The king of War

บทที่ 501 ภายในวันนี้



บทที่ 501 ภายในวันนี้

“หยูเหวินหวูถูกขับออกจากตำแหน่ง แต่ยังไม่มีทายาทคนใหม่”

อวี่เหวินเกาเจิ้นกล่าว

อวี่เหวินเกาหยางหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณคิดว่า ใครมี คุณสมบัติที่จะเป็นทายาทคนใหม่?

“หวังเฉิน!”

อวี้เหวินเกาเจิ้นตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง ชายหนุ่มในชุดสูทและรองเท้า หนังก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องประชุม

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็มองออกไปอย่างพร้อมเพรียง

กัน

วันนี้หวังเงินสลัดภาพคนพเนจรทิ้ง ใส่สูทสีดำผูกเนกไท

สีหน้าเคร่งขรึม

ถ้าหยางเฉินอยู่ด้วย เขาจะต้องแปลกใจกับการแต่งตัวของ หวังเฉินในเวลานี้แน่ เมื่อเทียบกับตอนที่หยางเฉินได้พบหวังเฉิน เมื่อวานนี้ มันเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

“สวัสดีครับคุณลุงคุณอาทุกท่าน!!

หวังเฉินพยักหน้าเล็กน้อย มองไปยังผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ แล้ว
ผู้อาวุโสส่วนใหญ่รู้ว่าอวี่เหวินเกาเจนมีลูกนอกสมรสอยู่คน หนึ่ง แม้ว่าจะเคยพบมาก่อน แต่นั่นก็เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว

หวังเฉิน ในตอนนี้เมื่อเทียบกับในอดีต เขาเปลี่ยนไปมาก เมื่อ

อยู่ต่อหน้าผู้คน ไม่มีใครจำหวังเฉินได้เลย

แต่เมื่อหวังเฉินพูดว่า “คุณลุงคุณอา” ก็ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่า เขาเป็นใคร

“เขาคือหวังเงิน ลูกชายของผม ตอนนี้เป็นประธานของคลับ เมืองหลวง ผมคิดว่าเขาสามารถขึ้นเป็นทายาทคนใหม่ได้ อวี่เหวินเกาเจิ้นพูดพร้อมกับมองไปที่อวี่เหวินเกาหยาง

ในตระกูลอวี่เหวิน มีเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติเป็นทายาท นั่นคืออวี่เหวินเกาหยาง

สายตาของอวี่เหวินเกาหยางจับจ้องไปที่หวังเฉิน จ้องเขาอยู่ เป็นเวลานานก่อนจะละสายตาไป แล้วหันไปมองอวี่เหวินเกาเจิ้ นพร้อมกับพูดอย่างประชดประชัน “วันนี้คุณเตรียมตัวมาดี จริงๆ!”

อวี่เหวินเกาเจิ้นเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะแก้ตัว พูดอย่างเฉยเมยว่า “ตระกูลอวี่เหวินนั้นเป็นคนมีความสามารถเสมอมา ทายาทก็เช่น กัน ลูกชายของผม หวังเฉิน มีความสามารถที่โดดเด่น แค่ได้รับ หน้าที่เป็นทายาทของตระกูลอวี่เหวิน ก็เพียงพอแล้ว!”

“ฮ่าฮ่า คุณลุงนี่ไม่ใช่เล่นๆ ที่ทำให้คนที่ไม่ได้นามสกุลอวี่เหวินมารับหน้าที่เป็นทายาทของตระกูลอวี่เหวิน”

หยูเหวินหวูพูดด้วยรอยยิ้ม ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความ

ประชดประชัน “ในเมื่อเขาเป็นลูกชายของผม ตอนนี้เขากลับไปสู่วงศ์ตระกูล

แล้ว ก็ย่อมต้องกลับไปใช้นามสกุลอวี่เหวินเหมือนเดิม อวี่เหวินเกาเจิ้นเตรียมใจไว้อยู่แล้ว เขามองไปยังหวังเฉินพร้ อมกับพูดขึ้น “ต่อจากนี้ไป คุณมีชื่อว่า หยูเหวินเฉิง!”

หวังเฉินขมวดคิ้ว สีหน้ามีความไม่พอใจ แต่ก็รู้ดีว่า ถ้า ต้องการเป็นทายาทของตระกูลอวี่เหวิน เขาก็ต้องรู้จัก ประนีประนอม

“ตกลง!”

หวังเฉินตอบอย่างใจเย็น

“เอาล่ะ ทุกท่านยังมีอะไรต้องการพูดอีกไหม?”

อวี่เหวินเกาเจิ้นถามอย่างเฉยเมย

ปัจจุบันมีเพียงเขาและลูกของอวี่เหวินเกาเจิ้นเท่านั้น ที่มี คุณสมบัติเหมาะสมที่จะแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งทายาทของตระ กูลอ เหวิน

อวี่เหวินเกาหยางมีลูกชายแค่สองคน คนหนึ่งถูกขับไล่ออก จากตระกูลเมื่อสิบแปดปีก่อน ส่วนอีกคนคือหยูเหวินห

ส่วนอวี้เหวินเกาเจิ้น เขามีลูกชายสองคนเช่นกัน คนหนึ่งคืออเหวินจนผู้ถูกลอบสังหาร ส่วนอีกคนก็คือหวังเฉิน

ตอนนี้ ในบรรดาคนรุ่นหลังสี่คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่ จะเป็นทายาท คนหนึ่งถูกฆ่าตาย คนหนึ่งเพิ่งถูกปลดออกจาก ทายาท ส่วนอีกคนยังไม่ปรากฏตัว

มีเพียงหวังเฉินเท่านั้นที่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด

“น่าหัวเราะ!”

หยูเหวินหวพูดเยาะเย้ย “คนที่ถูกทอดทิ้งไม่เลี้ยงดูมาเป็น เวลากว่าสิบปี จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นและต้องการให้เขาเป็นทายาท เขามีคุณสมบัติอะไร?”

“เขาเคยทำคุณงามความดีเพื่อตระกูลอวี่เหวินหรือเปล่า?” “ถ้าจะให้เขามาเป็นทายาท ผมหยูเหวินหวจะเป็นคนแรกที่ไม่ ยอม!”

หยูเหวินหนูพูดเยาะเย้ยอย่างต่อเนื่อง

“จากที่คุณพูด ขอเพียงผมสร้างคุณงามความดีให้กับวงศ์ ตระกูล ผมก็จะกลายเป็นทายาท พวกคุณจะไม่พูดอะไรเลยเห รอ?”

หวังเฉินยิ้มตาหยืมองหยูเหวินหวพลางเอ่ยขึ้น สายตาเต็มไป ด้วยความยั่วยุ

หยูเหวินหวูเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “คุณอย่าคิดว่าแค่ทำอะไร นิดๆ หน่อยๆ ก็ถือว่ามันเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของตระกูลอวี่เหวิน”
“ถ้าสามารถแก้ไขวิกฤตของตระกูลอวี่เหวินในครั้งนี้ได้ แล้ว จะนับว่าเป็นผลงานชิ้นใหญ่ได้หรือเปล่า?” หวังเฉินถามด้วยรอย ยิ้ม

หยูเหวินหวูเยาะเย้ย “คุณคงไม่ได้ต้องการบอกว่า คุณมีความ สามารถในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้หรอกนะ?”

“คุณไร้ความสามารถ สร้างปัญหาใหญ่ให้กับวงศ์ตระกูล เอา อะไรมาคิดว่าคนอื่นจะแก้ปัญหาไม่ได้?” หวังเฉินพูดโต้แย้ง

คนรอบข้างตกใจนิ่งไป นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เข้าแข่งขัน

แย่งชิงตำแหน่งทายาทของสองตระกูลใหญ่หรือเปล่านะ?

หยูเหวินหวไม่ได้พูดอะไร เขาหรี่ตาพลางจับจ้องไปที่หวังเฉิน เป็นเวลานาน ก่อนจะพูดว่า “แล้วถ้าคุณสามารถแก้ปัญหาวิกฤติ ครั้งนี้ และยอมรับให้คุณมาเป็นทายาทของตระกูลล่ะ?”

หวังเฉินกลับยิ้มอย่างเฉยเมย แล้วพูดยกตนข่มท่าน “คุณคิด ว่าคุณเป็นใคร? การอนุญาตของคุณมีประโยชน์อะไร?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหยูเหวินหวค้างเติ่ง ในทันใด ในขณะ เดียวกัน ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาแทน

“เจ้าหนู คุณยะโสมาก! ยังอ่อนหัดไร้ประสบการณ์ ก็คิดจะสู้ กับหยูเหวินหวูแล้วเหรอ? คุณรู้ไหวเหรอ?”

หยูเหวินหวูไม่ได้ปิดบังความดูถูกที่มีต่อหวังเฉิน เขากล่าว อย่างเย็นชาที่สุด
หวังเฉินไม่กลัวเลยสักนิด ทำหน้ายั่วยุ “ในเมื่อคุณต้องการสู้ กับผม ผมก็จะสู้กับคุณ!

“งั้นพวกเรามารอดูกัน!” หยูเหวินหนูยิ้ม

“หุบปากซะ!”

ในที่สุดอวี่เหวินเกาหยางก็ออกปากพูด เสียงโกรธเกรี้ยว ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบลงอีกครั้ง

เขาชำเลืองมองอวี่เหวินเกาเจิ้นอย่างเย็นชา แล้วกล่าวว่า “ลูกชายของคุณจะไม่ทะนงตนเกินไปหน่อยเหรอ? ถ้าตระกูลหวง และตระกูลเย่ร่วมมือกันกดดัน ชายหนุ่มอย่างเขาจะแก้ปัญหานี้ ได้ยังไง? ”

สีหน้าของอวี่เหวินเกาเจิ้นแย่ลง เขายังคิดว่าหวังเป็นอวดดี เกินไป นี่เป็นการขุดหลุมให้กับตัวเอง

ขณะที่อวี่เหวินเกาเป็นกำลังครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับอวี้เหวิน เกาหยาง จู่ๆ หวังเฉินก็พูดขึ้นมาว่า “ช่างน่าผิดหวังกับตระกูลอ เหวินจริงๆ พวกคุณแก้ปัญหาไม่ได้ ทำไมถึงคิดว่าผมไม่สามารถ แก้ปัญหาได้ล่ะ?”

“ภายในวันนี้ ถ้าผมไม่สามารถแก้ปัญหาของวงศ์ตระกูลได้ ผมจะไปจากที่นี่ และไม่เข้าไปเหยียบเมืองเยี่ยนตูอีก!”

หวังเฉินกล่าวอย่างหนักแน่น

“หวังเฉิน คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” อวี้เหวินเกาเจิ้นตะโกนอย่าง โกรธจัด
“เอาล่ะ! เอาตามนี้แหละ ถ้าวันนี้คุณแก้ปัญหาในวงศ์ตระกูล ไม่ได้ ก็จะออกจากเมืองเยี่ยนไปตลอดกาล!

ในขณะเดียวกัน อวี่เหวินเกาหยางก็ตะโกนเสียงดังลั่น

ในความเห็นของเขา หวังเฉินเป็นเพียงเด็กหนุ่มอ่อน ประสบการณ์ ไม่รู้ว่าคราวนี้ตระกูลอวี่เหวิน ประสบปัญหาใหญ่ แค่ไหน

“ได้ ตกลงตามนี้!”

หวังเฉินแสยะยิ้มมุมปากด้วยความมั่นใจ พูดด้วยรอยยิ้ม “ขอ เพียงผมสามารถแก้ปัญหาของวงศ์ตระกูลได้ ผมจะได้เป็น ทายาทของวงศ์ตระกูลตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

“ได้ ตกลงตามนี้!” อวี้เหวินเกาเจิ้นกล่าวตัดสินใจทันที

แต่อวี่เหวินเกาเจิ้นกลับร้อนใจและพูดอย่างโกรธเคือง “อวี่เห วินเกาหยาง นี่คุณกำลังรังแกคนอื่น ลูกชายของผมเพิ่งกลับสู่ วงศ์ตระกูล คุณก็มอบหมายภารกิจซึ่งแม้แต่คุณก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ สําเร็จหรือไม่”

“ในเมื่อคุณคิดว่าปัญหาครั้งนี้แก้ไขได้ง่ายดายขนาดนั้น ก็ให้ หยูเหวินหวไปแก้ปัญหาสิ ถ้าเขาแก้ปัญหาภายในวันนี้ไม่ได้ ก็ ให้เขาออกจากเมืองเยี่ยนไปตลอดกาล คุณยินยอมไหม?”

อวี่เหวินเกาเจิ้นตะโกนอย่างโกรธจัด

มันไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็นความหวัง หวังเฉินเป็นความหวัง เดียวของเขา ถ้าหากต้องออกจากเมืองเยี่ยนไปตลอดกาลจริงๆ พูดได้ว่าชีวิตของเขาคงจะจบสิ้นก่อนเวลาอันควร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ