากลำบากขึ้นมาชั่วคราว ท่าน ให้ผมมายืมเงินครอบครัวคุณสักหน่อย

“เฮอะ!”

ฉันต้าหย่งมองฉันเฟยอย่างเงียบเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ตระกูล ฉันขับไล่พวกเราออกจากตระกูลไปแล้ว ตอนนี้ประสบความยากลําบาก เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย?”

“อารอง คําพูดของท่านไม่ถูกต้องนะ ตัดบัวยังเหลือไปถึง อย่างไรพวกเราก็เป็นญาติที่มีสายเลือดเดียวกัน ท่านคงจะไม่ มองดูตระกูลฉินทั้งตระกูลพังพินาศเพราะเจอปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้หรอกมั้ง?” ฉุนเฟยหัวเราะเหอะ ๆ พูดขึ้น

“ครอบครัวฉันมีเงินหรือไม่ พวกแกยังไม่ได้รู้ชัดเจนอยู่แล้ว หรอกเหรอ?” โจวซุ่ยร้อนรน ลุกขึ้นมาพูดทันที

ฉันเฟยพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “อาสะใภ้รอง ท่าน พูดเรื่องตลกแล้ว ผมจําได้ว่าเมื่อคืนท่านเพิ่งจะพูดว่าไม่กี่วันก่อน ตระกูลซูส่งสินสอดมาถึงบ้านด้วยตัวเอง ล้วนแต่มีมูลค่าเป็นสิบ ล้านใช่ไหม?”

ได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของโจวชุ่ยก็เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่

โต

“ของพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิด เป็นของของขวัญ ขอบคุณที่ตระกูลซูมอบให้หยางเฉิน พวกเราไม่มีสิทธิ์จะไป จัดการของพวกนั้น” ตอนนี้ฉันเดินออกมาพูดด้วยสีหน้าเย็นยะ เยือก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ