The king of War

บทที่251ประกาศสงครามพร้อมกัน



บทที่251ประกาศสงครามพร้อมกัน

“ผู้นำเฉิน เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของเราทั้งสองตระกูลที่มี มาหลายปี ผมขอแนะนำให้คุณอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ กลับไปเถอะครับ!”

ซูเฉิงอู่ทำหน้าเรียบเฉย และพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมาะสม

ถึงแม้ตระกูลซูกับตระกูลเฉินจะรู้จักกันมานาน แต่มันก็เป็นสิ่ง ที่เกิดขึ้นสมัยที่พ่อของซูเฉิงคู่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่พ่อของเขา เสียไป ตระกูลเฉินก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลซูเหมือนเมื่อก่อนอีก แล้ว

ถ้าตระกูลเฉินกับหยางเฉินเกิดเปิดศึกกันขึ้นมา เขาก็ไม่ลังเล เลยที่จะยืนอยู่ข้างหยางเฉิน

“ซูเฉิงอู่ นี่คุณกำลังข่มขู่ผมอยู่อย่างนั้นเหรอ?” เฉินชิงไห่ โมโหขึ้นมาทันที

ในสายตาเขา ซูเฉิงอู่ก็เป็นแค่คนรุ่นหลังของตระกูลที่รู้จักกัน มานานเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะกล้ามาต่อต้านเขาตรงๆ แบบนี้

ไม่มีทางที่เขาจะเข้าใจหรอกว่า สิ่งที่ซูเฉิงอู่เพิ่งพูดมาเมื่อกี้นั้น ไม่ใช่การข่มขู่แต่มันเป็นการเตือนสติเท่านั้น

ซูเฉิงอู่ถอนหายใจออกมา ฐานะที่แท้จริงของหยางเฉินนั้น เขา ไม่มีทางเปิดเผยแน่นอน
และเขาก็ได้พูดเดือนเฉินซิงไห่ไปแล้ว แต่ถ้าตระกูลเฉินยังจะ รนหาที่ตายอีก มันก็โทษเขาไม่ได้อีก

“ผู้นำเฉิน ผมไม่ได้ข่มขู่คุณ แต่สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณก็คือ ไม่ว่าใครก็ตาม ที่กล้าเปิดศึกกับคุณหยาง มันผู้นั้นก็คือศัตรูของ ตระกูลซู!”

ซูเฉิงอู่ทำหน้าแน่วแน่ และพูดต่อว่า “ต่อให้ต้องทุ่มกำลัง ทั้งหมดของตระกูลซู ผมก็ยอม!

ตึง!

คำพูดที่ทั้งองอาจและทรงพลังของเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรง นั้นต่างตกใจมาก

เพื่อลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านคนหนึ่ง ตระกูลถึงขั้นจะแตกหักกับ

ตระกูลเฉินเลยเหรอ?

แม้แต่เฉินชิงไห่เองก็ยังงง ตระกูลที่คบหากันมาค่อนชีวิต ตอนนี้กลับมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวเองซะแล้ว

มู่ตงเฟิงค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่า หยาง เฉินนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็สืบรู้แค่ว่า หยางเฉินนั้นเป็นแค่ลูกนอก สมรสที่ถูกตระกูลอวี่เหวินขับไล่ออกไปเท่านั้น

ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี่เหวิน แต่มันก็ไม่มากพอที่จะ ทำให้ซูเฉิงอู่ต้องมาปกป้องแบบนี้

“นี่คุณกำลังประกาศสงครามกับตระกูลเฉินอยู่ใช่มั้ย?”
เฉินชิงไห่ถามพร้อมกัดฟันแน่น

“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำเงินนั้น จะตัดสินใจยังไง!

ซูเฉิงอู่นั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน ด้วยท่าทางที่ทรงอำนาจ

“ได้ เมื่อเป็นแบบนั้น ฉันขอประกาศว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตระกูลเฉินแห่งเมือง โจวเฉิง ขอประกาศสงครามกับตระกูลชูแห่ง เจียงโจว!”

เฉินชิงไห่เน้นทุกคำออกมาอย่างชัดเจน

“บริษัทให่เต๋อ ขอประกาศสงครามกับตระกูลซูแห่งเจียงโจว!”

“บริษัทการผลิตตระกูลฉิน ขอประกาศสงครามกับตระกูล แห่งเจียงโจว!”

“ตระกูลเหวิน ขอประกาศสงครามกับตระกูลซูแห่งเจียงโจว!”

หลังจากคำพูดของเฉินซึ่งไม่สิ้นสุดลง เหล่าบรรดาเศรษฐีที่อยู่ ตรงนั้น ต่างก็พากันประกาศสงครามกับตระกูลซูขึ้นมา

คำพูดที่ทรงอำนาจ ดังก้องอยู่ในห้องจัดเลี้ยงครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพเหล่านี้ ทำเขาพวกแขกที่อยู่ในงานต่างช็อกไปตามๆ กัน แต่ทว่า ซูเฉิงคู่นั้นยังคงทำหน้าเรียบเฉย พร้อมกับสายตาที่ ค่อนข้างเฉยชา

หยางเฉินนั้นกลับยิ้มออกมาอย่างไม่มีพิษมีภัย แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่มู่ลงเฟิง “แล้วคุณล่ะครับ?”

ไม่มีใครคาดคิดว่าหยางเฉินที่กำลังถูกเหล่าเศรษฐีของเมือง โจวเฉิงกดดันอยู่ จะกล้าหันไปซักถามตงเฟิงแบบนั้น

มู่ตงเฟิงหรี่ตาแล้วยิ้มออกมา “ไอ้หนู แกคิดว่าแค่มีตระกูล กับลั่วปิง ให้ท้าย แล้วแกก็สามารถหาเรื่องตระกูลมได้แล้วอย่าง นั้นใช่มั้ย?”

หยางเฉินส่ายหน้า

“ไอ้หนู ในเมื่อรู้แล้วว่าไม่ได้ แล้วแกยังกล้าท้าทายตระกูล อีกเหรอ”

“นี่มันได้ใจเกินไปแล้ว แกคิดจริงๆ เหรอว่าเศรษฐีของเมืองโจ วเฉิงมากมายอย่างพวกเรา จะทำอะไรตระกูลซูกับต้าเหอกรุ๊ปไม่

ได้จริงๆ?”

“เจ้าบ้านมู่ ขอแค่คุณพูดมาคำเดียว ผมจะรีบจัดคน ไปทําสง ครามกับต้าเหอกรุ๊ปทันที!

บรรดาเศรษฐีของเมืองโจวเฉิงที่เพิ่งแสดงจุดยืนไป ตอนนี้ก็ รีบแย่งกันพูดประจบ กลัวแต่ว่าถ้าประจบช้าไป จนทำให้มองเชิง จําตัวเองไม่ได้

หยางเฉินออกมาอย่างไม่ชอบใจ มองไปยังผู่ตงเฟิงแล้วพูด ออกมาว่า “คุณมันเป็นใคร? คิดว่าตัวเองมีค่ามากพอที่จะ ท้าทายผมได้รึไง?”
พอคําพูด ถูกพูดออกไป ทุกคนต่างช็อกไปตามๆ กัน

รอยยิ้มบนใบหน้าของตงเฟิงนั้นถึงกับเกร็ง เขานึกไม่ถึงว่า วัยรุ่นคนหนึ่งจะกล้าพูดจาแบบนี้กับเขาได้

“ไอ้หนู แกยั่วยุฉันได้สำเร็จแล้ว แกควรรู้ไว้ ต่อให้อยู่ในเมือง เอก ก็ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้กับฉัน!” สายตาของอู่ตงเฟิงนั้นเต็ม ไปด้วยเยือกเย็น

“ไม่ต้องพูดอะไรที่มันไร้สาระพวกนั้นแล้ว ในเมื่อต้องการจับ

ตัวผม ก็เข้ามาได้เลย!”

หยางเฉินเอามือไขว้หลัง พร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ย

ว่าด้วยเรื่องกำลัง ยังไม่มีใครเคยทำให้เขาต้องกลัวมาก่อน!

ว่าด้วยเรื่องทรัพย์สิน แค่เขียนเฉินกรุ๊ป ก็มีทรัพย์สินมากว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้แล้ว

ถ้าเทียบกับเขา ต่อให้เป็นจิ๋วโจว จะมีสักกี่คนที่เทียบเขาได้ หยางเฉินในตอนนี้ สีหน้าได้ใจ ราวกับไม่มีคนพวกนี้อยู่ใน สายตาเลย

“ประธานลั่ว จำหน้าของคนพวกนี้ไว้ให้ดี ภายในสามวัน ผม ต้องการให้พวกเขาสูญสิ้นทุกอย่าง!”

จู่ๆ หยางเฉินก็หันไปพูดกับลั่วปิง

“ประธานลั่ว ผมก็เอาด้วย!”

ซูเฉิงอู่พูดออกมา
มุมปากของลั่วปิงแย้มขึ้น “ถ้ามีผู้นำชูคอยช่วย ยังต้องใช้ เวลาถึงสามวันอีกเหรอครับ? ภายในวันนี้ ก็สามารถทำให้พวก เขาสูญสิ้นทุกอย่างแล้ว!”

“ฮ่าฮ่า สามหาว!”

มู่ตงเฟิง โกรธจนต้องหัวเราะออกมา จึงพูดออกมาเสียงดังว่า “คิดว่าตระกูลมู่ของฉันมันรังแกง่ายขนาดนั้นเลยใช่มั้ย?”

“กล้ามาพูดจาแบบนี้กับเจ้าบ้าน ก็เท่ากับรนหาที่ตาย! เฉินชิงไห่โบกมือ แล้วสั่งบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า “ไป ไปจับไอ้หนูนั่นมาให้ฉัน!”

หลังจากที่เขาพูดจบ บอดี้การ์ดสองคนก็เดินไปที่หยางเฉินอ ย่างพร้อมเพรียงกัน

ลั่วปิงสีหน้าเคร่งขรึม “ดูซิว่าใครกล้า?”

ทันใดนั้น บอดี้การ์ดที่ทั่วถึงพามาก็ก้าวออกมาพร้อมกัน แล้ว ยืนบังหยางเฉินเอาไว้

“พวกแกก็ไปด้วย!!

มู่ตงเฟิงสั่งบอดี้การ์ดของตนเอง

ชั่วขณะหนึ่ง บอดี้การ์ดเจ็ดแปดคนได้ยืนล้อมพวกหยางเฉิน เอาไว้

ลั่วปิง นพาบอดี้การ์ดมาแค่สี่คน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ ปกป้องพวกเขาได้
พอเห็นแบบนั้น ทุกคนต่างตกใจไปตามๆ กัน

เจิ้งเหม่ยหลิงที่เพิ่งถูกหยางเฉินตบจนกระเด็นเมื่อกี้ กำลังทำ หน้าโหดเหี้ยม ความแค้นที่เธอมีต่อหยางเฉิน มันได้มาจนถึงขีด สุดแล้ว

สําหรับเธอแล้ว หยางเฉินต้องตายเท่านั้น ความแค้นของเธอ ถึงจะลบล้างหายไปได้

ไม่เพียงแค่เธอ ทุกคนในตระกูลโจวต่างก็ทำหน้าเย็นชา

เหมือนกัน

โดยเฉพาะโจวซุ่ย ที่แววตานั้นมีแต่ความตื่นเต้น

เธอรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้ว ขอแค่หยางเฉินตายไป เธอก็ สามารถกลับไปใช้ชีวิตที่สงบสุขในวิลล่าบนยอดเมฆาได้อีกครั้ง

“พวกคุณนี่มันช่างกล้าจริงๆ ที่บังอาจลงไม้ลงมือกับคุณหยาง ช่างเป็นความกล้าของคนที่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ!

ซูเฉิงออกมาอย่างไม่ชอบใจ ในใจนั้นยังคงคาดหวังว่า ถ้าคนพวกนี้รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของหยางเฉิน แล้วพวกเขาจะรู้สึก ยังไง?

ลั่วปิงเองก็ไม่ต่างกับเขา รู้สึกคาดหวังเหมือนกัน

พวกเขารู้ดี ว่าการที่หยางเฉินอยู่ด้วย ไม่ว่าใครก็ทำอะไรพวก เขาไม่ได้ทั้งนั้น

หลังจากวันนี้ เมืองโจวเฉิงต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน

“ซูเฉิง คุณอย่าลืมนะว่า ที่นี่คือเมือง โจวเจ๋ง กะอีแค่คนนอก พื้นที่อย่างคุณ จะสร้างปัญหาได้สักเท่าไหร่เชียว?”

เฉินชิงไห่พูดด้วยดวงตาที่แดง จากความโกรธ จากนั้นก็ มองไปยังลั่วปิง “แกอีกคน เป็นแค่ประธานของต้าเหอกรุ๊ปคิดว่า ตัวเองนั้นมีอำนาจล้นฟ้าแล้วใช่มั้ย บอกว่าจะทำลายตระกูลเฉิ นของฉันก็คิดว่าจะทำลายได้ง่ายๆ รึไง?”

“ไป จัดการสามตัวนี้ให้หนัก!

ตงเฟิงไม่อยากสาธยายต่อไปอีกแล้ว พอออกคำสั่ง พวก บอดี้การ์ดก็ลงมืออย่างพร้อมเพรียงกัน

“ตุบ!”

ในตอนนั้นเอง ก็มีเงาของใครบางคนปรากฏออกมาอย่าง

รวดเร็ว

โจมตีบอดี้การ์ดคนหนึ่งของตระกูลมู่ให้กระเด็นออกไป พร้อม

กับการปรากฏตัวอย่างน่าเกรงขาม

“ฉะ เฉียนเปียว!”

เมื่อมองเห็นว่าคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของหยานเฉินนั้นคือ ใคร ก็มีคนตกใจสุดขีดจนตะโกนออกมาเสียงดัง

เมื่อคืน เฉินซิงไห่กับมู่ตงเฟิงต่างก็เคยเจอเฉียนเปียวที่ร้านอา หารเปยชุนยวนแล้วไม่คิดว่าวันนี้เขาจะปรากฏตัวอีก

สีหน้าของทั้งคู่นั้นเคร่งขรึมขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ