The king of War

บทที่ 449 ขอความร่วมมือ



บทที่ 449 ขอความร่วมมือ

“อย่างแรก ฉันสามารถบอกคุณได้ว่า ยินยอมผูกมิตรกับตระ กูลเย่ แต่การจัดการทุกเรื่องในเจียงผิงกับหนันหยัง ตระกูลเ ห้ามเข้าไปแทรกแซง!”

หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหานหรือตระกูลเฉิน หรือตระกูลกวน ล้วน เป็นตระกูลที่เขาให้การสนับสนุนขึ้นมา

เขาไม่สนใจอำนาจในการควบคุมทั้งสองเมือง และจะไม่ทำ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วทำให้คนที่ติดตามและไว้วางใจ เหล่านั้นต้องเสียใจ

ไม่ว่าจะเป็นคนใดคนหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยน เมื่อได้

ควบคุมเจียงผิงและหนันหยัง จะเกิดความวุ่นวายในท้องถิ่น

มากมาย

ในเวลานั้น ตระกูลที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อาจจะถูก แทนที่ด้วยตระกูลใหม่

เมื่อเปลี่ยนสมัยราชวงศ์ก็ต้องเปลี่ยนข้าราชบริพาร นี่คือหลัก ความเป็นจริง!

“ตระกูลเย่ไม่เคยคิด ที่จะเข้าไปแทรกแซงเจียงผิงและหนัน หยัง เพียงแค่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณ แค่นั้นเอง เรื่อง นี้ ฉันรับปากอยู่แล้ว!”
เย่ม่านยิ้ม แล้วพูดว่า “พูดเรื่องที่สองเลย!”

“เรื่องที่สอง เกี่ยวกับพ่อแท้ๆของเสียว คุณห้ามบอกเสียวซี หยางเฉินพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม เท่านไม่ลังเล ยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ มันสำคัญมาก ถ้าพ่อ

ของฉันรู้เรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ฉันไม่สามารถแก้แค้น แต่อาจตาย โดยไร้ที่ฝัง ถ้าไม่ใช่เธอบังคับฉัน ฉันจะบอกเธอได้ยังไง? เรื่องนี้ ฉันก็รับปากเธอ!! “คุณกลับไปรายงานได้เลย!” หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา

พูดเสร็จแล้ว ก็วางสายไป

เพื่อไม่ให้เสียวต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่ประนี

ประนอมกับเย่ม่าน

เพียงแต่ว่า ด้วยการทำเช่นนี้ ตระกูลเยจะยอมละทิ้งผล

ประโยชน์ในเจียงผิงกับหนันหลังทั้งสองเมืองนี้ได้หรือ?

แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู และตอนนี้ตระกูลเย่และตระกูลหวง ได้เข้าสู่เกมนี้แล้ว และลับๆยังมีตระกูลเศรษฐีในเยี่ยนจำนวน มาก ที่กำลังรอโอกาสเช่นกัน

เขารู้ว่า การตัดสินใจของเขา สำคัญมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินซีตื่นขึ้นด้วยอาการตาบวม เธอสงบสติอามร มณ์ได้มาก

“หรือว่า วันนี้คุณหยุดหนึ่งวัน
หยางเฉินมองไปที่ดวงตาแดงและบวมของฉินซี และพูดอย่าง สงสารจับใจ

ฉันส่ายหัว “เรื่องที่คุณทำมันวุ่นวายมาก ในช่วงไม่กี่วันนี้

ธุรกิจของบริษัทมุ่งมาก ถ้าไม่ไปบริษัท ฉันไม่วางใจ

หยางเฉินแค่ลงมือครั้งแรกก็มีชื่อเสียงมาก เศรษฐีมากมายใน สองเมือง เคารพและนับถือเขามาก ธุรกิจที่เขาบริหาร จะกลาย เป็นเป้าหมายของเศรษฐีใหญ่ ที่จะแข่งขันกันเพื่อเข้าร่วมธุรกิจ

หยางเฉินจ้องมองฉินซี และเห็นว่ายกเว้นดวงตาที่แดงบวม

เล็กน้อย ไม่มีความผิดปกติอื่นๆ แล้วเขาก็พยักหน้า

ตามปกติ หลังจากส่งเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ก็ไปส่งฉินซี สุดท้ายก็ กลับไปที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป

เขาเพิ่งเดินไปที่ประตูบริษัท มีชายชราคนหนึ่งใส่ชุดสูทและ

รองเท้าหนัง จู่ๆก็เดินเข้ามา

“สวัสดีครับคุณหยาง รบกวนเวลาคุณเล็กน้อย ขอคุยด้วยได้ ไหมครับ?”

ชายชรายิ้ม วางท่าทางได้อ่อนน้อมมาก ใช้วิธีการพูด

แบบสอบถาม

หยางเฉินเพิ่งลงจากรถ ก็สังเกตเห็นชายชราคนนี้แล้ว ชายชราในชุดสูทและรองเท้าหนัง ไม่ว่าอยู่ตรงไหน ก็มีเสน่ห์ดึงดูดทุกคน
กุญแจสำคัญคือ จากร่างกายของชายชราคนนี้ หยางเฉันรู้สึก ถึงออร่าที่ไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป

คนประเภทนี้ ถ้าไม่ใช่คนร่ำรวยก็ต้องเป็นคนสูงส่ง น่าจะมา

จากเยี่ยนตู “จริงสิ ให้ฉันแนะนำตัวเองก่อน ผมแซ่เกา ชื่อสงค่าเดียว เป็น พ่อบ้านของตระกูลหวงในเขียน ครั้งนี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าบ้าน

เพื่อมาเจรจากับคุณหยาง” เกาสงพูดด้วยรอยยิ้ม โดยอธิบายสถานะของตัวเอง และธุระ ที่มาในครั้งนี้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ที่แท้ก็เป็นคนของตระกูลหวง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาได้ทำให้ ทายาทสองคนของตระกูลหวง อับอายขายหน้าในที่สาธารณะ

ตอนนี้ ตระกูลหวงได้ส่งพ่อบ้านมาหาตัวเอง และท่าทาง อ่อนน้อม ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจมาก

“ถ้าเพื่อให้ฉันยอมจำนนต่อตระกูลหวง ก็ไม่มีอะไรต้องพูด

หยางเฉินพูดเบาๆ

เกาสงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยรอยยิ้ม “ด้วยความ แข็งแกร่งของคุณหยาง ตระกูลหวงกล้าดีอย่างไรที่จะให้ท่าน ยอมจํานน?”

หยางเฉินไม่พูด แต่มองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความรู้สึก
เกาสงหยุดชั่วขณะ แล้วพูดต่อ ที่ฉันมาครั้งนี้ เพื่อหาคุณ หยาง คุยเรื่องการร่วมมือกัน!”

“ร่วมมือกับแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ฉันไม่สนใจ!” หยางเฉินขมวดคิ้วและพูด

พูดจบ เขาก็หันหลังกลับเพื่อเข้าไปในบริษัท

“คุณหยาง ถ้าเป็นความร่วมมือเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลอวี่เห วินล่ะ?”

ข้างหลังเขา เสียงของเกาสงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ หยางเฉินหยุดเดิน และหันกลับมามองเกาสง

เห็นใบหน้าเกาสงมีรอยยิ้ม และมองตัวเองพร้อมด้วยเสียง หัวเราะ

“คุณหยาง ขอบอกท่านอย่างไม่ปกปิด ตระกูลหวงและตระกูล อวี่เหวิน อยู่ในสภาพที่เป็นปรปักษ์มาตลอด เจ้าบ้านของพวกเรา ไม่พอใจตระกูลอวี้เหวินมานานแล้ว อย่างไรก็ตามเพราะเกรง กลัวกับตระกูลอวี่เหวินที่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลหวงต้องการ ล้มล้างตระกูลอวี้เหวิน มันเป็นเรื่องยาก

“จุดที่สำคัญที่สุดคือ ตระกูลหวงไม่มียอดฝีมือที่มีพลังสูงสุด ด้วยความแข็งแกร่งของคุณหยาง ทั่วทั้งเยี่ยน มีเพียงไม่กี่คนที่ เป็นคู่ต่อสู้ของท่าน”

“ฉันรู้ด้วยว่า คุณหยางโกรธเกลียดตระกูลอวี่เหวินมาตลอดเพียงแต่ไม่สามารถช่วยคุณหยางได้เข้าสู่ตระกูลมหาเศรษฐี”

“พอดี พวกเราไม่มีคนที่แข็งแกร่งระดับสูงสุดอย่างคุณหยาง และคุณหยางไม่ไม่มีตระกูลมหาเศรษฐีอย่างตระกูลหวงที่ สามารถต่อสู้กับตระกูลอวี่เหวินได้”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เป็นการดีกว่าที่พวกเราจะร่วมมือกัน จัดการกับตระกูลอวี่เหวินด้วยกัน เจ้าบ้านของพวกเราได้พูดไว้ ชัดเจน ขอเพียงคุณหยางเต็มใจ พวกเราจะสู้เต็มที่ เพื่อช่วยให้ คุณหยางได้กลายเป็นเจ้าบ้านของตระกูลอวี่เหวิน

เกาสงพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับทุกอย่างเกี่ยวกับความแค้นใจ ระหว่างหยางเฉินและตระกูลอวี่เหวิน เข้าใจได้ลึกซึ้ง

สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ใบหน้าของหยางเฉินค่อยๆเคร่งขรึม

“คุณหยาง ไม่รู้ว่าความร่วมมือแบบนี้ พอใจหรือเปล่า?” เกา สงถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม

“ไสหัวไป!”

ทันใดนั้นหยางเฉินพูด คำหนึ่ง “ไสหัวไป” ออกมา

เกาสงตกตะลึง เขาปฏิเสธการร่วมมือ?

หยางเฉินเกลียดชังต่อตระกูลอวี่เหวิน แต่นี่เป็นความแค้น ระหว่างเขาและตระกูลอวี้เหวิน แล้วเขาจะร่วมมือกับเศรษฐีคน อื่นๆอย่างไร?

เขาออกจากชายแดนเหนือ ในวันแรกที่เขาเข้าสู่เจียงโจว พ่อบ้านของตระกูลอวี่เหวินก็มาหาเขา และบอกว่าตระกูลอวี่เหวิน ยินดีที่จะให้เขาควบคุมอำนาจในตระกูล

ถ้าเขาต้องการสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลอวี่เหวินจริงๆ

จําเป็นต้องมีการวางแผนสมรู้ร่วมคิดเหรอ?

จนกระทั่งแผ่นหลังของหยางเฉินหายไปจากสายตาของเกาสง เขาพึ่งตั้งสติได้

“เขากล้าปฏิเสธการร่วมมือ หรือเขาคิดว่า ด้วยความ แข็งแกร่งของตัวเอง ก็สามารถต่อต้านกับตระกูลอวี่เหวินได้เห รอ?”

เกาสงขมวดคิ้ว มีความสับสนในใจ

เมื่อคืนนี้ หลังจากที่เขาบอกแผนการของเขากับเจ้าบ้าน ตระกูลหวง ก็รีบไปที่เจียงโจวในชั่วข้ามคืน หากไม่ใช่มันมืดแล้ว เมื่อคืนนี้เขาก็มาหาหยางเฉินแล้ว

ตามแผนของเขา ตอนแรกเขาจะทำดีต่อหยางเฉินก่อน จาก นั้นก็ระบุการร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตระกูลอวี้เหวิน หยางเฉิน คงไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน

ในเวลานั้น เจียงผิงและหนันหลังทั้งสองเมือง ตระกูลหวงพูด ยังไงก็ต้องทำตามนั้น

สําหรับการตกลงกับหยางเฉิน การร่วมมือกันจัดการตระกูลอ วี่เหวิน เป็นเพียงการพูดลอยๆ และถ้าจะต่อสู้กันจริงๆ ก็ไม่ใช่ ตอนนี้
“เจ้าบ้าน แผนการล้มเหลวแล้ว!” สิ่งแรกคือเกาสง โทรหาหวงเทียนเชิงทันที

หวงเทียนเชิงก็รู้สึกประหลาดใจมาก และพูดอย่างโกรธเคือง “ไอ้หนุ่มคนนี้หยิ่งยะโสจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ใช้แผนที่สอง!

เมื่อวานเกาสงหารือกับเขา ไม่ได้มีแค่แผนเดียว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ