The king of War

บทที่ 400 เสียใจอยู่บ้าง



บทที่ 400 เสียใจอยู่บ้าง

“คุณบอกผมมาที คุณในสภาพแบบนี้ มีสิทธิ์เอาสถานะของ แม่คนหนึ่ง มาก้าวก่ายเรื่องของพวกเราเหรอ?”

หยางเฉินสอบถามที่หนึ่งหลายคำถาม แต่ละคำถามล้วน เหมือนค้อนยักษ์อันหนึ่ง ทุบมาที่หัวใจของเม่านอย่างหนักอึ้ง

คำพูดของเม่านแหลมคม แต่ของหยางเฉินยังแหลมคมยิ่ง กว่า ไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อเธอไปจนหมด หรือพูดจาเห็นอก เห็นใจเพราะสถานะของเม่านแต่อย่างใด

ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หน้าของฉินซี จากคำพูดพวกนี้ของเธอ เพียง พอให้หยางเฉินฝังกระดูกของเธอไว้ที่เมืองเจียงโจวไปตลอด กาลแล้ว

“นาย…….นาย.………….

เย่ม่านโกรธเคืองจนหน้าหยางเฉินไว้ พูดคำว่า “นาย”ติดต่อ กันหลายเที่ยว ทว่ากลับพูดทั้งประโยคที่สมบูรณ์ออกมาไม่ได้

“เก็บความหยิ่งยโสที่มาจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนของคุณ กลับไปดีกว่า อยู่ต่อหน้าผม ความหยิ่งยโสของคุณ ไม่มีค่าสัก นิด!”

หยางเฉินพูดจาไม่ปรานีเลยสักนิด พอพูดจบ ดึงประตูรถออก

โดยตรง เดินลงไปแล้ว
บนหน้าเม่านสีหน้าไม่สู้ดี โมโหจนสั่นไปทั้งตัว กลับพูดอะไร ไม่ออกสักคํา

“หยุดนะ!”

หยางเฉินกำลังเตรียมจะออกไป บอดี้การ์ดตระกูลเยีที่เฝ้าอยู่ หน้าประตูรถมาตลอดตะโกนขึ้นทันใด ขณะเดียวกันร่างกายวาร์ ปหาย รีบมาขวางด้านหน้าของหยางเฉินไว้

“คุณนาย!”

สายตาบอดี้การ์ดตระกูลเยมองทางเท่านที่อยู่ในรถ และ กําลังโกรธเคืองอย่างยิ่ง

ในสายตาหยางเฉินเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ตะโกนว่า “หลบไป!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าฉับพลัน

“โอหัง!”

บอดี้การ์ดตระกูลเย่ตะโกนด้วยความโกรธ ไม่รอให้เท่าน พูดจา ปล่อยหมัดหนึ่งออกมา โจมตีไปยังหยางเฉิน

“ไสหัวไป!”

หยางเฉินตวาดใส่ ขณะเดียวกันปล่อยหมัดออกมาด้วย

“ตูบ!”

หมัดทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน แรงที่มหาศาลส่วนหนึ่ง ระเบิด ออกมาในชั่วขณะที่หมัดของทั้งสองคนปะทะกัน เกิดเสียงกระแทกที่ทุ่มต่ำขึ้นมาที่หนึ่ง

“ตึก! ตึก! ตึก!”

บอดี้การ์ดตระกูลเยถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวโดยตรง

มองหยางเฉินที่ยืนอยู่ที่เดิม และไม่ได้ถอยหลังสักก้าวเดียว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก เพราะความเจ็บปวด การแสดงออก บนหน้าล้วนบิดเบี้ยวหมดแล้ว

“ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ตาย!”

หยางเฉินเหมือนมองคนตายอยู่ มองที่บอดี้การ์ดตระกูลเย่ แล้วพูดขึ้น จากนั้นก้าวเท้าจากไป

เท่านที่อยู่ในรถมาตลอด เวลานี้ก็ทำหน้าอึ้งทึ่ง

บอดี้การ์ดข้างกายของเธอ ความสามารถแกร่งมากแค่ไหน เธอรู้ดียิ่งกว่าใคร

แต่ปัจจุบันนี้ กลับโดนหยางเฉินต่อยมาหมัดหนึ่งสะเทือนจน ถอยหลังไปหลายก้าว

พอมองดูหยางเฉิน เหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น กลับไป อย่างท่าทางนิ่งสงบ

“คุณนายครับ!”

ตั้งนาน บอดี้การ์ดถึงกลับมาที่ข้างกายเท่าน พูดด้วยหน้าตา เคร่งขรึม “ความสามารถของเขาแกร่งเหลือเกินครับ ผมสู้เขาไม่ ได้เลย!”
ค่าพูดประโยคนี้ของบอดี้การ์ด ราวกับสายฟ้าฟาดมาทีหนึ่ง ระเบิดดังขึ้นข้างหูเม่าน ทำเธอตกใจจนหน้าดูหมดอาลัยตาย อยาก

“นี่…….นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

“ห้าปีที่เขาหายตัวไป ค้นหาข้อมูลใดๆ ไม่ได้เลย สรุปว่าเกิด อะไรขึ้นกัน?”

“ห้าปีก่อนยังเป็นหมาข้างถนนตัวหนึ่ง ห้าปีต่อมาทำไมถึง

ครอบครองความสามารถที่ยิ่งใหญ่ได้?

เย่ม่านพูดพึมพำเสียงเบาๆ

บอดี้การ์ดตระกูลเย่ไม่ได้พูดอะไร ภายในใจเกิดความรู้สึก อันตรายขึ้นมาเหมือนกัน ผู้แข็งแกร่งที่สามารถตีเขาจนแพ้มี มากมาย เพียงแค่ที่ตระกูลเยก็มีมากมาย

แต่ว่าที่เมืองเจียงโจวเล็กๆ โดนชายหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบปี คนต่อยจนถอยหลังในหมัดเดียว เขายากจะยอมรับได้

โดยเฉพาะเขามีความรู้สึกว่าหยางเฉินไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด ออกมา ถ้าปล่อยพลังทั้งหมด การฆ่าเขาให้ตายก็ไม่ใช่เป็นไปไม่

“หรือว่าเป็นฉันผิดไปแล้วจริงๆ เหรอ?”

เย่ม่านมีความรู้สึกว่าสูญเสียของสำคัญมากไปโดยกะทันหันในใจแอบมีความรู้สึกเสียใจอยู่หน่อย

ชั่วขณะที่ยกมือสามารถโจมตีผู้แข็งแกร่งบอดี้การ์ดของ ตนเองจนแพ้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาโดยเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น หยางเฉินยังอายุน้อยขนาดนี้

“เหลียงเหลียน เรื่องนี้เอาไว้ก่อน รอพวกเราทำธุระสำคัญเสร็จ ค่อยว่ากัน!”

ไม่นาน บนหน้าของเม่านกลับสู่ความเฉยชาดังเดิม พูด กําชับกับเหลียงเหลียน

เหลียงเหลียนพยักหน้า ในสายตาเต็มไปด้วยความจริงจัง เอ่ยปากบอก “คุณนายครับ เรื่องนี้เกรงว่ามีความยากอยู่บ้าง ครับ”

เย่ม่านพูดด้วยท่าทางกังวล “มีความยากจริงๆ ว่ากันว่าวันนั้น แม้แต่ตระกูลหวงและสมาคมบูโดเข้าไปแทรกแล้ว แต่ยังกลับมา แบบล้มลุกคลุกคลาน!!

เหลียงเหลียนตอบว่า “ใช่ครับ! ว่ากันว่าตระกูลหวงอยากจะ ยึดครองเจียงผิง ถึงได้ร่วมมือกับตระกูลใหญ่ของเมืองเอกแห่ง เจียงผิง จัดงานประชุมแลกเปลี่ยนขึ้นก่อนล่วงหน้า แต่ยังล้ม เหลวแล้วครับ!”

“ยังมีสมาคมบูโดสาขาเจียงผิง หัวหน้าสาขาฉือเจียง ก็ออก หน้าด้วยตัวเอง พยายามเข้าร่วมแบ่งผลประโยชน์ ผลปรากฏว่า คว้าอะไรมาไม่ได้เลยครับ”
“สุดท้ายกลับกลายเป็นชายหนุ่มสกุลหยางคนหนึ่ง สั่น สะเทือนทั้งงานด้วยท่าทางแข็งกร้าวเผด็จการ แม้กระทั่งมีข่าวลือ มาว่าหวงจงโดนบีบให้คุกเข่าที่พื้นเพื่อขอร้องเขาครับ

บนหน้าของเม่านเขียนความกังวลไว้เต็มไปหมด

ครั้งนี้มาที่เมืองเจียงโจว คือตระกูลส่งให้เธอเข้ามาคิดหาวิธี เจอหน้ากับราชาเจียงสิ่งที่เป็นจุดสนใจมากในช่วงนี้

ต่อให้ไม่สามารถดึงอีกฝ่ายเข้ามาตระกูลเย่ได้ ก็อยากจะคิด หาวิธีเป็นมิตรกับฝ่ายตรงข้าม

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สามารถถูกตระกูลใหญ่แห่งเจียงผึ้งยี่สิบ กว่าตระกูลผลักขึ้นเป็นราชาได้ คุ้มค่าให้ตระกูลใดๆ ของแปด ตระกูลแห่งเยี่ยนตูมาผูกมิตรไว้

“คุณนายครับ งั้นคุณหนูทางนั้น พวกเราควรทำอย่างไร ครับ?” เหลียงเหลียนถามขึ้นอีก

ในสายตาเท่านเต็มไปด้วยความซับซ้อน หลังจากเงียบงัน ครู่หนึ่ง สายตาค่อยๆ ยืนยันลงมาแล้ว พูดเสียงทุ้ม “ไม่ว่า อย่างไร ในตัวเธอก็มีเลือดของฉันอยู่ ฉันในฐานะแม่คนนี้ เธอ จําเป็นต้องยอมรับ!”

“หยางเฉินเจ้าหนุ่มคนนั้น ถึงแม้การแสดงออกเมื่อกี้จะทำให้ ฉันรู้สึกทึ่งมากก็ตาม แต่เทียบกับราชาเจียงผึ้ง เขายังห่างไกล อยู่มาก!!

“ถ้าฉินซีสามารถคบกับราชาเจียงผิงได้ ไม่เพียงได้รับชีวิตที่แสนสุข ยังสามารถช่วยตระกูลเยของฉันควบคุมทั้งเจียงผึ้งอีก ด้วย”

พอได้ยิน ในใจเหลียงเหลียนแอบตื่นตกใจ

เขารู้ชัดเจนอย่างมาก ครั้งนี้ที่ตระกูลเยส่งเขม่านมาเมืองเจียง โจว อยากให้หญิงสาวที่สวยสุดในตระกูลเย่มาแต่งงาน เชื่อมสัมพันธ์กับราชาเจียงผึ้ง

แต่นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ อยากจะถือโอกาสครั้งนี้ ผลักดัน ลูกสาวของตนเองไปให้ราชาเจียงผึ้ง

เหลียงเหลียนอยู่ตระกูลเย่มาหลายปีขนาดนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่ เคยเห็นว่าตระกูลเย่สนใจชายหนุ่มคนไหนมากเช่นนี้

“คุณนายครับ ตระกูลทางนั้น…….

เหลียงเหลียนกังวลอยู่บ้าง กลัวเท่านจะทำเรื่องนี้พัง จึงเตือน สติด้วยความหวังดีไปสักหน่อย

เพียงแต่เขายังไม่ทันพูดจนจบประโยค ก็ถูกเย่ม่านขัดจังหวะ “นายคิดว่าหน้าตาของลูกสาวฉัน จะเทียบเย่เสี่ยวเตี้ยไม่ได้เห รอ?”

เย่เสี่ยวเตี๋ยคือผู้หญิงที่ตระกูลเย่เตรียมดันออกมา ให้แต่งงาน เชื่อมสัมพันธ์กับราชาเจียงผึ้ง

หล่อนเพียงอายุยี่สิบสี่ปี หน้าตาสวยงาม ใช้คำพูดที่ ว่า”ใบหน้างดงามเหนือสิ่งใดแม้แต่พระจันทร์สุกสกาวและ ดอกไม้ยังต้องอาย มาพรรณนา ยังไม่เกินจริงสักนิด
ที่เมืองเยี่ยนตู คุณชายตระกูลใหญ่ชั้นนำนับไม่ถ้วนล้วนชื่น ชอบหล่อน

เพียงแต่สำหรับคุณชายร่ำรวยตระกูลใหญ่เหล่านี้ เย่เสี่ยวเตี้ย ไม่สนใจมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อน เยเสี่ยวเตี้ยอาศัยหน้าตางดงามของตนเองได้มี

ประโยชน์ต่อตระกูลมาก ไม่ยอมรับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์

ใดๆ มาตลอด

แต่ครั้งนี้ การปฏิเสธของหล่อน เดิมทีตระกูลเย่ไม่ยอมรับ จากจุดนี้สามารถเห็นได้ว่าตระกูลเย่ให้ความสำคัญต่อราชา เจียงผิงมาก

เวลานี้ เย่ม่านกลับวางแผนให้เป็นฉินซี

ถ้าเกิดราชาเจียงผึ้งสนใจฉินได้ งั้นตำแหน่งของเธอที่ตระกูล เย่ คงเพิ่มขึ้นมามากเลย

เหลียงเหลียนมองท่าทางโกรธเคืองของเม่าน ไม่กล้าพูดอีก รีบพูดว่า “ล้วนให้คุณนายเป็นผู้ตัดสินใจครับ!”

สีหน้าเข่ม่านถึงได้สีหน้าดูดีขึ้นมาบ้าง จากนั้นพูดด้วยหน้าตา เคร่งขรึม “เพียงแต่ราชาเจียงผิงคนนี้ สรุปเป็นผู้วิเศษจากไหน กัน?”

ถึงตอนนี้ เย่ม่านยังไม่ชัดเจนต่อสถานะที่แท้จริงของราชา เจียงผิง
รู้เพียงว่าราชาเจียงผิงถูกผู้นำของแต่ละตระกูลใหญ่ในเจียง ยิ่งเรียกอย่างเคารพว่าคุณหยาง อายุไม่ถึงสามสิบปี เป็นคน เมืองเจียงโจว

“สกุลหยาง อายุไม่ถึงสามสิบปี คนเจียงโจว ท่านว่าจะเป็น หยางเฉินหรือเปล่าครับ?”

เหลียงเหลียนถามด้วยความระมัดระวังทันใด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ