The king of War

บทที่ 327 ยังต้องใช้เวลา



บทที่ 327 ยังต้องใช้เวลา

“เสี้ยวเสียว ช่วงนี้พ่อกับแม่ยุ่งมาก ไม่มีเวลาพาหนูไปเที่ยว สวนสนุกเลย รอให้คุณตาหายดีก่อน แล้วพ่อค่อยพาไปเสี้ยว เสี้ยวเที่ยวที่สวนสนุกนะ ดีไหม?”

หยางเฉินมองไปที่เสี้ยวเสี้ยว ในสายตาของเขาเต็มไปด้วย

ความปรนเปรอ

เสียวเสี้ยวนนิ้วก้อยออกมาแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ งั้นเรามา

เกี่ยวก้อยสัญญากัน!”

หยางเฉินรู้สึกขมขื่นมาก แต่ก็ยังเกี่ยวก้อยสัญญากับเสี้ยว เสี้ยว

เพราะไม่ได้เจอพ่อแม่มานานแล้ว ในขณะที่กำลังเดินทางไป โรงพยาบาล เสี้ยวเสี้ยวรู้สึกมีความสุขมาก เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ในโรงเรียนอนุบาลของเธอให้กับหยางเฉินฟัง ในตอนนี้ เธอ เหมือนนกน้อยตัวหนึ่งที่เอาแต่พูดอย่างไม่หยุด

ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของโจวยดังขึ้น

โจวชุ่ยที่รู้สึกกังวลใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อเห็นเบอร์ที่โทร เข้ามา เธอก็ตกใจจนขวัญหายและรีบกดวางสายทันที

แต่หลังจากที่เธอกดวางสายไป เพิ่งเทียนเจียวก็โทรเข้ามาอีก ครั้ง และสุดท้ายเธอก็ตัดสายทิ้งอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ เมิ่งเทียนเจียวไม่โทรกลับมาอีก ซึ่งเธออยู่แล้วว่าต้องมี เรื่องด่วนอย่างแน่นอน

“ธุระของแม่ยายก็ยังเหมือนกันนะครับ!

หยางเฉินที่กำลังขับรถอยู่ จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างประชดประชัน

“ก็พวกเซลล์ขายบ้านน่ะสิ ในโทรศัพท์มีแต่โฆษณาของพวก เขา” โจวซุ่ยพูดด้วยความรู้สึกผิด

ยิ่งหยางเฉินทำแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น

แต่หยางเฉินไม่ได้ตั้งใจจะจับผิดเธอ เขาแค่พูดเสียดสีไป เท่านั้น จากนั้นก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลต่อ

“พวกเธอขึ้นไปก่อนนะ ฉันแวะไปซื้อของนิดหน่อย

ทันทีที่หยางเฉินจอดรถ โจวซุ่ยก็ทิ้งประโยคหนึ่งไว้แล้วออก จากรถไปอย่างเร่งรีบ

เมื่อมองดูโจวชุ่ยที่เดินออกไปอย่างรวดเร็ว สายตาของ หยางเฉินก็เต็มไปด้วยความดุร้าย “อีกไม่นาน ทุกสิ่งที่คุณทำจะ ถูกเปิดเผย!”

หลังจากนั้น หยางเฉินก็อุ้มเสี้ยวเลี้ยว ไปที่ห้องผู้ป่วยของฉัน

ต้าหย่ง

เสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันต้าหย่ง แต่เมื่อได้เจอฉินซี เธอก็มีความสุขมาก

ช่วงนี้ฉินซีได้แต่พักอยู่ที่โรงพยาบาล เธอจึงรู้สึกเบื่อหน่ายมาก แต่เมื่อได้เจอหน้าลูกสาวแล้ว อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นไม่น้อย

อีกด้านหนึ่ง โจวซุ่ยรีบติดต่อไปเพิ่งเทียนเจียวแล้วเล่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ

“ชื่อบื้อ!”

เพิ่งเทียนเจียวพูดด้วยความโกรธ “แค่ผมไม่ได้ไป แล้วคุณ เรียกรถออกมาจากโรงเรียนอนุบาลก่อนไม่เป็นเลยเหรอ?”

“คุณจะขึ้นเสียงกับฉันทำไม? แล้วคุณคิดว่าฉันอยากเจอไอ้ สารเลวคนนั้นหรือไง?” โจวซุ่ยก็โกรธมาก

เมื่อคำพูดของหยางเฉินก็แสดงออกถึงความสงสัยในตัวเธอ

อยู่แล้ว แค่นี้เธอก็กลัวจนขวัญหายหมด แต่สุดท้ายยังถูกเพิ่ง เทียนเจียวด่าซ้ำเข้าให้

“อย่าว่าเลย ถ้าคุณมาตรงเวลาแล้วฉันจะทําพลาดเหรอ?” โจ

วยชยพูด

“หุบปาก!”

เมิ่งเทียนเจียวกัดฟันแล้วพูด “พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ถ้าคุณยังไม่ สามารถพาตัวลูกสาวของหยางเงินมาให้ผมได้ ผมจะเอาเสียง บันทึกที่คุณจ้างฆาตกรโพสต์ลงในโซเซี่ยลแน่!!

“ตอนแรกคุณบอกก่อนอาทิตย์ตกดินไม่ใช่เหรอ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวซุ่ยก็ใจหายและตะโกนออกมาเสียงดัง “ผมบอกกี่โมงก็คือกี่โมง หรือถ้าคุณมีปัญหา ผมจะลงคลิปเสียงของคุณตอนนี้เลย!” เมิ่งเทียนเจียวข่มขู่เธอ

อย่านะ พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ฉันจะหาวิธีพาตัวลูกสาวของหยาง เฉินไปให้คุณให้ได้!” โจวซุ่ยตื่นตระหนกและรีบสัญญาไป

หลังจากโจวซุ่ยกลับไปที่ห้องผู้ป่วย หยางเฉินกับฉินซี และ เสียวเสียว ทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความ สุข

เมื่อเห็นภาพนี้ สายตาของ โจวซุยก็เต็มไปด้วยความ เคียดแค้น

“คุณค่ะ พรุ่งนี้ก็วันศุกร์แล้ว เสี้ยวเดี๋ยวจะเอายังไงดี?” ฉินซี ถามอย่างกะทันหัน

“หรือว่าคุณกลับไปอยู่กับเสี้ยวเลี้ยวที่บ้าน ส่วนทางนี้เดี๋ยวผม ดูแลพ่อเอง ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะรีบโทรหาคุณ” หยางเฉินพูด

“แต่คุณพ่อค่ะ เสี้ยวเสี้ยวอยากอยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ด้วย! ฉินซียังไม่ทันได้ตอบ เสี้ยวเสียวก็พูดขึ้นมาด้วยความเศร้า “เสี้ยวเสี้ยวไม่ได้อยู่กับคุณพ่อกับคุณแม่นานแล้วนะคะ!”

เมื่อฟังคำพูดของเสี้ยวเสี้ยว หยางเฉินกับฉันมองหน้ากัน และดวงตาของทั้งคู่ต่างก็รู้สึกผิด

“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า พรุ่งนี้ฉันพาเสี้ยวเสี้ยวไปเที่ยวที่สวน สนุก?”

ในขณะนั้น ก็มีเสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้น
หยางเฉินกับฉินซีต่างก็มองไปที่โจวยพร้อมกัน แต่ที่แตก ต่างคือนัยน์ตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา

“หนูไม่อยากไปเที่ยวสวนสนุกค่ะ หนูแค่อยากอยู่กับคุณ

พ่อคุณแม่!” เสี้ยวเสี้ยวรีบเข้าไปกอดคอของฉันไว้

ลึกๆ แล้วเธอก็อยากไปเที่ยวที่สวนสนุกเหมือนกัน แต่ถ้าให้ เลือกแล้ว เธออยากอยู่กับพ่อแม่มากกว่า

“ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เลี้ยวเลี้ยวอยู่กับพวกเราละกัน” หลังจากลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดฉินซีก็ตัดสินใจได้ เพราะฉันต้าหย่งยังไม่ฟื้นสักที เธอจึงไม่มีสมาธิในการทำ อะไร และจะให้เธอกลับไปก็ยังคงทำไม่ได้อยู่ดี

“โอเคครับ!” หยางเฉินพยักหน้าตอบ เสียวเสียวดีใจขึ้นมาทันที

คืนวันนั้น เสี้ยวเสี้ยวก็อยู่ที่โรงพยาบาลด้วย

นี่เป็นห้องผู้ป่วยวีไอพี เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มาก มีเตียง สำหรับญาติผู้ป่วยสองเตียง และยังมีโซฟาอีกหนึ่งชุด ซึ่งสภาพ ห้องก็เหมือนห้องสแตนดาร์ดของโรงแรมทั่วไป

ในคืนวันนั้น ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวนอนบนเตียงเดียวกัน และโจว ยนอนอีกเตียงหนึ่ง ส่วนหยางเฉินก็นอนบนโซฟา

ทั้งคืนนั้น โจวยนอนไม่หลับเลย เพราะในหัวเธอคิดแต่ เรื่องที่จะพาตัวเสี้ยวเลี้ยวออกไป
เวลาที่เพิ่งเทียมเจียวให้ก็เหลือไม่มากแล้ว พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ถ้า เธอยังไม่สามารถพาตัวเสียวเลี้ยวออกไปได้ เธอหมดกันอย่าง แน่นอน

ในทางกลับกัน เพราะมีเสี้ยวเสี้ยวนอนอยู่ข้างๆ ฉันก็ยิ่งนอน หลับได้สนิทมากขึ้น

เมื่อนอนคิดทั้งคืน โจวชุ่ยก็ยังหาวิธีที่จะพาตัวเลี้ยวเลี้ยว

ออกไปไม่ได้สักที

จนเช้าวันที่สอง เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตา “แม่ค่ะ นี่แม่ไม่ได้หลับเลยเหรอคะ? ตาทั้งแดงทั้งบวมเลย”

เมื่อฉันเห็นโจวซุ่ยก็รู้สึกประหลาดใจ โจวยชยสายหัวอย่างรวดเร็ว “เปล่า ฉันก็หลับสนิทอยู่นะ!”

ในขณะที่พูด เธอก็หาวขึ้นอีกครั้ง

หยางเฉินหรี่ตามองมาที่เธอแต่ไม่ได้พูดอะไร

เก้าโมงเช้า อ้ายหลินได้มาถึงห้องผู้ป่วยของฉันต้าหย่งอย่าง ตรงเวลา

“พี่เฉิน คนนี้ลูกสาวของพี่เหรอ? น่ารักจังเลย!”

เมื่ออ้ายหลินได้พบกับเสี้ยวเสี้ยว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วย ความหลงใหล

ในเวลานี้ เสี้ยวเสี้ยวจับมือของหยางเฉินอย่างขี้อายและพิงอยู่ที่ขาของเขา
หยางเฉินยิ้มและพยักหน้า “เสี้ยวเสี้ยว รีบสวัสดีคุณน้าอ้ายสิ ครับ!”

“สวัสดีค่ะคุณน้าอ้าย!”

ถึงแม้ว่าเสี้ยวเสี้ยวจะค่อนข้างขี้อาย แต่เธอก็พูดไปอย่างเชื่อ

ฟัง

“น่ารักมากเลย!”

อ้ายหลินยิ่งดูก็ยิ่งชอบ “สวัสดี เสี้ยวเสี้ยว!”

หลังจากที่อ้ายหลินมาถึงห้องผู้ป่วย หมอและพยาบาลคนอื่นๆ ก็ได้ตามเข้ามา

หลายวันที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่อ้ายหลินทำการรักษาจินต้าหญิง บุคลากรเหล่านี้ก็จะเข้ามาและฝึกฝนแลกเปลี่ยนไปด้วย

ถึงแม้จะนอนไม่หลับทั้งคืน แต่โจวซุยก็ยังคิดหาวิธีไม่ได้ แต่

หลังจากที่เธอเห็นอ้ายหลิน จู่ ๆ เธอก็ตาสว่างขึ้นมาทันที ในที่สุด

เธอก็คิดแผนได้แล้วว่าจะพาตัวเสี้ยวเลี้ยวออกไปอย่างไร

ในขณะที่อ้ายหลินทำการรักษาอยู่นั้น เธอก็รีบเดินออกจาก ห้องคนไข้

เมื่อเดินออกมาถึงหน้าต่างตรงสุดทางเดินระเบียง เธอก็หยิบ โทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก “ฉันคิดออกแล้วว่าจะพาลูกสาวของ หยางเฉินออกไปยังไง แต่คุณต้องช่วยหน่อย!”

ไม่มีใครรู้ว่าเธอโทรหาใคร และไม่มีใครรู้ว่าบทสนทนาที่เธอคุยอยู่ในสาย นคืออะไร

หลังจากที่เธอกลับไปถึงห้องผู้ป่วยนั้น อ้ายหลินยังคงทำการ

รักษาอยู่ “ผู้เชี่ยวชาญอ้ายครับ ชีพจรของฉันต้าหญิงกลับมาเต้นปกติ

แล้ว แต่ทำไมเขายังไม่ฟื้นครับ?”

ในขณะที่อ้ายหลินทำการรักษาฉันต้าหย่งเสร็จไปขั้นตอนหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสคนหนึ่งก็ถือโอกาสถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

อ้ายหลินจึงยิ้มตอบว่า “ชีพจรเต้นปกติแล้ว แต่คนไข้หมดสติ

ไปนาน ถ้าจะรอให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งคงต้องใช้เวลาหน่อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ