The king of War

บทที่ 364 ให้เวลาผมสิบปี



บทที่ 364 ให้เวลาผมสิบปี

เห็นลักษณะท่าทางกัดฟันแน่นของฉัน หยางเฉินจึงหัวเราะ

แล้ว

เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มาก ความรู้สึกประมาณว่าเดิมที่ฉัน คือน้องสาวเขา

ประชุมแลกเปลี่ยนต้องเวลาสองทุ่มถึงจะเริ่มต้น ทั้งช่วงกลาง วัน เขามีเวลาว่างเต็มๆ

“เสี่ยวยี เธอมาที่เมืองเอกได้ยังไงกัน?”

เห็นว่าฉันยีอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว หยางเฉินถึงเอ่ยปากถาม

“ฉันมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนน่ะสิ!” ฉันตอบไป

“เธอก็ได้รับเชิญมาเหมือนกันเหรอ?”

หยางเฉินแอบรู้สึกตกใจ เขารู้เพียงว่าคนที่ได้รับเชิญมาเข้า ร่วมประชุมแลกเปลี่ยน เป็นผู้นำตระกูลใหญ่ที่ยืนอยู่ยอดบน แท้จริงของมณฑลเจียงผึ้ง

ฉันย่อมรู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงตกใจ มองตาค้อนไปและพูด ว่า “งานประชุมแลกเปลี่ยนที่ฉันเข้าร่วมไม่ใช่อันเดียวกับของพี่ พี่เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างตระกูลใหญ่ชั้นนำ ที่ฉันเข้า ร่วมมือประชุมแลกเปลี่ยนของกิจการชั้นนำ อยู่ที่โรงแรมจู่โจว”

หยางเฉินเข้าใจขึ้นทันใด นี่เขาถึงมานึกได้ถึงเรื่องราวที่ซูซานเคยบอกกับเขาก่อนหน้านี้ ว่าตระกูลระดับหนึ่งของมณฑลเจียง ผิง และยังมีกิจการชั้นนำบางส่วน ก็จัดประชุมแลกเปลี่ยนงาน หนึ่งเหมือนกัน

ฉันในฐานะผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเงินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ได้รับเชิญมาย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ฉัน?”

ในเวลานี้เอง เสียงของผู้หญิงอายุน้อยเสียงหนึ่งลอยมาจาก ด้านหลังทั้งสองคน

ทั้งสองคนหันหน้าไปโดยจิตใต้สำนึก กระทั่งมองเห็นชาย หญิงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาหา

คนที่เรียกฉินเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิงผมยาวที่สวม แว่นตานําคนนั้น

หล่อนใส่กางเกงยีนขาสั้นสีฟ้าอ่อนตัวหนึ่ง ท่อนบนสวมเสื้อ

ยืดสีขาวตัวหนึ่ง ทั้งยังกางร่มกันแดดอันหนึ่งด้วย

เวลานี้ หล่อนกำลังควงแขนชายหนุ่มที่สวมชุดอาร์มานี่ทั้งตัว ชายหนุ่มอาร์มานี่ ตอนที่มองเห็นฉัน ดวงตาประกายไปหมด

เลย

“คุณคือ?”

ฉันรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอคนรู้จักที่นี่โดยบังเอิญ
เพียงแต่อีกฝ่ายสวมแว่นตาดำที่ใหญ่เกินไป ใบหน้าครึ่งหนึ่ง ถูกบดบังเอาไว้ อาศัยเพียงเสียงอย่างเดียว เธอจึงจำอีกฝ่ายไม่ ได้

“ยียี ฉันเองไง! สวีเจีย!

หญิงสาวถอดแว่นตาด่าออก ยิ้มและบอกไป “นึกไม่ถึงเป็นเธอเองเหรอ สวีเจีย!”

ฉันทำหน้าประหลาดใจ จากนั้นพูดแนะนำกับหยางเฉินว่า “หยางเฉิน หล่อนคือเพื่อนสนิทของฉันสมัยม.ต้น สวีเจีย!”

หยางเฉินพยักหน้าให้สวเจียนิดหนึ่ง พูดว่า “สวัสดี!”

สวีเจียถึงสังเกตเห็นเข้า ฉันกำลังควงแขนของหยางเฉินไว้ หล่อนเพียงแค่ถือโอกาสมองหยางเฉินแวบหนึ่ง หลังจาก แน่ใจว่าหยางเฉินเป็นแค่พวกขี้แพ้จนๆ คนหนึ่ง สายตาจึงไม่ได้ หยุดมองบนตัวหยางเนิ่นนานเท่าไร ก่อนจะย้ายหนีไป

“ยียี พวกเราไม่ได้เจอกันมาเจ็ดแปดปีได้แล้วมั้ง?” สวีเจีย หัวเราะพูดขึ้น

ฉันยีพยักหน้า พูดอย่างดีใจ “ม.ปลายสามปี มหาวิทยาลัยสี่ปี เรียนจบมาอีกสองปี พูดให้ถูกต้องคือไม่ได้เจอกันมาเก้าปีแล้ว

ตั้งแต่จบการศึกษามัธยมต้นมาทั้งสองคนก็ไม่ได้เจอหน้ากัน อีกเลย ที่จริงแยกจากกันเป็นเวลานานมาก

สวีเจียท่าทางทอดถอนใจ “นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าผ่านไปเก้าปีแล้วตอนนี้พอนึกกลับไปถึงอดีตของพวกเรา ยังคุ้มค่า ให้คิดถึงจริงๆ

“ใช่ๆ ฉันยังจําได้ว่าตอนที่ใกล้จบม.3 พวกเรายังถ่ายรูปไว้

มากมายเลย รูปถ่ายพวกนี้ ฉันเก็บล็อกเอาไว้ในกล่องเล็กๆ ใบ หนึ่งทั้งหมดเลยล่ะ!” ฉันพูดด้วยความตื่นเต้น เพื่อนนักเรียนเก่าเจอหน้ากัน และเป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ พอ คุยกันขึ้นมา ก็ไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว

“เจียเจีย คนนี้คือ?”

ชายหนุ่มที่สวีเจียควงแขนไว้ตลอดคนนั้น ทันใดนั้นเอ่ยปาก ถามขึ้น

สวีเจียถึงได้สติกลับมา รีบบอกทันที “ที่รักคะ หล่อนคือเพื่อน สนิทสมัยม.ต้นของฉัน ฉัน ตอนนั้นเป็นถึงดาวโรงเรียนของ โรงเรียนพวกเราเลยนะ!”

“สวัสดีครับสาวสวย ผมชื่อถังคุน เป็นคู่หมั้นของสวีเจีย ถังคนเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา ยื่นมือข้างหนึ่งไปทางฉัน

ฉันพึ่งสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ใส่อาร์มานี่ทั้งตัวคนนี้เข้าถึง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคู่หมั้นของเพื่อนสนิทตนเองก็ตาม แต่ฉัน กลับไม่มีความรู้สึกดีสักนิดเดียว

เพราะสายตาของถังคน ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะสกุเจีย ด้วยนิสัยพาลแบบเธอ คงด่าคนไปตั้งแต่แรกแล้ว

“สวัสดีค่ะ!”

ฉันไม่ได้จับมือกับอีกฝ่าย เพียงแค่ตอบกลับไปประโยคหนึ่ง

นิ่งๆ

มือของถังดุนค้างอยู่ตรงนั้น บนใบหน้ามีความโกรธแค้นนิดๆ แวบผ่านไป เก็บมือกลับมาอย่างลื่นไหล ยิ้มพูดกับสวีเจียว่า “เจียเจีย ในเมื่อเป็นเพื่อนสนิทของคุณ และไม่ได้เจอกันมาหลาย ปีขนาดนี้ ไม่สู้ไปเดินเล่นด้วยกันหน่อย?”

“เอาสิ! เอาสิ!”

สวีเจียรีบพยักหน้าทันที และมองทางฉัน พูดอย่างดีอกดีใจ ” ไม่ง่ายจะได้เจอหน้ากันสักที พวกเราจะได้คุยกันพอดีเลย

ฉันยียากจะปฏิเสธความกระตือรือร้นของสวีเจียอยู่บ้าง มอง

หยางเฉินแล้ว พอเห็นเขาพยักหน้า ฉันถึงรับปาก

การกระทำเล็กน้อย กลับไม่สามารถหลุดรอดสายตาของส เจียไปได้ แอบรู้สึกตกใจนิดหน่อยอยู่บ้าง ขณะเดียวกันยังมีการ เยาะเย้ยระดับหนึ่ง

สําหรับหล่อนแล้ว หยางเฉินก็คือพวกขี้แพ้จนๆ คนหนึ่ง ตอนแรกที่เรียนมัธยมต้น ฉันคือดาวโรงเรียน แทบจะเป็น เทพธิดาในใจของนักเรียนชายทั้งโรงเรียน

ส่วนหล่อน ถึงแม้มีหน้าตางดงามพอสมควร แต่เพราะมักจะเล่นอยู่ด้วยกันกับฉัน กลับกลายเป็นขับให้ดูเด่นขึ้นมา

ปัจจุบันนี้ ฉันกลับเอาผู้หญิงที่ไม่มีรสนิยมขนาดนี้มาเป็น แฟน หล่อนย่อมมีความสุขมากเป็นธรรมดา มีความรู้สึกว่ากด ฉิน ลงไปได้มากโข

ต่อให้เธอเป็นดาวโรงเรียนแล้วจะอย่างไรกันล่ะ? ตอนนี้ไม่ใช่ว่าหาพวกขี้แพ้จนๆ คนหนึ่งมาเป็นแฟนเหรอ?

เทียบกันกับแฟนของฉันแล้ว แฟนของเธอถือรองเท้าให้พวก เรายังไม่คู่ควรเลย!

ฉันไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทในตอนนั้น คาดไม่ถึงจะมีความคิดแบบ

นี้ได้

” ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

ฉันยังไม่ทันได้ตอบกลับ สวีเจียก็ทำท่าทางเหมือนรู้แล้ว หัวเราะพลางพูดว่า “เธอต้องรู้แน่เลยใช่มั้ยว่าวันนี้ที่เมืองเอกจัด งานประชุมแลกเปลี่ยนสามปีมีครั้งหนึ่งขึ้น และจะมีของดีที่ราคา ต่ำกว่าเดิมมากมาย ถูกหรือเปล่า?”

ฉันกำลังอยากจะพูดอะไร กลับถูกสวีเจียขัดจังหวะอีกครั้ง หนึ่ง “ยีย ไม่ใช่ว่าฉันว่าเธอนะ ตอนนั้นยังไงเธอก็เป็นดาว โรงเรียนของพวกเรา ด้วยหน้าตาสวยงามของเธอ อยากจะหา แฟนแบบไหนก็หาได้ไม่ใช่เหรอ?”
ขณะพูดอยู่ สวีเจียยังมองหยางเฉินด้วยหน้าตาเหมือนเหยียด

หยาม

“เขาคือ……

ฉันเตรียมบอกความสัมพันธ์ของตนเองและหยางเฉินให้ กระจ่าง กลับถูกสวีเจียตัดบทอีก “ยียี เธอรู้จักต้าเหอกรุ๊ปมั้ย?”

ฉันแอบโกรธอยู่บ้าง แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต เธอจึง ยังอดทนเอาไว้ต่อ จากนั้นพยักหน้าแล้ว เธอจะไม่รู้จักต้าเหอกรุ๊ปได้อย่างไรกัน?

นี่คือกรรมสิทธิ์ของหยางเฉินที่เมือง โจวเฉิง หลังจากที่ตระกูล หยางแห่งเมือง โจวเฉิงพยายามจัดการหยางเฉิน หยางเฉินโมโห เข้า จึงทำลายตระกูลหยางลง

ส่วนต้าเหอกรุ๊ป ก็ตกมาอยู่ในมือของหยางเฉิน

ต่อมา ล้วปิงมายังเมือง โจวเฉิงด้วยตนเอง รวบรวมกรรมสิทธิ์ ตระกูลหยาง ความสามารถของต้าเหอกรุ๊ป แกร่งกว่าเดิมไปไกล มาก

“ที่รักของฉันถังคุน ตอนนี้เป็นรองผู้จัดการใหญ่ เก่งใช่มั้ย ล่ะ?”

สวีเจียพูดจาด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “มาที่เมืองเอกครั้งนี้ คือตัวแทนต้าเหอกรุ๊ป มาเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยน

ได้ยินคำพูดของสวีเจีย หยางเฉินทำหน้าแปลกประหลาด เขามองถึงคุนแวบหนึ่ง เจ้าหมอนี่คาดไม่ถึงจะเป็นรองผู้จัดการใหญ่ ของต้าเหอกรุ๊ป?

หลังจากที่ทั่วปิงถูกเขาส่งไปที่เยน ส่วนต้าเหอกรุ๊ปมอบ หมายให้ผู้จัดการใหญ่ที่จั่วปังอบรมขึ้นมา ถึงตอนนี้ หยางเฉิน ยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

จินยีหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “เก่งมากจริงๆ!

“ถึงแม้ผมยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนที่โรงแรมจง โจว แต่ด้วยอายุผมที่ยังน้อย ขอแค่ให้เวลาผมอีกสิบปี ผมจะ ต้องได้รับเชิญแน่นอน!”

ถังคนยืนตัวตรง หน้าตาทระนงองอาจ

ในดวงตาของสวีเจีย เต็มไปด้วยความเลื่อมใส


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ