The king of War

บทที่ 430 ตอนจบของงานต่อสู้



บทที่ 430 ตอนจบของงานต่อสู้

“ตาย!”

หยางเฉินซิดนิ้วทั้งห้าแกว่งออกไปกลางอากาศ

“an!”

หนิวเกนหุยที่เพิ่งวิ่งเข้าหาหยางเฉิน ยกมือที่ถือมีดสั้นขึ้นสูง ทว่าเขากลับเหมือนถูกแช่แข็งชั่วขณะ ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหยาง เฉิน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่นาน เลือดจํานวนมากก็พุ่งทะลักออกมาจากหลอดเลือดที่ คอของเขา

“โครม!”

ร่างของหนิวเกนหุย ล้มลงกับพื้นอย่างจัง

ทุกคนในสนามตกตะลึงกันเป็นแถว

ใครก็คิดไม่ถึง ว่าแม้แต่ยอดฝีมืออันดับเก้าของสมาคมบูโด จะตายด้วยน้ำมือหยางเฉิน

เวลานี้เจ้าบ้านตระกูลใหญ่ทุกคนในเมืองหนันหยังกับเจียงผึ้ง ก็มีสีหน้าระทึกใจด้วย พวกเขาต่างลุกขึ้นมองร่างชายหนุ่มที่ยืน ตระหง่านอยู่บนแท่นประลอง

ฉือเจียง หัวหน้าสาขาสมาคมบูโดที่เจียงผิงตกใจหนักยิ่งกว่าใบหน้าซีดเผือด

เขารู้ดีว่าหนิวเกนหุยที่เป็นยอดฝีมือลำดับเก้าของสาขาหลัก ร้ายกาจแค่ไหน

ยอดฝีมือขั้นสูงแบบนี้ ถึงกับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน ทั้งยัง

ถูกสังหารอย่างง่ายดายอีก

นั่นไม่หมายความว่า ตอนนี้หยางเฉินมีสิทธิ์เป็นอันดับเก้าของ สมาคมบูโดหรอกเหรอ?

ตอนแรกเขายังคิดดึงหยางเงินมาใช้งาน

เมื่อคิดดูแล้วฉือเจียงก็สะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ เขามั่นใจได้เลยว่าสาขาเจียงผึ้งจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ และแม้แต่ชีวิตของเขาก็ต้องอยู่ในกำมือของหยางเฉินด้วย

“ฮ่าๆๆๆ! ดี! ดีมาก! ดี!”

หานเซียวเทียนเป็นคนแรกที่ได้สติ เขาตะโกนออกมาเสียงดัง ชมเชยยกใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นในเวลานี้ พร้อมกัน นั้นก็ปลุกทุกคนให้ได้สติด้วย

“เจ้าบ้านตระกูลจูครับ ยังจำข้อตกลงอย่างลูกผู้ชายของพวก เราได้หรือเปล่า?”

ว่าแล้ว หานเซียวเทียนก็หันไปมองทางกว่างจื้อ ถามพลาง หัวเราะยกใหญ่

สีหน้า กว่างจื้อน่ามองมาก เดิมทีตระกูลเป็นเพียงตระกูลใหญ่อันดับสองของเมืองหนุนหลัง ทว่าเมื่อตระกูลอันดับหนึ่งถูก สมาคมบูโดกวาดล้างไปแบบเชือดไก่ให้ลิงดูแล้ว ตระกูลจูก็ได้ ขยับขึ้นเป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งแทน

เขาที่มีความทะเยอทะยานสูง และคิดอยากเป็นตระกูลเดอะ คิงของเจียงผิงและหนันหยัง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหัวหน้าสำนัก หลงแห่งสำนักมังกรเสือที่เขาสู้อุตส่าห์เชิญมายังตายอยู่บนลาน ประลอง

“หานเซียวเทียน อย่าเอาข้อตกลงมากดดันฉันเลย”

จูกว่างจื้อกัดฟันกราก

ทุกคนล้วนทำหน้าที่ง แม้แต่ยอดฝีมือของสมาคมบูโดยังถูก หยางเฉินสังหาร แล้วจูกว่างจื้อยังกล้าขัดขืนอีกหรือ?

ก็ขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจอยู่นั้นเอง ถูกว่างจื้อก็ตอบ

อย่างเย็นชา “ถึงจะไม่มีข้อตกลง ตระกูลของเราก็ต้องถือคุณ

หยางเป็นเจ้าอยู่แล้ว!!

ครั้นแล้วเขาก็หันไปทางหยางเฉิน ย่อเข่าลองข้างหนึ่ง ก้มหน้า เล็กน้อย “นับแต่บัดนี้ ตระกูลแห่งหนุนหลัง ขอยกให้คุณหยาง เป็นเจ้าครับ!”

หลังจากลูกว่างจื้อคุกเข่าข้างหนึ่งแล้ว ญาติตระกูลห้าหกคน ที่อยู่ด้านหลังก็ทำตาม กล่าวเสียงดังด้วยความพร้อมเพรียง “ตระกูลจูแห่งหนุนหลัง ขอยกให้คุณหยางเป็นเจ้าครับ!”

จือกว่าจื้อที่เมื่อครู่ยังถกเถียงกับหานเดี่ยวเทียน บัดนี้กลับคุกเข่าลงแสดงความจงรักภักดี ภาพนี้ทำให้ผู้คนทั้งสนามต้อง ตะลึง

หานเดี่ยวเทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน

“ตระกูลแห่งหนุนหลัง ขอยกให้คุณหยางเป็นเจ้าครับ!” “ตระกูลโจวแห่งหนุนหลัง ขอยกให้คุณหยางเป็นเจ้าครับ!

เมื่อความตะลึงงันผ่านพ้นไป ทางฝั่งหนุนหลังก็คุกเข่าลง แสดงความภักดีกับหยางเฉินเป็นแถบ

เมื่อผู้ชมบนอัฒจันทร์รอบทิศได้เห็นท่าทางเหล่าตระกูลใหญ่ ของสองมณฑลรอบลานประลอง คุกเข่าลงกับพื้นแสดงความ ภักดีแล้วก็หน้าที่งตาค้าง

เวลานี้ตระกูลใหญ่ทั้งหมดของเจียงผิงกับหนันหยั่งถึงกับ

ยินยอมยกให้หยางเฉินเป็นเจ้าเหนือหัว นี่ช่างเป็นเกียรติยศอัน สูงส่งยิ่งนัก สีหน้าเย่ม่านที่เห็นภาพนี้จากที่นั่งคนดูแย่ถึงขีดสุด

เธอคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มคนนี้ที่เธอบีบให้แยกทางกับฉินซีจะ เป็นราชาเจียงผิงที่เธอเสาะหามาตลอด

เวลานี้…หรืออาจเรียกเขาว่าราชาเจียงหนัน ราชาที่เจียงผิง และหนันหยังมีร่วมกัน

“พี่หย่ง คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าคุณหยางจะเป็นเพื่อนของพี่ พี่ต้องแนะนำฉันกับเขานะ”

ท่ามกลางฝูงชน สวลี่ที่กำลังกอดแขนหวังหย่งอยู่พูดด้วย ความตื่นเต้น “ฉันว่าแล้วเชียว คนอย่างพี่หย่งแบบนี้ เพื่อนของ เขาจะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?”

นี่แหละหนานิสัยคน…

สิบนาทีก่อนหน้านั้นยังพูดส่อเสียดจนหาที่ดีไม่ได้ต่อหน้า หยางเฉิน ตอนนี้พอรู้ว่าหยางเฉินก็คือราชาเจียงผิงก็เปลี่ยน ท่าทีทันที

“พี่หย่ง พี่ไม่ได้ต้องการเงินเหรอ? ค่ารักษาน้องสาวพี่ฉันจะ เหมาให้หมดเลย! ไม่สิ! ฉันจะหาเส้นสาย หานักชำนาญการที่ดี ที่สุดมารักษาน้องของเรา

หลวหยวนหยวนกอดแขนอีกข้างของหวังหย่ง อ้อล้อฉอเลาะ “พี่หย่ง พี่ไม่ได้ชอบฉันมาตลอดเหรอ? พี่ดูแล้วกัน ว่าเราจะไปจด ทะเบียนแต่งงานกันเมื่อไร? ไม่งั้นเดี๋ยวเราไปทำกันเลยไหม?”

“จะสินสอด บ้าน รถ อะไรฉันก็ไม่เอาทั้งนั้น แถมเงินจัดงาน เลี้ยงตระกูลหลัวของฉันก็จะออกให้หมดด้วยนะ!

“จริงสิ พ่อแม่เราที่อยู่บ้านนอก พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับมาอยู่ กับเรานะ! ไม่สิ! เดี๋ยวพวกเราไปรับกันเลย!”

หลัวหยวนหยวนกระดึ๊กระด๊าพูดไม่หยุด ทำเอาหวังหย่งตะลึงค้าง เขาเคยถูกทำดีแบบนี้ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?
เขาชอบหลัวหยวนหยวนก็จริงอยู่ แต่ตั้งแต่เขาพบว่าอีกฝ่าย เอาเขาเป็นโล่กำลัง ความชอบนี้ก็มลายหายไปราวกับสาย หมอก

หากไม่ใช่เพราะค่ารักษาของน้องสาวที่สูงลิ่ว เขาก็ไปจากผู้ หญิงคนนี้นานแล้ว

“ไสหัวไปซะๆ! ไสหัวไปให้หมด!

หวังหย่งพูดด้วยความโมโห ผลักหลัวหยวนหยวนกับสวลี่ออก ไปทันที

ก่อนหน้านี้ต้องอยู่กับหลัวหยวนหยวนเหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เพราะค่ารักษาน้องสาว

ตอนนี้เพื่อนของตัวเองเป็นถึงราชาแห่งสองมณฑล แล้วเขายัง ต้องกลัวอะไรอีก?

ค่ารักษาของน้องสาว แค่หยางเฉินพูดคำเดียวก็เรียบร้อยแล้ว

เมื่อนั้นสายตาเฉียบคมของหยางเฉินก็มองไปทางสมาคม โดสาขาเจียงผิง

ทันใดนั้น พวกฉือเจียงก็ตื่นตระหนก นี่ถึงคิวพวกเขาแล้ว หรือ?

“คุณ…คุณหยาง พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง และ ในเมื่อแพ้ พวกเราสมาคมบูโดสาขาเจียงผิงก็จะไปจากเมือง เจียงผิง”
ฉือเจียงพูดตะกุกตะกัก

เขารู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี หากสาขาหลักของสมาคมโด ไม่มา สาขาเชียงผิงก็มีแต่ต้องจนมุมเท่านั้น เช่นนั้นไม่สู้ไปจากที่ นี่เสียเองยังอาจมีทางรอด

“ไปซะ!”

หยางเฉินตวาด

สำหรับเขาแล้ว ฉือเจียงเป็นแค่ตัวประกอบเล็กๆ ฆ่าไปก็ไม่มี ประโยชน์

อีกอย่าง แม้แต่ยอดฝีมือลำดับเก้าของสมาคมบูโดยังต้อง ตายด้วยน้ำมือเขา แล้วจะกลัวอะไรกับสาขาเจียงผิงเล็กๆ? “ขอบคุณคุณหยาง! ขอบคุณคุณหยาง!!

ฉือเจียงรีบกล่าวคำขอบคุณ จากนั้นก็พาคนของสาขาเผ่นออก

สนามไป

ทุกคนโห่ร้องเกรียวกราว

ก่อนหน้านี้สมาคมบูโดสาขาเจียงผึ้งยังเป็นองค์กรทัดเทียม กับตระกูลใหญ่

แต่บัดนี้ หัวหน้าสาขากลับถูกหยางเฉินตวาดใส่จนตกใจแผ่น

แนบราวกับหนู

“ต่อไปเจียงผิงกับหนันหยังมีผมเป็นเจ้า จงฟังคำสั่งของผม ใครกล้าขัดขืน นี่คือตัวอย่าง!”
หยางเฉินไหล่มือไว้ข้างหลัง กวาดตามองรอบสนามและกล่าว

เสียงดัง

“โครม!”

เมื่อเขากล่าวจบ พื้นที่เขาเหยียบอยู่ก็เกิดเสียงดังสนั่น ลาบ ประลองแทบเท้าที่สร้างขึ้นเป็นการชั่วคราวแตกออกเป็นเสี่ยง ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวล

ภาพนี้สั่นสะเทือนไปถึงจิตใจทุกคน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ