The king of War

บทที่ 189 ช่วงเวลาของสองเรา



บทที่ 189 ช่วงเวลาของสองเรา

แรงอาฆาตที่ทรงอำนาจระเบิดออกจากบนตัวของท่านหง

ท่านหงต่อยบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้างไปหมัดหนึ่ง

เสียงดังสนั่น ลำต้นที่คนสองคนถึงสามารถโอบรอบได้นั้นสั่น ไหวอย่างรุนแรง ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมา

ตอนที่เขาดึงหมดออกมา เห็นเพียงมีรอยหมัดที่บุบลึกเข้าไป รอยหนึ่งปรากฏขึ้น ทุกคนล้วนทำหน้าตื่นตกใจ

หมัดเดียวต่อยจนเป็นรอยบนต้นไม้ออกมาได้ นี่คือเรี่ยวแรง

ของคนอยู่เหรอ?

“ไม่ว่าจะเป็นใครกล้าฆ่าลูกศิษย์ของฉันหงเทียนหยา ฉันจะ ต้องให้แกได้รับความทรมานจนตาย!

หงเทียนหยาเงยหน้าร้องตะโกน ในดวงตาที่แดงก่ำมีแรง อาฆาตแค้น สามารถเห็นความโกรธแค้นของเขาในเวลานี้ได้

คนของตระกูลจวงนั้น ในใจแต่ละคนคือความหวาดหวั่น โดย เฉพาะลูกศิษย์ของหงเทียนหยา เพื่อช่วยแก้แค้นให้จองผ่าน ถึง ได้โดนฆ่าจนตาย

พวกเขากลัวว่าหงเทียนหยาจะเอาความแค้นอันนี้มาลงบนหัว ตระกูลจวง
“ท่านหงครับ ท่านมีความต้องการอะไร เอ่ยปากมาได้หมด พวกเราตระกูลจวงจะให้ความร่วมมือเต็มที่ครับ!

เวลานี้จวงเจี้ยนเซ่อเดินเข้ามา พูดจาด้วยสีหน้าประหม่า “ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับหยางเฉิน ภายในครึ่ง ชั่วโมง ต้องเอามาให้ฉัน

เพิ่งพูดจบ หงเทียนหยาอุ้มศพของลูกศิษย์ จากนั้นเดินไปยัง คฤหาสน์ของตนเอง

ทั้งตระกูลจวงต่างไม่มีใครกล้าหายใจแรง มองตามหงเทียนห ยาหายลับไป พวกเขาถึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ถึงแม้ในใจจวงเจี้ยนเซ่อจะกังวลอยู่บ้างว่าหงเทียนหยาอาจ

จะเอาความแค้นของลูกศิษย์มาลงที่ตระกูลจวง ขณะเดียวกันใน

ใจก็แอบดีใจระดับหนึ่ง

ปัจจุบันนี้ศิษย์รักของหงเทียนหยาถูกฆ่า ซึ่งเทียนหยาต้อง ลงมือจัดการด้วยตนเองแน่ ถึงตอนนั้นหยางเฉันมีเพียงตาย สถานเดียว

ในขณะเดียวกัน หยางเฉินสามคนพ่อแม่ลูก บวกกับฉินยี ทั้งสี่ คนกำลังอยู่ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนซุน

ในห้องส่วนตัว ทั้งครอบครัวต่างพูดคุยหัวเราะกัน “พี่ พี่กับพี่เขยยุ่งกันมากทั้งคู่ ไม่ได้มีช่วงเวลาสองคนมานาน มากแล้วใช่มั้ย?”
ทานข้าวเสร็จ ทั้งครอบครัวเดินออกมาจากร้านอาหาร จีน

เงยหน้ามองWanda Plazaที่แสงไฟสว่าง โชติช่วงอยู่ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นยิ้มกริ่มพูดขึ้น หยางเฉินและฉินซีต่างมึนงง จากนั้นบนหน้าฉันซีแดงระเรื่อขึ้น

มานิดๆ

เหมือนอย่างที่ฉันพูด หลังจากที่หยางเฉินกลับมาในครั้งนี้ ทั้งสองยังไม่เคยเดินช็อปปิ้งด้วยกันสักครั้ง ปกติทำงานจนไม่มี เวลา ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็มีเสี้ยวเสียวเด็กคนนี้เป็นก้างขวาง คอ

ระหว่างสองคนเดิมคืออุบัติเหตุครั้งหนึ่ง สามารถพูดได้ว่า พวกเขายังไม่เคยได้ใช้ชีวิตคู่กันเลย

“เสี้ยวเสี้ยว น้าพาหนูไปดูหนัง ดีหรือเปล่า?”

ฉันยิ้มกริ่มจ้องเสี้ยวเลี้ยวแล้วถามขึ้นทันใด

“เอาค่ะ! เอาค่ะ! หนูอยากดูBig Fish & Begonia!”

พอได้ยินว่าจะดูหนัง บนหน้าน้อยๆ ของเสี้ยวเลี้ยวเต็มไปด้วย ความตื่นเต้น

“งั้นน้าจะพาหนูไปดูหนัง แล้วให้ปะป๊ากับหม่าม้าเดินเล่นอยู่ ข้างนอก ได้รึเปล่า?”

ฉันเหมือนเป็นตาลุงเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ที่ค่อยๆ ล่อลวงเด็กสาว ทีละขั้น
ทันใดนั้นเสี้ยวเสี้ยวลังเลอยู่บ้าง มองฉันและหยางเฉินแบบ น่าสงสาร “ปะป๋า หม่าม้า ไม่ไปดูหนังด้วยกันกับเสี้ยวเลี้ยวเหรอ คะ?”

ไม่รอให้ฉินซีและหยางเฉินเอ่ยปาก ฉันแย่งพูดไปก่อนก้าว หนึ่ง “น้าซื้อตั๋วมาแค่สองใบ พวกเขาเข้าไปไม่ได้!

“แต่ว่าเสี้ยวเสียวอยากไปดูหนังด้วยกันกับปะป๊าหม่าม้านี่คะ” เสี้ยวเสียวพูดจาแบบน้อยใจอยู่บ้าง

“งั้นน้าขอถามหนูหน่อย หนูอยากได้น้องชายหรือเปล่า?” ฉิน ถามขึ้นอีก

“อยากค่ะ!” เสี้ยวเสี่ยวตอบไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

“แต่ถ้าหนูเอาแต่ติดปะป้าหม่าม้าแจแบบนี้ พวกเขาคงไม่มี ทางคลอดน้องชายให้หนูได้น่ะสิ” ฉันบอกไป

“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูจะไปดูหนังกับคุณน้าค่ะ” เสี้ยวเลี้ยวหน้าตาใน

ใจ

“เรียบร้อย!”

ฉันทำมือโอเค ให้หยางเฉินแล้วยิ้มกริ่มพูดว่า “พี่เขย พี่สาว ฉันยกให้พี่แล้วนะ!”

พูดจบ หล่อนจูงมือของเสี้ยวเสี้ยว เดินไปยังโรงภาพยนตร์ ว่านต่าก่อนแล้ว

ฉันซีหน้าแดงเขินอายเต็มที่ ถึงแม้ว่าเธอจะอยากจะอยู่ตามล่าพังกับหยางเฉิน แต่ว่าฉันกลับเอาเรื่องมีลูกมาหยอกล้อเธอ

“ไปเถอะ ผมจะไปเดินเล่นที่Wandaเป็นเพื่อนคุณ

หยางเฉินหัวเราะนิดหน่อย จับมือของฉันไว้อย่างเป็น ธรรมชาติมาก

มือของฉันซีนุ่มและเนียนมาก ออกจะเย็นอยู่หน่อยๆ แต่พออยู่ ในมือของหยางเฉิน ไม่นานก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแล้ว

เธอไม่ได้ดิ้นออก ปล่อยให้หยางเฉินจูงมือของตนเองเดินไป

เห็นฉันไม่ได้ต่อต้าน ในใจของหยางเฉินตื่นเต้นอยู่บ้าง และ ประหม่าระดับหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากันและไม่ใช่จับมือเป็นครั้งแรก แต่

กลับเป็นครั้งแรกที่หยางเฉินจูงมือของฉันซีขึ้นมาก่อน

ตอนนี้เป็นช่วงหนึ่งทุ่มครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาปิดร้าน ร้านของ ที่Wanda Plaza ด้านในพลาซ่าก็มีคนเดินไปเดินมา ผู้คน มากมายต่างมองหยางเฉินด้วยท่าทางอิจฉา

โดยเฉพาะฉินซีมีชื่อเรียกว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียง โจว ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบผู้หญิงที่สวยขนาดนี้

ตอนที่เดินผ่านร้านแบรนด์ Versace แห่งหนึ่ง ฉินซีหยุดฝีเท้า ลงฉับพลัน

ตั้งแต่ต้นจนจบสายตาของเธอไม่ได้ย้ายไปไหน มองเสื้อโค้ ตกันลมแบบยาวสีดำบนหุ่นนายแบบในตู้กระจกตรงหน้า
ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อีกไม่นานก็สามารถสวมเสื้อโค้ กันลมได้แล้ว

รูปร่างของหยางเฉินได้มาตรฐานมาก ส่วนสูง 185เซนติเมตร เต็มๆ ใส่เสื้อโค้ตกันลมตัวนั้น จะต้องหล่อมากเลยสินะ?

ฉิน แอบคิดอยู่ในใจ

“หยางเฉิน พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถอะ!

ฉินซีอดบอกพร้อมดึงหยางเฉินไว้ไม่ได้ เดินเข้าไปในร้านแล้ว

“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่ฉันเหรอ?”

ทั้งสองคนเพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เจอกับเสียงร้องตกใจดังขึ้น

มา

เห็นเพียงหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามาแล้ว ชายหนุ่มสวมเครื่อง แต่งกายหรูหราทั้งตัว บนข้อมือสวมโรเล็กซ์ราคาแพงหูฉีเรือน หนึ่ง

บนใบหน้าหญิงสาวแต่งหน้าหนา บนข้อมือหิ้วกระเป๋าถือ หลุยส์ วิตตอง ใบหนึ่ง ที่นิ้วกลางข้างซ้ายสวมแหวนเพชรเม็ดโต วงหนึ่ง

ว่าตามธรรมเนียมของประเทศจิ่วโจว สวมแหวนที่นิ้วกลาง ข้างซ้าย หมายความว่าหมั้นหมายแล้ว

เพียงแค่ตอนที่ฉินซีมองเห็นผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ตื่นเต้นสักนิด เดียว ในทางกลับกันยังดูเย็นชาระดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ไม่ค่อยเท่าไร

หญิงสาวคนนั้นดูเหมือนว่าจะหน้าตาดีระดับหนึ่ง แต่เปรียบ เทียบกับจินซีแล้วยังเทียบกันไม่ติดอย่างยิ่ง

วินาทีที่คู่หมั้นของหล่อนมองเห็นฉันซีนั้น ไม่ได้ละสายตาไป จากเรือนร่างของฉัน เลย

“เผิงเจีย ไม่เจอกันนานเลยนะ!”

ถึงแม้จะไม่เต็มใจอย่างไร ฉันยังกล่าวทักทายออกไป โดย เฉพาะทั้งสองยังเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยกันมา

“ฉินซี ทำไมเธอถึงออกไปจากกลุ่มแซ็ตล่ะ? นับๆ ดูแล้วพวก เราไม่เจอหน้ากันมาห้าปีแล้วใช่ไหม? ทำไมฉันได้ยินว่าเธอแต่ง กับผู้ชายที่ทำให้เธอด่างพร้อยคนนั้นแล้วล่ะ? ตอนแต่งงานทำไม ถึงไม่ชวนเพื่อนไปสักคนด้วย?”

ปากของเฝิงเจียเหมือนเป็นปืนกล ไม่ให้โอกาสฉินซีได้พูดบ้าง ถามตัวเข้ามาไม่หยุด

สีหน้าฉันไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร พูดจานิ่งๆ ไว้คุยวันหลังนะ ฉันมีธุระ!”

“ฉินซี นี่คือใครเหรอ? คงไม่ใช่คนขับรถของเธอหรอกมั้ง?”

ฉินซีบอกแล้วว่ามีธุระ เพิ่งเจียกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ทั้งที่ฉัน กับหยางเฉินจับมือกันอยู่ หล่อนยังจงใจบอกว่าหยางเฉินเป็น คนขับรถ
“เขาคือสามีฉัน!”

ฉินตอบแบบหน้าตาไม่พอใจ

“ที่แท้เขาคือคนสารเลวนั้นที่ทำให้เธอด่างพร้อยเมื่อห้าปี ก่อน? ทําไมเขาถึงแต่งตัวแบบนี้กันล่ะ? ฉันยังคิดว่าเป็นคนขับ รถเสียอีก ไม่ใช่สิ ต้องไม่ใช่คนขับรถแน่ ได้ยินว่าตระกูลฉิน ใกล้ ล้มละลายแล้ว เธอจ้างคนขับรถไหวได้ยังไง? แต่ว่าตอนนี้พวก เธอก็เหมาะสมกันมากนะ!”

เฝิงเจียจงใจพูดด้วยท่าทางตกใจ จากนั้นดึงผู้ชายที่อยู่ด้าน ข้างหล่อนเข้ามา พูดด้วยท่าทางโอ้อวด “ฉินซี เขาคือเฉาเจี้ยนคู่ หมั้นของฉันเอง ตอนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายโครงการของกวนเจิ้งก รุ๊ป เงินเดือนรวมห้าแสน!!

มองลักษณะท่าทางหยิ่งยโสของเฝิงเจีย ทันใดนั้นหยางเฉิน ยิ้มขึ้นมาแล้ว เกือบส่งเสียงหัวเราะออกมา

“เชีย! แกแม่งหัวเราะอะไร?

เห็นหยางเฉินหัวเราะ เฉาเจี้ยนหน้าตาโมโหแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ