The king of War

บทที่ 20 กงกรรมกงเกวียน



บทที่ 20 กงกรรมกงเกวียน

จิน กอดจินแน่น เธอเองก็น้ำตาไหลจนเต็มใบหน้าเช่น เดียวกัน

“หยางเฉินเขามันเป็นไอ้สวะ นึกไม่ถึงว่าเธอจะยังเชื่อพูด ของเขา อะไรมาเอาโลกทั้งใบให้เธอ ไร้สาระ

โจวซุ่ยกลับไม่มีความปวดใจเลยสักนิด เธอพูดอย่างไม่รับ ฟังใดใดทั้งสิ้น “พวกเราทั้งหมดกำลังจะโดนขับไล่ออกจาก ตระกูลอยู่แล้ว แม้แต่ที่จะซุกหัวนอนก็ไม่มี เขารู้ว่าอยู่บ้านนี้ไปก็ ฉกฉวยอะไรไปไม่ได้ ดังนั้นก็เลยจากไปในตอนที่เธอล่ามากที่สุด เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อน และคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว”

คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนกับหนามทิ่มแทงเข้าไปในใจของ ฉัน อย่างโหดร้าย

“ถ้าหากว่าพวกเราโดนขับไล่ออกจากตระกูลจริง ๆ ก็ไม่มี อะไรเหลืออะไรเลย เสี่ยว เชื่อฟังแม่นะ ไปขอร้องของเธอเสีย ตอนนี้ ขอร้องให้เขาให้โอกาสเธออีกครั้ง ขอเพียงไม่โดนขับไล่ ออกจากตระกูล ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรก็ตอบตกลงเขาไป เธอรีบ ไป รีบไปสิ!” โจวซุ่ยร้องไห้ไปผลักฉันไป

หัวใจของฉัน ราวกับโดนทำลายจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิต มองโจวซุยด้วยใบหน้าสิ้นหวัง “ค่ะ หนูจะไปขอร้องเขา! ขอร้องให้พวกเขาปล่อยพวกคุณไป ต่อ ให้เขาจะให้หนูไปตาย ฉันก็จะรับปาก
เธอพูดจบก็ลุกขึ้นมุ่งเข้าไปในสายฝนที่ตกกระหน่ำราวกับ

ฟ้ารั่ว

“พี่คะ จินยีร้องตะโกนเสียงดังแล้วก็ตามออกไป

ฉันเพิ่งจะไล่ตามออกไปก็โดนโจวซุ่ยฉุดแขนเอาไว้ “นี่ เป็นเรื่องที่เธอก่อขึ้นมาเอง เธอต้องเป็นคนไปขอร้อง นายท่านถึง อาจจะยอมปล่อยพวกเราไป

“ออกไป!”

ฉันทุ่มแรงดิ้นให้หลุดออกจากข้อมือของโจวชุ่ย นี่เป็น ครั้งแรกที่เธอพูดจาแบบนี้กับแม่ของเธอ

รอจนตอนที่เธอตามออกไปไหนเลยจะมีเงาร่างของฉัน

คฤหาสน์ตระกูลฉิน

ประตูคฤหาสน์ของนายท่านฉิน เงารูปร่างสวยงามผอมบาง กำลังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น สายฝนที่กระหน่ำทำให้เธอเปียกปอนจน เหมือนกับลูกหมาตกน้ำไปนานแล้ว ลมหนาวที่เหน็บหนาวเสียด กระดูก ทุกอย่างที่ร่างกายแบกรับนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเศษเสี้ยว ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ

“คุณปู่คะ ขอร้องล่ะ ท่านให้โอกาสฉันหนึ่งครั้ง ขอเพียงท่าน ไม่ไล่พวกเราออกจากตระกูล ฉันจะยอมทุกอย่างค่ะ

ฉันพูดไปร้องไห้ไป น้ำฝนและหยาดน้ำตาบนใบหน้าผสม

ปนเปกันไปหมด
เธอคุกเข่าอยู่เป็นเวลานานท่ามกลางลมหนาวและสายฝน พัดกระหน่ำ ร่างกายอ่อนแอ โงนเงนกำลังจะล้มลงไป ถ้าหากไม่ ได้มีความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวเกรงว่าเธอจะล้มพับไปตั้งนานแล้ว

ระหว่างนายท่านฉินกับฉินซีมีเพียงแค่ประตูบานหนึ่งกัน ขวางเอาไว้ แต่ตอนนี้บนใบหน้าของนายท่านฉันเต็มไปด้วย ความเด็ดเดี่ยว แม้กระทั่งเสียงตอบรับแค่คำเดียวก็ไม่ยินยอม เปล่งออกมา

ด้านข้างคฤหาสน์ของนายท่านฉินก็คือบ้านของฉันเฟย ข้าง กายเขารายล้อมไปด้วยบุคคลที่มีความสัมพันธ์สายตรงของ ตระกูลฉินหลายคน ตอนนี้ทั้งหมดมองดูอยู่ข้าง ๆ อย่างเฉยเมย

“ผู้หญิงคนนี้หัวแข็งจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะคุกเข่าอยู่ท่ามกลาง สายฝนพัดกระหน่ำานานขนาดนี้เพียงเพื่อที่จะขอให้นายท่านให้ อภัย”

เธอไม่ได้หัวแข็ง แต่เธอไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ต่างหากล่ะ ออก จากตระกูลฉินไปเธอก็นับเป็นอะไรไม่ได้เลย

“ดูเหมือนครั้งนี้นายท่านฉินจะขับไล่ครอบครัวของพวกเธอ ออกจากตระกูลฉินจริง ๆ

ในตอนนี้เองประตูห้องของนายท่านฉินก็ถูกเปิดขึ้นอย่างฉับ พลัน จากนั้นก็เห็นพ่อบ้านเดินมาจนถึงประตู ในมือถือเอา เอกสารฉบับหนึ่งมา
ฉันเองก็มองเห็นเงาร่างนั้น จากนั้นก็ได้ยินพ่อบ้านอ่านสิ่ง ที่อยู่ในเอกสาร ประกาศฉบับนี้เป็นฉบับพิเศษ คำสั่งการของ ผู้นำหมายเลขเจ็ด จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในที่ ประชุมของตระกูล ทุกสาขาบริษัทภายใต้การบริหารของตระกูล ฉันมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้ขับไล่ครอบครัวของจีน ออก จากตระกูลฉิน ตัดชื่อออกจากแผนผังวงศ์ตระกูล เรียกคืนบ้าน พักของตระกูลฉิน!”

คริน!

ทันใดนั้นสายฟ้าแลบหลายสายก็ผ่าลงที่ขอบฟ้าราวกับจะ ฉีกท้องฟ้าออกจากกัน ฝนยิ่งโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น

ฉินซีที่เพิ่งจะกอดความหวังเล็ก ๆ เอาไว้ หลังจากที่ได้ยินคำ สั่งการของผู้นําร่างกายก็โซซัดโซเซ แขนขาไร้เรี่ยวแรง โดยสิ้น

เชิง

ในตอนนี้เองเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏที่ข้างกายของเธอทันที

“คำสั่งการของผู้นำ?”

“นึกไม่ถึงว่าคุณจะออกคำสั่งการของ ครอบครัวออกจากตระกูลจริง ๆ ?” ผู้นำไล่พวกเราทั้ง

“ตกลงฉันทําผิดอะไรเหรอ? พวกคุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้?

เพราะอะไร?

หลังจากสีหน้าของเธอไร้จิตวิญญาณไปในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอก็ให้ออกมาราวกับเป็นโรคประสาท
หยางเป็นที่มาปรากฏกายอยู่ข้างกายของเธอ ทั่วทั้งร่างเต็ม ไปด้วยรังสีสังหารที่เด่นชัด ตั้งแต่ออกจากชายแดนเหนือมา เป็นครั้งแรกที่ความปรารถนาที่จะเข่นฆ่าคนคนหนึ่งของเขา รุนแรงถึงขนาดนี้

“พี่เฉิน ผมจะไปฆ่าล้างตระกูลฉิน!” หม่าชาวเองก็มาปรากฏ กายอยู่ด้านหลังของหยางเฉิน สีหน้าเดือดดาลทั้งหน้า ก้าวออก ไปก้าวหนึ่งทำท่าจะพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ของนายท่านฉัน

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

หยางเฉินตะโกนด้วยความเดือดดาล น้ำฝนไหลลงมาตาม ปลายผมตกลงบนหน้าผากจนมาถึงดวงตากระหายเลือดทั้งคู่ แยกไม่ออกแล้วว่าเป็นน้ำฝนหรือน้ำตา

“ฉันอยากจะเห็นคนที่ตระกูลฉินทอดทิ้งในวันนี้ถูกพวก ตระกูลฉันไปขอร้องให้กลับไปในวันพรุ่งนี้กับตาตัวเอง” เสียง ของหยางเฉินเย็นชาจนถึงที่สุด

ตอนนี้ฉันไร้เรี่ยวแรงไปนานแล้ว หยางเฉินอุ้มเธอขึ้นมา เบา ๆ แล้วหายเข้าไปในท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำที่มีพลัง มหาศาล

หยางเฉินเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว รถออดี้ A6 สีดำ คันหนึ่งก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลฉิน จากนั้นก็เห็นชายวัย กลางคนสองคนที่ตรงหน้าอกมีบัตรพนักงานเยี่ยนเงินกรุ๊ปแขวน อยู่ รีบร้อนเดินลงมาจากรถ

“นายท่าน ท่าไม่ดีแล้ว คนของเยี่ยนเงินกรุ๊ปมาแล้ว ทนายหนึ่งคน คนจากทีมกฎหมายอีกหนึ่งคน คนคนหนึ่งวิ่งเข้าไป รายงานในที่พักของนายท่านอื่นอย่างรีบร้อน

ได้ยินดังนั้นนายท่านฉันก็มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นทันที รับ

ไปเชิญคนเข้ามา! ”

เพิ่งจะสิ้นเสียงของเขา คนก็มาแล้ว

“สวัสดีครับ!”

นายท่านฉันรุกเข้าไปข้างหน้า แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมา

ด้วยสีหน้าประจบสอพลอ

แต่ทั้งสองคนไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะจับมือตั้งแต่แรก ชายวัย กลางคนที่แขวนป้ายว่าทำงานเป็นหัวหน้าส่งสายตา ทนายที่อยู่ ข้างกายจึงนําหนังสือทนายความออกมาส่งให้กับนายท่านฉัน

“นี่คือหนังสือทนายความของเยี่ยนเงินกรุ๊ป ประธานฉันควร รับชดใช้ตามข้อตกลงในสัญญา ไม่อย่างนั้นก็รอขึ้นศาลได้เลย! หัวหน้าแผนกกฎหมายพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

ในตอนนี้คนอื่นที่อยู่ในตระกูลฉินก็มากันครบหมดแล้ว พอ พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ก็มีสีหน้ากังวลใจกันหมด

“หัวหน้าหวัง หลังจากที่พวกเราเซ็นสัญญา ก็ยังไม่ได้เริ่มร่วม งานกันเลย แล้วอย่างนี้จะผิดสัญญาได้อย่างไร?” ฉันเฟย ในตอน นี้ถามขึ้นอย่างกล้าหาญ

“หุบปาก! นายท่านฉินตะคอกฉันเพียอย่างเดือดดาล ต่อ ให้ตระกูลฉันไม่ได้ผิดสัญญา แต่ต่อหน้าเยี่ยนเงินกรุ๊ปพวกเขาก็จําเป็นต้องยอมรับไว้

หัวหน้าหวังกลับไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยฉันเฟยไป เขาหัวเราะ เย็นชาครั้งหนึ่ง “คุณคิดว่าเยี่ยนเงินกรุ๊ปกำลังรังแกพวกคุณอยู่ เหรอ?”

ฉันเฟยที่ในใจกำลังอัดอั้นความไม่เป็นธรรมเป็นอย่างมาก ก็กัดฟันพูด “หรือว่าไม่จริงล่ะ?”

“เพียะ!”

นายท่านฉินใช้หลังมือตบเข้าไปที่ปากของฉันเฟยหนึ่งฝ่ามือ แล้วจึงพูดด้วยความเดือดดาลว่า “แกหุบปากไปซะ!

โมโหเสร็จ นายท่านฉินก็มองไปที่หัวหน้าหวังทันทีแล้วพูด ว่า “หลานชายของผมไม่รู้ความ หวังว่าหัวหน้าหวังจะไม่ถือสา หาความอะไรกับเขานะครับ

“ช่างเถอะ ให้ผมคุยกับคุณให้ชัดเจนดีกว่า พวกคุณจะได้ไม่ เอาไปพูดกันมั่ว ๆ”

หัวหน้าหวังหัวเราะเสียงเย็นครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้รับ สัญญาหนึ่งฉบับที่ทนายเป็นคนส่งมาให้ เขาก็เปิดออกมาหน้า หนึ่ง จากนั้นก็ส่งให้นายท่านฉินโดยตรงแล้วพูดว่า “รบกวน ประธานฉันอ่านเนื้อหาในข้อพิเศษข้อสุดท้ายที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน หน้านี้ออกเสียงหน่อยครับ คนในตระกูลฉินของคุณจะได้เข้าใจ กันให้หมดง่าย ๆ หน่อยว่าที่จริงแล้วพวกคุณทำผิดข้อตกลงข้อ ไหนกันแน่?”
ถึงแม้ว่านายท่านฉินจะเตรียมตัวโดนผิดสัญญาไว้แล้ว แต่ ในใจก็ยังคงไม่ยินยอม รับเอาสัญญามาทันที หาเนื้อหาข้อ สุดท้ายทันที อ่านออกมาต่อหน้าสาธารณชน “จากการปรึกษา หารือร่วมกันอย่างเป็นมิตร ภายในระยะเวลาสัญญา ฝ่าย ข. จะ ต้องกำหนดให้ฉันเป็นผู้รับผิดชอบสัญญาในครั้งนี้แต่เพียงผู้ เดียว”

อ่านวรรคนี้ออกมาทุกคนในตระกูลฉินก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก นายท่านฉินยิ่งอ่อนแรงไปทั้งตัว ทันทีที่ก้นนั่งอยู่บนโซฟา

“จริงสี ประธานลั่วฝากให้ผมมาบอกต่อนายท่านฉิน ประโยคหนึ่งว่า ก่อกรรมไว้มากก็ต้องยอมรับผลกรรมที่ทำไว้ หัวหน้าหวังพูดอย่างเงียบเย็น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ