The king of War

บทที่ 61 ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของแม่ยาย



บทที่ 61 ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของแม่ยาย

หยางเฉินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ราวกับว่าเขาชายกลุ่มร่าง กำยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย

ทันทีที่ขายร่างก๋ายคนแรงวิ่งเข้ามา และการโจมตีของเขายัง ไม่ทันได้สัมผัสกับศัตรู เขาก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างมหาศาลที่ กระทบกับหน้าอกของเขา

“ผบ!”

ด้วยเสียงกระแทกอันชัดเจน ร่างของชายกลอยขึ้นบน อากาศและกระแทกกับชายร่างกายที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาจนทุก คนกระเด็นออกไปพร้อมๆ กัน

คงไม่ต้องพูดถึงพลังแรงเตะของหยางเฉินว่ามันรุนแรงมากแค่ ไหน

จางกว่างถึงกับตะลึง ครั้งแรกที่เขาได้พบกับหยางเฉิน เขาก็ ถูกเตะจนกระเด็นเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเขาอยู่แค่คนเดียว เท่านั้น!

ซึ่งในวันนี้เขามาพร้อมกับชายร่างกายมากกว่าสิบคน แต่ กลับไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวของหยางเฉินได้เลย

มีค่าหนึ่งในบทกวีของหลไปได้กล่าวไว้ว่า “สิบก้าวต่อหนึ่ง ชีวิต พันก็ไม่อาจมีใครต้านทานได้
แม้หยางเฉินจะยังไม่ได้ฆ่าใคร แต่เพียงแค่ก้าวเดียวของเขาก็ สามารถอัดคนกระเด็นออกไปได้แล้ว แม้แต่คนที่ตั้งใจเข้าไป โจมตีเขาก็ต้องถูกเตะกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ด้วยการโจมตีครั้งเดียวของเขายังทำให้คน นับสิบต้องกระเด็นล้มลงกับพื้นไปด้วย

ซึ่งใช้เวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น ลูกน้องร่างกายนับสิบคนของ จางกว่างก็ต้องล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าอันเจ็บปวด

เหลือเพียงจางกว่างกับหวังลู่เหยาที่ยังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น และผู้คนที่ยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างประหลาดใจ

ฉินที่ถูกหยางเฉินจับมือไว้ก็รู้สึกอบอุ่นใจในทันใดนั้น ขอ เพียงได้อยู่กับเขา ต่อให้ต้องพบเจอกับภัยอุปสรรคยากเย็นแค่ ไหนก็ไม่ต้องหวั่นอีก

หัวใจของจางกว่างสั่นอย่างรุนแรง เดิมทีคิดว่าหม่าชาว ปรากฏตัวในวันนั้นก็แข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าชาย คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในวันนี้จะแข็งแกร่งกว่า

“เมื่อคุณบอกว่าคืนนี้จะให้น้องสาวผมนอนกับคุณเหรอ?” หยางเฉันเดินเข้าไปหาจางกว่างแล้วหยุดลงอย่างกะทันหัน

จางกว่างกลัวจนหัวหดมาตั้งนานแล้ว เขายังจะกล้าขอแบบนี้ ได้ยังไง?

เขาจึงรีบส่ายหัวตอบ “เปล่า ไม่มีทาง ผมจะคิดทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ได้ไง? คุณเข้าใจผิดไปแล้ว
“คุณยังบอกว่าถ้าคุณไม่ได้น้องสาวผมไป คุณจะหักแขนผม ไม่ใช่เหรอ?” หยางเฉินพูดอย่างเย้ยหยัน

จางกว่างตกใจจนเหงื่อท่วมตัวและปาดเหงื่อที่หน้าผากของ เขาแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “เปล่านะครับ ผมจะกล้าพูดแบบนั้นได้ ยังไง ไม่มีทางหรอกครับ

“ภรรยาคุณเพิ่งทำร้ายแม่ยายผมนะ แย่งของไปด้วย แล้วคุณ จะรับผิดชอบยังไง?” หยางเฉินยังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน

แม้จะเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่จางกว่างมองกลับกลัวจนสั่น ไปทั้งตัว

“ผัวะ!” จางกว่างไปที่หน้าของหวังลู่เหยาแล้วพูดด้วยความ โกรธ “ยัยโง่ วันๆ ไม่ทําอะไรเอาแต่หาเรื่องใส่ตัว ยังไม่รีบ คุกเข่าขอโทษคุณผู้ชายเขาอีก”

ถ้าปราศจากจางกว่าง หวังลู่เหยาก็ไม่มีอะไรอีก เธอจึงตกใจ แล้วคุกเข่าลงทันที “พริบ” “คุณผู้ชายคะ หนูผิดไปแล้วค่ะ หนูไม่ ควรก้าวร้าวเลย หนูไม่ควรทำร้ายแม่ยายของคุณจริงๆ ค่ะ”

“ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!”

หวังลู่เหยาสำนึกผิดไปด้วยแล้วตบหน้าตัวเองไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวแล้วจริงๆ เพราะเธอตบตัวเองอย่างไร ความปรานีเลย เธอดบตัวเองอย่างไม่หยุดไม่ยั้งจนในไม่ช้า ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้น

“ผมไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลหรอกนะ แต่คุณต้องบอกผมก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันสมเหตุสมผลผมจะปล่อยคุณไป” หยางเจ บพูดอย่างเฉยเมย

เมื่อฟังความจริงจากปากของหวังสู่เหย

ทุกคนที่ได้ยินก็รู้สึกละอายใจแทนเธอ

สรุปว่าหวังเหยาชอบสร้อยข้อมือหยกที่โจวซุยสวมใส่อยู่ เธอจึงแกล้งเข้าไปเดินซนโจวชุ่ยแล้วหักสร้อยข้อมือหยกของ เธอทิ้ง จากนั้นก็ให้โจวยชัยชดใช้เธอด้วยสร้อยข้อมือที่โจวซุย สวมใส่อยู่ ดังนั้นทั้งสองจึงเกิดความขัดแย้งขึ้นมา

จางกว่างถึงกับหน้ามืด หวังลู่เหยาเป็นภรรยาของเขาและยัง เป็นลูกสะใภ้ของหัวหน้าครอบครัวตระกูลจางอีกด้วย เธอ สามารถได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ แต่ทำไมเธอถึงทำเรื่องไร้ ยางอาย โดยการแย่งสร้อยข้อมือของคนอื่นอีกด้วย

หยางเฉินเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เขารู้จักตระกูลจางดี และ เขาก็รู้ว่าตระกูลจางนี้ถือเป็นตระกูลที่อยู่ระดับต้นๆ ของเจียงโจว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมีนิสัยแย่ พูดจาหยาบคายแถมยังมี พฤติกรรมที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลอีกด้วย

“คุณอยากได้อะไรบอกผมตรงๆ ก็ได้ ทำไมต้องไปแย่งของคน อินด้วย?” จางกว่างตะโกนด้วยความโกรธและเดินเข้าไปตบ หน้าเธออย่างรวดเร็ว

หวังเหยาที่ใบหน้าบวมช้ำก่อนแล้ว เมื่อถูกจางกว่างตบเข้าที่ กลางหน้าอีกครั้งก็ทำให้มีเลือดไหลออกจากมุมปากของเธอ
“ที่รัก ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่กล้าทําอีกแล้ว คุณอย่าฉันเลยนะ อย่าดิฉันเลย” หวังลู่เหยาที่ถูกจางกว่างตบตีจนนอนอยู่บนพื้นได้ แต่ร้องขอความเมตตาจากสามี

“พอที!” หยางเฉินตะโกนอย่างกะทันหันและทำให้จางกว้าง หยุดลง

สาเหตุที่เขาตบตีผู้หญิงคนนี้ก็เพราะเธอไปด่าว่าฉัน

แต่จางกว่างเป็นสามีของเธอนะ ต่อให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดแค่ ไหนเขาก็ไม่ควรใช้กำลังกับเพศตรงข้ามที่อ่อนแอกว่า ถ้าไม่ พอใจก็หย่าร้างกันก็ได้ การที่ผู้ชายลงมือทำร้ายผู้หญิงของตัว เองนั้นเป็นภาพที่ทุกคนมองแล้วน่ารังเกียจอย่างที่สุด

“คุณผู้ชายครับ ในเมื่อยมื้อคนนี้ทำผิด ผมจางกว่างก็ ขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ตอนนี้ผมขออนุญาตพาเธอไปกราบ ขอโทษคุณแม่ของคุณนะครับ” จางกว่างพูดอย่างรีบร้อน

หยางเงินอิ่มเสียงอย่างเย็นชาแล้วพาฉันเดินกลับไปในห้อง อาหาร ส่วนจางกว่างก็รีบพาหวังเหยาเดินตามไปด้วย

โจวซุ่ยที่เห็นลูกน้องร่างกำยำสูงใหญ่ของจางกว่างก่อนหน้า นี้ เธอก็ได้เดินกลับไปในห้องอาหารก่อนแล้ว

“แม่คะ ทำไมแม่ถึงกลับมาคนเดียว? หยางเฉินกับยียีล่ะ?” ฉันถามอย่างสงสัย

โจวซุ่ยดูไม่เป็นธรรมดาชาติและพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “พวก เข้าไปเช็กบิลแล้ว ให้เราไปรอที่รถก่อน
“อ้าว? แม่เพิ่งกินนะคะ ยังไม่อิ่มเลยไม่ใช่เหรอ?” ฉันถาม วยความสงสัย

“พวกเขาบอกว่ากินอิ่มกันแล้ว! เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเขารอ นานนะ” โจวยพูดไปด้วยแล้วมองไปที่ประตูห้องไปด้วยอย่าง เป็นครั้งคราว เพราะเธอกลัวว่าจางกว่างจะพาคนบุกเข้ามาที่นี่

แม้ฉันยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ แต่ในเมืองโจวชุ่ยพูดขนาดนี้ แล้วคงไม่ได้คิดจะหลอกเธอหรอก

“เสียวเสี้ยว เราไปกันเถอะ!” ฉันเก็บทรัพย์สินของเธอแล้ว จับมือเลี้ยวเลี้ยวเพื่อเตรียมออกจากห้องอาหาร

แต่ทันทีที่โจวซุยเดินไปถึงหน้าประตู ทันใดนั้นหยางเฉินกับ ฉันก็เดินกลับมา และข้างหลังพวกเขายังมีจางกว๋างกับหวัง เหยาเดินตามมาด้วย ซึ่งก็ทำให้โจวซุยตกใจจนวิญญาณแทบ จะหลุดออกจากร่าง

“พวก พวก พวกแกอย่าเข้ามานะ”

โจวยตกใจจนเดินถอยหลังกลับไปในห้องอาหารแล้วไป ที่หยางเฉิน แต่สายตากลับมองไปที่จางกว่าง “ไอ้หมอนั่นแหละ มันลงมือทําร้ายเมียนาย ฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ นายอย่าเข้ามา

“แม่ แม่เป็นอะไร?” ฉินซีจับมือเลี้ยวเลี้ยวแล้วเดินเข้ามา เมื่อ เห็นสีหน้าความหวาดกลัวของโจวซุยเธอก็ต้องสงสัยมากกว่า เติม

ฉันรู้สึกผิดหวังและพูดว่า “พี่เขยคะ พี่ไม่น่าไปช่วยคนอย่างแม่หนูเลย”

ซึ่งในขณะนี้ ปฏิกิริยาของแม่รวมไปที่ถึงคำพูดของน้องสาว ทำให้ฉันซีรู้สึกสับสนมาก

จางกว่างผลักหวังลู่เหยาแล้วพูดด้วยความโกรธ “ยังไม่รีบไป ขอโทษคุณนายท่านนี้อีกเหรอ!

หวังลู่เหยาจึงรีบถอดสร้อยข้อมือหยกออกมา ในขณะที่โจว ชัยยังคงประหลาดใจอยู่ หวังลู่เหยาก็ยื่นสร้อยหยกชิ้นนั้นด้วย มือทั้งสองข้างของเธอออกไป “คุณนายคะ หนูผิดไปแล้ว เมื่อกี้ ความโลภครอบงำความคิดหนู หนูก็เลยอยากได้สร้อยข้อมือ หยกของท่าน ตอนนี้หนูขอนำมาคืนให้กับเจ้าของนะคะ ได้โปรด ให้อภัยหนูด้วย”

โจวซุ่ยถึงกับผงะไป เธอไม่เข้าใจเลยว่าสะใภ้แห่งตระกูล จางจะมาขอโทษเธอได้อย่างไร? แถมยังเอาสร้อยข้อมือหยก ของเธอมาคืนด้วย

ใบหน้าของฉัน ค่อยๆ ซีดลงแล้วพูดกับโจวซุ่ยด้วยความ โกรธ “แม่คะ สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ