บทที่ 359 ต้องเปื้อนมือไปทำไม
“หยางเฉิน ไม่ว่านายจะเป็นใคร มีสถานะอะไร ฉันทานเขียว เทียนรู้แค่ว่านายคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของฉัน”
หานเซียวเทียน หน้าจริงจังทันใด พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่มาก “ต่อให้ตระกูลหวงอยากแตะต้องนาย ตระกูลหานของฉันก็กล้าสู้ กับพวกเขาเหมือนกัน!”
คำพูดพวกนี้ ไม่ได้ไร้เหตุผล ฐานะเดิมคือทหารเก่าของ
ชายแดนเหนือ จะเป็นคนขี้ขลาดได้เหรอ?
แน่นอนว่านี่คือท่าทีของเขา เขามีความมั่นใจต่อหยางเฉินอ ย่างมาก
เขายืนหยัดว่าขอเพียงตระกูลหานสามารถรักษาความสัมพันธ์
กับหยางเฉินไว้ได้ ขณะที่หยางเฉินมีชีวิตอยู่ ตระกูลหานจะไม่ล้ม
แน่นอน! แม้แต่หยางเฉินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหานเซียวเทียนมีความ
มั่นใจต่อเขาเช่นนี้
หานเดี่ยวเทียนหลังจากรับรู้ว่าตระกูลหวงอยากจะจัดการ ตนเอง ยังยินยอมยืนอยู่ด้วยกันกับตนเอง บุญคุณครั้งนี้ มากพอ ให้หยางเฉินจดจําไปทั้งชีวิต
“งั้นผมขอรับรองกับเจ้าบ้านหานเอาไว้ว่า มีผมอยู่ ตระกูลหวง จะต้องพ่ายแพ้!!
พูดจบลง หยางเฉินลุกขึ้นทันที ก้าวเท้าออกไป
ในคฤหาสน์ คำพูดของหยางเฉินกลับดังก้องไม่ขาดสายรอบ แล้วรอบเล่า
มองภาพด้านหลังของหยางเฉินเดินออกไป หานเดี่ยวเทียน ตะลึงอยู่ที่เดิม ไม่ได้สติกลับมาตั้งนาน
ถ้ามีลูกก็ควรเป็นคนฉลาดและมีอนาคตไกล ที่ว่ามาคงหมาย ถึงคนประเภทนี้ล่ะมั้ง?
พอนึกถึงลูกชายของตนเอง หานเซียวเทียนหน้าตาผิดหวัง
ทันใด
ตอนหยางเฉินออกมาจากตระกูลหาน ท้องฟ้ามืดลงมาถึงที่สุด แล้ว
โฟล์คเกาตันสีดำคันหนึ่งแล่นมุ่งหน้าไปยังเมืองเจียงโจว ที่
สองข้างทาง แสงไฟสีส้มที่ราวกับแสงจันทร์ลอยหายลับตาไป
อย่างรวดเร็ว เพียงแต่หยางเฉินพึ่งออกมาจากตระกูลหานได้ไม่นานนัก รถ ขับเคลื่อนสี่ล้อเล็กซัสสีดำคันหนึ่งก็ตามหลังมาติดๆ
หยางเฉันพบรถคันนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่ไม่ได้สนใจมา
โดยตลอด
แต่ที่คิดไม่ถึงคืออีกฝ่ายหนึ่งนับวันยิ่งทำเกินเหตุไป แม้กระทั่ง มีอยู่หลายครั้ง จงใจขับชนเข้ามาด้วย
“เอียด~”
หยางเฉินดึงเบรกมือขึ้นฉับพลัน ล้อรถเสียดสีบนพื้นถนน เกิด
เสียงแสบแก้วหูขึ้นมาเสียงหนึ่ง ตามมาด้วย โฟล์คเกาตันหลบออกจากเล็กซัสที่กำลังอยากชน เข้ามาได้พอดี ด้วยมุมที่สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก
“ตึง!”
เสียงดังสนั่น เล็กซัสควบคุมได้ไม่ดี พุ่งเข้าแนวต้นไม้ที่อยู่สอง ข้างทางเข้าโดยตรง และชนกับเสาไฟข้างถนนอย่างแรง
หยางเฉินจอดรถไว้ เดินออกมาแล้ว
ในอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยางที่เข้มข้นสุดๆ โฟล์คเกาตัน ของหยางเฉินจอดอยู่ด้านข้าง
กระจกหน้ารถแตกละเอียดไปตั้งนานแล้ว บนฝากระโปรง เครื่องยนต์ บนประตูรถ มีจุดที่ยุบบุบลงไปมากมาย ดูขึ้นมา เหมือนเป็นรถที่ชำรุดคันหนึ่ง
ตอนที่เขาออกมาจากตระกูลหาน พบว่ารถของตนเองโดนทุบ แล้ว แค่ใช้กันมาคิด เขายังสามารถเดาได้ว่าเป็นใครทำ
ก่อนหน้านี้เขาพึ่งมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหาน เจอเข้า
กับหนิงเฉินหยู่ที่แย่งที่จอดรถเข้า เดิมที่ยังคิดจะรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ ค่อยจัดการด้วยกันเลย นึกไม่ ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาหาเรื่องตนเองไวขนาดนี้เลย
“เชีย! ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่ง นึกไม่ถึงกล้ามา หลอกฉัน!”
ภาพคนอายุน้อยคนหนึ่ง ออกมาจากที่นั่งด้านหลังของเล็กซัส บนหน้าผากมีรอยวงใหญ่นูนขึ้นมาก้อนหนึ่ง
ไม่ใช่ใครอื่น คือเฝิงอี้ฉันสุนัขรับใช้ของหนิงเฉินห “ไอ้หนุ่ม แกแม่งอยากตายรึไง?”
เพิ่งอี้ฉันยืนอยู่ข้างรถ ด้านหลังยังมีบอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่ สองคนติดตามมาด้วย
มุมปากหยางเฉินวาดเส้นรัศมีวงกลมที่หยอกเย้าขึ้นมา พูด ด้วยท่าทางมีเลศนัย “คนที่อยากตาย น่าจะเป็นแกมั้ง?
ก่อนหน้านี้ที่งานเลี้ยงวันเกิดของทานเฟยเฟย เฝิงอี้ฉินแสดง
บทบาทของสุนัขที่ดีตัวหนึ่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า ช่วยเหลือหนึ่ง
เฉินหยู่โจมตีตนเองมาไม่หยุด
ตอนนี้ก็เอาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าวอนหาที่ตายแล้วคืออะไรกัน?
“ไอ้หนุ่ม ความตายจะมาเยือนแกอยู่แล้ว ยังกล้าโอหังขนาดนี้ คือพวกโง่คนหนึ่งเสียจริง!” เฝิงอี้ฉันพูดจาแบบหน้าตาเหี้ยมโหด
ตอนที่แยกกับหนิงเฉินหยู่ก่อนหน้านี้ หนิงเฉินหยู่มอบหมาย ให้เขาเป็นพิเศษ อยากให้หยางเฉินหายไป เขาย่อมไม่พลาด โอกาสเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองอันนี้ไปแน่
ถึงแม้หนิงเฉินหยู่จะถูกไล่ออกจากศูนย์กลางอำนาจตระกูลหนิงแล้ว แต่ด้วยสถานะญาติสายตรงตระกูลหนึ่งของเขา ย่อม สามารถช่วยให้เส็ง จินมีรากฐานมั่นคงที่ตระกูลเฝิงได้
“อยากทําอะไรก็เร็วๆ หน่อย ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับแกอยู่ที่นี่”
หยางเฉินพูดแบบหมดความอดทนอยู่บ้าง
“ในเมื่อแกรีบไปเกิดใหม่ขนาดนี้ งั้นฉันจะส่งแกไปตายเดี๋ยวนี้ เอง!”
เฝิงอี้ฉันกัดฟันพูด โบกฝ่ามือใหญ่ขึ้น “ลงมือ! พอเขาพูดจบลง หยางเฉินทันที บอดี้การ์ดสองคนด้านหลังรีบพุ่งเข้ามาทาง
หยางเฉินกลับหน้าตานิ่งเฉยยืนอยู่ที่เดิม มองอีกฝ่ายที่ระยะ ห่างจากตนเองนับวันยิ่งใกล้เข้ามาแบบหน้าตาเฉย
เฝิงอี้ฉันมองเห็นฉากนี้เข้า หน้ากระหยิ่มยิ้มย่องกำเริบเงิบ สานเต็มที่ อดหัวเราะฮาๆ ขึ้นมาไม่ได้ “ขยะยังไงก็เป็นขยะมอง เห็นความเก่งกาจของยอดฝีมือตระกูลเฝิงของฉันแล้ว ตกใจจน ไม่กล้าขยับเลยล่ะสิ”
ระหว่างที่พูด เขาต่อสายโทรศัพท์ไปหาหนิงเฉินหยู่แล้ว หัวเราะเสียงดังฮาๆ พูดว่า “คุณชายหนึ่งครับ ขอบอกข่าวดีคุณ เรื่องหนึ่ง เจ้าหมอนั่นถูกคนของผม…….
“ตึง!”
“บึง!”
คำพูดของเฝิงอี้ฉันยังไม่ทันจบ เสียงดันหยุดไปกะทันหัน เพราะบอดี้การ์ดสองคนของเขา เวลานี้เหมือนเป็นลูกบอล หนัง ถูกหยางเฉินถีบลอยจนมาแทบเท้าของเขาแล้ว
เวลานี้บอดี้การ์ดทั้งสองคน ในจมูกและปากเป็นเลือดสดทั้งนั้น นอนอยู่ที่นั่นไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ที่ทำให้เขาตื่นตกใจแท้จริงคือหยางเฉินอยู่ห่างจากเขาทางนี้ ไกลถึงสิบเมตรเต็มๆ นั่นหมายความว่ายอดฝีมือตระกูลเฝิงที่ ตนเองภาคภูมิใจนักหนา ชั่วพริบตาเดียวยังถูกหยางเฉินถีบจน ลอยสิบกว่าเมตร?
“เฝิงอี้ฉิน นายพูดต่อสิ! เจ้าหมอนั่นถูกคนของนายฆ่าแล้วใช่ หรือไม่?”
เสียงของหนิงเฉินหยู่ตื่นเต้นพอสมควร
ตอนแรก เขาตามจีบหานเฟยเฟย เป็นความต้องการของ ตระกูล แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไร หานเฟยเฟยล้วนไม่ สนใจมาโดยตลอด
ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน เพื่อเสถียรภาพตำแหน่งในตระ กูลหนิงของตนเองแล้ว เขาจึงใช้เล่ห์กลบางอย่าง คิดจะบีบ บังคับครอบครองหานเฟยเฟย
แต่กลับถูกยอดฝีมือที่หานเดี่ยวเทียนส่งมาอยู่ข้างกายหาน เฟยเฟย ซึ่งคอยแอบคุ้มครองเธอพบเข้าเสียก่อน ถึงหลีกเลี่ยง เหตุการณ์ฉากเศร้าใจนี้ได้
เพราะเรื่องนี้ ตระกูลหานและตระกูลหนึ่งเกือบเปิดศึกกัน สุดท้ายตระกูลหนึ่งได้ชดใช้ไปมากมายต่อเหตุการณ์ครั้งนั้น ถึง สงบไฟโกรธของทานเซี่ยวเทียนลงมาได้
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา หนิงเฉินหยู่ที่เดิมที่อยู่ในศูนย์กลาง อำนาจของตระกูลหนึ่งจึงเกือบถูกไล่ออกจากตระกูลเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะบิดาของเขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหนึ่ง เขา คงโดนไล่ออกจากตระกูลไปตั้งนานแล้ว
ต่อมาเป็นบิดาของเขาอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้นำตระกูล หนิงถึงให้โอกาสหนิงเฉินหยู่ครั้งหนึ่ง นั่นคือตามจีบหานเฟยเฟย ถึงสามารถให้เขากลับไปศูนย์กลางอำนาจอีกครั้ง
ในงานวันเกิดของทานเฟยเฟย หานเฟยเฟยกลับแสดงออก ต่อหน้าสาธารณชนว่าคนที่เธอชอบคือหยางเฉิน แค่คิดก็รู้ถึง ความรู้สึกโกรธแค้นของหนิงเฉินหยู่ได้
ถ้าหยางเฉินไม่ตาย เขาคงไม่มีทางกุมอำนาจในตระกูลหนึ่ง
เวลานี้ เฝิงอี้ฉินโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าหยางเฉันกำลังจะโดน ฆ่า แค่คิดก็รู้ว่าหนิงเฉินหยู่ตื่นเต้นแค่ไหน
เพียงแต่ในเวลานี้เฝิงอี้ฉันตกใจอ่อนยวบไปทั้งตัวแล้ว ยัง สามารถพูดอะไรออกสักคำได้ที่ไหน?
“เซี้ย! พูดสิวะ!
“นายแม่งหูหนวกแล้วเหรอ? รีบพูด เจ้าหมอนั่น สรุปตายแล้วหรือยัง?”
“เฝิงอี้ฉิน ฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ยอมพูด อีก ต่อไปก็ไสหัวไปให้พ้นสายตาของฉัน!”
เฝิงอี้ฉันไม่พูดจา หนิงเฉินหยู่โกรธเคืองอย่างมาก
“ขอโทษทีนะ ฉันยังมีชีวิตรอดอยู่
ในเวลานี้เอง เสียงของหยางเฉินดังขึ้นกะทันหัน
หนิงเฉินหยู่ในสายโทรศัพท์นั้น ตอนที่ได้ยินเสียงหยางเฉิน ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ “ทำไมเป็นแก? เฝิงอี้ฉินล่ะ?”
หยางเฉินก้มหน้ามองไปที่หนึ่ง เฝิงฉันที่สั่นงักไปทั้งตัว กำลัง นั่งอยู่บนพื้น หรี่ตาบอกว่า “เดี๋ยวเขากำลังจะไปข้างล่างแล้ว แก ไม่ต้องรีบร้อน ไม่นานฉันจะส่งแกตามไปหาเขาที่ข้างล่างด้วยตัว เองเหมือนกัน”
พอหยางเฉินพูดจบ วางสายโทรศัพท์ทันที
คำพูดที่หยางเฉินบอกกับหนิงเฉินหยู่นั้น เฝิงฉินล้วนได้ยิน หมดแล้ว เวลานี้กลิ่นอายสยองขวัญปกคลุมเขาเอาไว้
“คุณ……คุณหยาง ผม……ผมผิดไปแล้ว ผมสำนึกผิดแล้วครับ ผมไม่กล้าอีกแล้ว ทุกอย่างนี้เป็นหนึ่งเฉินหยู่บังคับผมครับ”
“คุณหยางท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เมตตา เห็นผมแค่พวกเฒ่าคน หนึ่ง ปล่อยผมไปเถอะนะครับ!!
“ไม่ใช่สิ แม้แต่คนงี่เง่าผมยังไม่ใช่เลย ฆ่าผมแล้ว คงเปื้อนมือของท่านเปล่าๆ
เพิ่งฉินหวาดกลัวจนพูดจาสับสน คุกเข่าลงที่พื้น โขลกศีรษะ ลงบนพื้นไม่หยุด
เขากลัวจริงๆ เมื่อสักครู่เขาเห็นทุกอย่างมากับตาตนเอง บอดี้ การ์ดสองคนของตนเองยังไม่ได้แตะต้องหยางเฉิน ก็โดนหยาง
เฉินถีบกระเด็นสิบกว่าเมตร
บอดี้การ์ดของตนเองแกร่งมากแค่ไหน เขาเข้าใจชัดเจนมาก เวลานี้ เขาไม่ได้ร้องขอความเมตตา เกรงว่ามีเพียงตายสถาน เดียว
ยิ่งไปกว่านั้น หยางเฉินพึ่งบอกกับหนิงเฉินหยู่ไปว่าอยากให้ เขาไปรอหนิงเฉินหยู่ข้างล่างก่อน
ข้างล่าง ในปากของหยางเฉินหมายถึงอะไร เขารู้ดีมาก
“แกพูดไม่ผิด ฆ่าแก จะเปื้อนมือของฉันเอา หยางเฉินพูดขึ้นทันใด
พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นเฝิงอี้ฉันดีใจยกใหญ่ เหมือนว่ามองเห็น แสงสว่างในความมืดมิด พูดอย่างฮึกเหิมว่า “ขอบคุณครับคุณ หยาง! ขอบคุณครับคุณหยาง! ต่อไป ผมเจอท่านก็เหมือนเจอ บรรพบุรุษผม……….
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ