The king of War

บทที่ 373 ลูกหลานบ้านใคร



บทที่ 373 ลูกหลานบ้านใคร

ไม่มีใครคิดว่าเว่ยเฉิงโจวจะกล้าพูดแบบนี้ในที่สาธารณะ

คำพูดเหล่านี้ หากสามยักษ์ใหญ่ในเมืองเอกได้ยินเข้า เกรง ว่าตระกูลเว่ยจะต้องประสบปัญหามากมายอย่างแน่นอน

แต่ไม่นานหลังจากนั้น หยางเฉินก็คิดถึงความเป็นไปได้บาง อย่าง

มณฑลเจียงผิงในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่มีสามยักษ์ใหญ่ของ เมืองเอกเท่านั้น แต่ยังมีผู้มีอิทธิพลอีกหนึ่งกลุ่ม นั่นก็คือสมาคม บูโด ในสาขามณฑลเจียงผึ้ง

ในเมืองเยนตู สมาคมโดถือว่ามีอิทธิพลเทียบเท่ากับแปด ตระกูลแห่งเย็นต

ส่วนในมณฑลเจียงผึ้ง แม้สมาคมบูโดจะเป็นเพียงสาขาย่อย เท่านั้น แต่อิทธิพลของพวกเขายิ่งใหญ่มาก อย่างน้อยก็เหนือ กว่าสามยักษ์ใหญ่ในเมืองเอก

ซึ่งเบื้องหลังผู้คอยหนุนตระกูลเวียนั้น ก็คือสมาคมบูโด

“เจ้าบ้านเวียครับ คําพูดของคุณจะเกินเหตุไปหน่อยไหม ครับ?”

จวงเพิ่งยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ต่อให้สามครอบครัวยักษ์ใหญ่ใน เมืองเอกจะแข็งแกร่งมาก แต่ในมณฑลเจียงผึ้งยังมีผู้มีอิทธิพลอีกมากมาย และพวกเขาก็ไม่ใช่ของกล้วยๆ ด้วยนะครับ!

เว่ยเจิงโจวไม่แม้แต่จะมองไปที่จวงเซิ่ง สายตาของเขายังคง จับจ้องอยู่ที่หยางเฉิน

ในบรรดาสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว ตระกูลกวนกับตระกูลซ นั้น ให้เกียรติหยางเฉินมาก แค่นี้ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึง สถานะของหยางเฉินว่าสูงส่งแค่ไหน

ขอเพียงแค่หยางเฉินเห็นด้วย สำหรับตระกูลจวงจะเลือกทาง ไหนก็ไม่สําคัญอีก

“แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เจ้าบ้านเว่ยพูดก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ!

ซูเฉิงอู่ก็พูดขึ้น “การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ เดิมที่มันควร จะให้ตระกูลเฝิงในเมืองจีนเหอเป็นเจ้าภาพแล้ว อีกอย่างเวลาจัด งานก็ยังไม่ถึงด้วย

“แต่ตอนนี้ ตระกูลเส็งกลับมอบสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพในการ จัดการประชุมแลกเปลี่ยนให้กับตระกูลเมิ่ง เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่า มันต้องมีปัญหาภายใน

ไม่เพียงแต่ซูเฉิงอู่เท่านั้น หลายๆ คนก็ตระหนักถึงจุดนี้ แต่ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนกวนเจิ้งซานไม่ได้พูดอะไร เขาได้แต่มองไปที่หยางเฉิน

จากนั้นเว่ยเฉิงโจวหยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ผู้นำชูพูดถูก ครับ การประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้มีปัญหาอยู่แล้ว ฉะนั้นเรา ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อผลประโยชน์ของเราเอง
สี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจวและตระกูลเว่ยกับตระกูล ได้บรรลุ ฉันทามติกันแล้ว ส่วนตระกูลจวงนั้นถูกเพิกเฉย เหลือเพียง ตระกูลกวนที่ยังคงเชื่อฟังคำสั่งของหยางเฉินทุกอย่าง

ในเวลา พวกเขารอหยางเฉินพูดเท่านั้น

ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินยังคงนิ่งเฉย แต่สิ่งที่เขารู้นั้นมัน มากกว่าซูเฉิงคู่กับเว่ยเฉิงโจว

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็ขอเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้าบ้าน เว่ย เราร่วมมือกันต่อต้านทุกการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น

ในที่สุดหยางเฉินก็พูดขึ้น

“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้นเราก็รวมกันเป็นหนึ่ง เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นซึ่ง เป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของเรา เราจะร่วมมือกันต่อ ต้าน!”

เว่ยเฉิงโจวรีบพูดขึ้นอย่างดีใจ

“เยี่ยม!”

ซูเฉิงคู่กับกวนเจิ้งซานก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ

มีเพียงจวงเพิ่งที่ยังคงถูกเพิกเฉยอยู่

“ตระกูลจวงก็ขอร่วมอุดมการณ์ด้วยคนครับ!” จวงเชิงหน้าแดงและรีบพูดขึ้น

ในบรรดาสี่พรรกแห่งเมืองเจียง โจว มีสามตระกูลที่ตกลงให้ ความร่วมมือกันแล้ว ถ้าตระกูลจวงยังไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย ต่อไปเจียง โจวก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับตระกูลจางของพวกเขา อีก

ต่อให้จวงเพิ่งจะไม่เต็มใจมากนัก แต่ในเวลานี้เขาจำเป็นต้อง ให้ความร่วมมือ ส่วนแรงบันดาลใจที่ทําให้เขาตัดสินใจแบบนี้ มี เพียงตัวเขาเท่านั้นที่รู้

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะคุยกันให้ชัดเจนก่อน ถ้าหากตระกูล ไหนหลุดออกจากโซ่ในช่วงเวลาวิกฤต เมื่อการประชุมแลก เปลี่ยนจบลง เจียงโจวก็จะไม่มีตระกูลนั้นอีก!

เว่ยเจิงโจวพูดอย่างเย็นชา

และในขณะที่พูด สายตาของเขายังจับจ้องไปที่จริงเชิง

จวงเซิ่งรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่ไม่กล้าพูดอะไร ในสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว ทุกคนก็รู้สึกว่าตระกูลเว่ยเป็น ตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุด

“ช่างกล้าพูด!”

“แค่สี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว คิดว่าร่วมมือกันแล้วจะ สามารถยืนหยัดได้งั้นเหรอ?”

“มาร่วมมือกับเมืองจีนเหอของเราดีกว่า บางทีอาจมีทางรอด ก็ได้!”

ในขณะนั้น ประตูห้องรับรองถูกเปิดออก และกลุ่มคนก็เดินเข้ามา
นำโดยชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน เมื่อเห็นเขาคนนี้ เว่ยเจิงโจวและคนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที ผู้มาเยือนคือเพิ่งฉวน เจ้าบ้านแห่งตระกูลเฝิงในเมืองจีนเหย

“ผู้นำเพิ่งพูดถูก แค่สี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจวของพวกคุณจะมี ทางรอดได้ยังไง จะเป็นการดีกว่าถ้าพวกคุณมาร่วมมือกับสอง ตระกูลใหญ่จากเมืองจีนเหอของพวกเรานะครับ!!

ชายวัยกลางคนอีกคน ในชุดสูทที่ยืนถัดจากเฝิงฉวนก็พูดเช่น

สองตระกูลใหญ่ที่ว่านั้นก็คือตระกูลเฝิงกับตระกูลโล่ ส่วนคนที่ พูดขึ้นนั้นเป็นเจ้าบ้านของตระกูลฟัน ชื่อว่าฟันจน

ไม่มีใครคิดว่าสองตระกูลยักษ์ใหญ่จากเมืองจีนเหอจะรวมตัว

กันได้

“ผู้นำเฝิง ถ้าผมจำไม่ผิด ตระกูลเฝิงของคุณเป็นผู้สละสิทธิ์ใน การเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ให้กับตระ กูลเมิ่งไม่ใช่เหรอครับ?”

เว่ยเฉิงโจวยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน “แล้วตอนนี้ยังมาชักชวน พรรกแห่งเมืองเจียงโจวของเราให้ร่วมมือกับพวกคุณด้วย พวก คุณไม่รู้สึกตลกไปหน่อยเหรอครับ?”

เฝิงฉวนยิ้มพูดอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าตระกูลเฝิงของผมโง่จนต้องปล่อยโอกาสทองไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ?”

“ผู้นำเพิ่งหมายความว่าไง?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้นำของเจียงโจวต่างก็รู้สึกแปลกใจ เพิ่งฉวนกัดฟันพูด “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเพิ่งบีบบังคับ แล้ว ผมจะสละสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพให้กับพวกเขาได้อย่างไร?

“ผมเป็นพยานได้ว่าสิ่งที่ผู้นำเพิ่งพูดนั้นเป็นความจริง ในวัน นั้น คนของตระกูลเพิ่งเข้ามาที่บ้านตระกูลเชิงด้วยท่าทีที่ แข็งกร้าว พวกเขาเรียกร้องให้ตระกูลเฝิงมอบสิทธิ์ในการเป็น เจ้าภาพให้กับพวกเขา และวันนั้นผมก็อยู่ด้วย!”

ฟันลีจุนก็พูดขึ้น

“ที่ผ่านมาครอบครัวตระกูลเฝิงของผมมีความสัมพันธ์ที่ แน่นแฟ้นกับตระกูลเพิ่งมาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้ตระกูล เพิ่งจะบังคับเอาสิทธิ์จากตระกูลเฝิงของผมไปดื้อๆ แบบนี้

เฝิงฉวนกัดฟันพูด

“ว่าไงนะ? คนของตระกูลหวงจากแปดตระกูลแห่งเย็นตู?” เว่ยเฉิงโจวกับซูเฉิงอู่ไม่รู้เรื่องนี้ และในเวลานี้ทั้งคู่ก็ดู ประหลาดใจมาก

“ก่อนหน้านี้ตระกูลเพิ่งส่งคนมาติดต่อกับผม พวกเขาบอกเป็น นัยแล้วว่า ตระกูลหวงหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเย็นตู จะใช้โอกาส ในการประชุมแลกเปลี่ยนที่มณฑลเจียงผิง ในครั้งนี้ เพื่อแต่งตั้งตระกูลเม็งให้เป็นตระกูลเดอะคิงของมณฑลเจียงยิ่ง

เพิ่งฉวนพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

กวนเจิ้งซานกับหยางเฉินที่คาดเดาเหตุการณ์นี้ได้ ทั้งสองจึง ไม่ได้รู้สึกเอะใจ ส่วนคนที่เหลือกลับรู้สึกตกตะลึงกันหมด

“ผู้นำเปิง ถ้าตระกูลเพิ่งบอกความจริงกับคุณว่าตระกูลหวังจะ สนับสนุนตระกูลเพิ่งให้เป็นตระกูลเดอะคิงของมณฑลเจียงผึ้ง พวกเขาคงมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างให้กับคุณสินะ?”

เว่ยเฉิงโจวหรี่ตาถาม

เฝิงฉวนพยักหน้า “เมิ่งหงอยบอกผมว่า ถ้าตระกูลเฝิงของผม สนับสนุนตระกูลเมิ่ง หลังจากตระกูลเพิ่งได้สืบทอดตำแหน่ง ตระกูลเดอะคิง ตระกูลเฝิงของผมก็จะกลายเป็นตระกูลแรกภาย ใต้การควบคุมของตระกูลเมิ่งของพวกเขา!

“ในตอนแรกผมยังเชื่อเรื่องไร้สาระของเขา แต่ผมก็เพิ่งรู้เมื่อ ครู่นี้ว่าคำสัญญาเดียวกันนี้ มันไม่ได้มีแค่กับครอบครัวตระกูล เพิ่งของผมครอบครัวเดียวเท่านั้น!

เฝึงฉวนพูดตามความจริง

ในเวลานี้ ผู้คนในห้องรับรองเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

เดิมที่คิดว่าการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เป็นเพียงการแบ่งผล ประโยชน์ของสามตระกูลยักษ์ใหญ่จากเมืองเอกเท่านั้น แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่การแบ่งผลประโยชน์ แต่เป็นการขัดผลประโยชน์ทั้งหมดให้กับตระกูลเมิ่ง และนอกจากนี้ พวกเขายังมีตระกูลหวงจากแปดตระกูลแห่งเย็น คอยสนับสนุน อยู่เบื้องหลังอีกด้วย

“ตระกูลเฝิงของผมอยากใช้ชีวิตอย่างมีอิสระในเมืองเจียงผิง ไม่อยากอยู่ภายใต้ค่าสั่งของใคร และผมก็เชื่อว่าไม่ใช่แค่ตระ กูลเฝิงของผมเท่านั้นที่ต้องการอิสระเสรี พวกคุณทุกคนก็เช่น กัน!

เฝึงฉวนพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าพวกเราร่วมมือกันหมด ต่อให้ตระกูลเพิ่งมีตระกูลหวงคอยหนุนหลังอยู่ แต่ใช่ว่าพวกเขา จะประสบความสําเร็จได้ง่ายๆ !”

ในเวลานั้น ห้องรองรับก็เงียบลงและไม่มีใครพูดอะไร “ถ้าอย่างนั้น เราร่วมมือกันเถอะ!!

ในขณะนั้น จู่ ๆ หยางเฉินก็พูดขึ้น และทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ตัวเขา

เพิ่งฉวนเลิกคิ้วแล้วพูดขึ้นเสียงกับหยางเฉิน “เองเป็นลูกหลาน บ้านใคร? เองมีสิทธิ์พูดที่นี่ด้วยเหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เพิ่งฉวนได้พบกับหยางเฉิน เขาคิดว่าหยาง เฉินเป็นแค่รุ่นลูกหลานของตระกูลไหนสักตระกูลหนึ่ง เขาจึงพูด ด้วยความโกรธ

หยางเฉินขมวดคิ้ว “ผมจะเป็นลูกหลานบ้านใคร มันไม่เกี่ยว อะไรกับคุณหรอก แต่ผมสามารถตัดสินใจในนามของเจียงโจวได้ว่าเราจะร่วมมือกับพวกคุณหรือไม่!

“ไอ้เด็กขี้อวด!”

เฝิงฉวนหัวเราะอย่างเย็นชา แต่เมื่อเขาตระหนักได้ว่าสี่พรรค แห่งเมืองเจียง โจวไม่มีใครคัดค้าน แต่ยังเงียบกันหมด เขาถึงจะ รู้สึกถึงความผิดปกติได้

“อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่มันสามารถตัดสินใจแทนเจียง โจวได้

จริงๆ ?”

เฝิงฉวนรู้สึกตกตะลึง ดวงตาของเขากวาดมองไปที่ใบหน้า ของผู้นำทั้งสี่ตระกูลนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ