บทที่451:เกลียดผมไหม?
เผชิญกับดวงตาใสสะอาดของพิงกี้ เควินดึง สายตากลับ
เธอถามว่าจงเจตเป็นจิตแพทย์หรือเปล่า ถามเขา
ว่ารู้สึกเธอป่วยใช่ไหม……….. หรือว่า เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอะไรหรือ
เปล่า?
เธอไม่พอใจที่เขาคิดเองเออเอง ไม่ถามความคิด เห็นของเธอหรือเปล่า?
มือที่จับพวงมาลัยของเควินกำไว้แน่น กำไว้แน่น กว่าก่อนหน้านั้นเยอะ ราวกับว่าแบบนี้สามารถให้พลัง กับตัวเอง
เขาย้อนถามด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย “ทำไม
จู่ๆคุณถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
พิงกี้เม้มปากและยิ้ม “อืม…..จู่ๆรู้สึกแปลกใจขึ้น มา รู้สึกว่าเขาติดตามอารมณ์ของฉันมากไป อีกอย่าง เคารพคุณมากเกินไปและระมัดระวังฉันมากเกินไปด้วย ไม่เหมือนเป็นเพื่อนของคุณเลย
เหมือนผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่า
เธออารมณ์ไม่ดีก็จริง ร่างกายก็ไม่แข็งแรงเท่าเมื่อก่อน แต่สมองของเธอยังไม่ได้เสียนะ
แต่ว่าความหวังดีก็ยังคือความหวังดี เธอแยกแยะ ออกอยู่ ไม่อารมณ์ขึ้นเพราะเหตุนี้และรู้สึกตัวเองถูก เหยียดหยามหรอก……..เธอแค่รู้สึกแปลกใจจริงๆ อยากรู้ว่าการคาดเดาของตัวเองถูกไหม?
(( ” เควินมองมาที่เธออีก ถามอย่าง ระมัดระวังกลัวว่าจะไปกระตุ้นเธอ “ถ้าเขาเป็นจิต แพทย์จริงๆ คุณจะรู้สึกไม่ชอบใจหรือเปล่า?”
“ใช่จริงๆซะด้วย?” ไม่นึกเลยว่าพิงกี้จะรู้สึกดีใจ
ดีใจที่รู้สึกว่าตัวเองเดาถูก
“ที่จริงผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลยนะ แค่ อยากให้เขามาให้คำแนะนำกับคุณเฉยๆ ผมเป็นคนไม่ ถนัดพูดความในใจออกมา ถ้ามีคนที่สามารถทำให้คุณ เปิดใจพูดคุยกัน ได้ สามารถพูดความหดหู่ของในใจ ออกมา บางทีคุณอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้………ถ้าคุณ รู้สึกไม่ชอบ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว………
ผู้ชายที่แต่ไหนแต่ไรก็มาพูดจาน้อยอยู่แล้ว นาทีนี้ พยายามคิดหาวิธีมาอธิบาย แทบจะพูดปริมาณของคำ พูดทั้งสัปดาห์ออกมาแล้ว
พิงกี้ยิ้มละไมและกุมมือของเขาไว้ “ในเมื่อคุณหวังดี งั้นฉันก็ลองดูก็แล้วกัน”
“จริงเหรอครับ?”
“คุณคิดว่าฉันเป็นคนที่ไม่กล้าเปิดเผยอาการของ ตัวเอง เพราะกลัวการรักษาหรอคะ?” พิงกี้ยิ้ม สายตา หันไปมองที่นอกกระจกรถ เสียงนิ่งสงบแต่ห่างไกล “ว่า ไปแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองป่วยเหมือนกันค่ะ”
ที่ป่วยเหมือนจะเป็นวิญญาณของเธอ
ไม่รู้ร้อนรู้หนาว สงบเหมือนน้ำนิ่งอย่างไรอย่างนั้น เหมือนถูกปิดผนึกไว้ในค่ำคืนที่มืดมนชั่วนิรันดร์
กลับมาถึงL.K.Crystal วิลล่า พิงกี้กำลังจะขึ้นชั้น
บน แต่กลับมีแขกมา
คนที่มาคือเตชิต
ป้ามะลิเดินมารายงาน “คุณผู้หญิงคะ คุณเตชิต มาหาคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ จะไปเจอหน้าสักหน่อย มั้ยคะ? ถ้าไม่อยากเจอ ป้าจะได้บอกว่าคุณผู้หญิงไม่ อยู่ คุณผู้หญิงขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องก็ดีเหมือนกันค่ะ”
รถเพิ่งขับเข้ามาในวิลล่า เตชิตก็มาแล้ว เขาต้องเห็นรถขับเข้ามาแน่ๆถึงได้มาได้จังหวะพอดีเป๊ะๆอย่างนี้ ถ้าบอกว่าพิงกี้ไม่อยู่บ้าน หลอกใครๆก็ไม่เชื้อหรอก
เควินพูด “ถ้าคุณอยากเจอก็ไปเจอเถอะ ไม่อยาก เจอก็ไม่ต้องฝืนใจนะ”
“……ค่ะ” พิงกี้คิดๆแล้วก็ได้พูดว่า “เจอเถอะค่ะ”
มีอะไรต้องหลบหน้าด้วย
ไม่มีเลย
“ได้ งั้นผมไปห้องอ่านหนังสือนะ” เควินสัมผัส ที่หน้าเธอเบาๆ รู้สึกเป็นห่วง แต่ก็รู้ว่าตอนนี้สิ่งที่พิงกี้ ต้องการที่สุดก็คืออิสระและช่องว่าง
จงเจตบอกแล้ว ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือปรับเปลี่ยน อารมณ์ของพิงกี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีหรือ อารมณ์เสีย มีปฎิกิริยาต่อโลกภายนอกยิ่งเยอะยิ่งดี นี่ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น
เขาขัดขวางไม่ได้
แม้กระทั่ง ถ้าเตชิตไม่มาหา ไม่แน่เขาอาจจะยัง ต้องให้เตชิตมาที่นี่เที่ยวหนึ่งเลย
เจอหน้ากับเตชิตที่ห้องรับแขก ครั้งนี้ทั้งสองคน รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
พิงกี้คือขี้เกียจที่จะพูด เตชิตมองเธออยู่เป็นพักๆ อ้าปากแล้วปิดปาก คือไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง
เงียบไปสักพัก ยังเป็นพิงกี้ที่ถอนหายใจและพูด ก่อน “คุณอยากพูดอะไรกับฉันคะ คุณเตชิต?
“คุณเกลียดผมไหม?” เตชิตอยากถามเอาคำ ตอบมาก แต่พอพูดออกมาเขาก็รู้สึกเสียใจแล้ว
ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า เขาไม่ค่อยกล้าฟังคำตอบของ
เธอ
“ไม่เกลียดค่ะ” พิงกี้กลับพูดอย่างไม่ลังเล “ตอน ที่ฉันช่วยคุณ คือไม่อยากให้คุณตายด้วยน้ำมือของ ไกรสร ฉันอยากให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อ ตอนนี้เห็นคุณมี ชีวิตอยู่ดีๆ ฉันมีแต่จะดีใจกับคุณค่ะ”
“แต่ลูกของคุณ……
“คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ” พิง กี้หลุบตา เอามือวางไว้ที่หน้าท้อง “ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ ว่าจะมีผลกระทบถึงลูก ถ้าจะเกลียด…….ฉันคงต้อง เกลียดตัวเองมากกว่า”
“ขอโทษด้วย ผมยังติดค้างคำขอบคุณกับคุณ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ” ใบหน้าซีดเซียวของ พิงกี้เผยรอยยิ้มออกมา “พูดตามตรงนะคะ ที่จริงฉัน รู้สึกเสียใจมาก ถ้าฉันรู้ว่ากระสุนนัดนั้นจะมาทำร้าย โดนลูก ฉัน….. คุณแล้วค่ะ” ก็คงไม่มีความแน่วแน่ขนาดนั้นที่จะช่วย
เพียงแค่ความใจร้อนและความชอบธรรมของนาที นั้นทำให้เธอบังอยู่ที่ตรงหน้าของเตชิต ไม่อยากให้เขา เจอโศกนาฏกรรมที่พ่อลูกฆ่าแกงกัน แต่ถ้าค่าตอบแทน ใหญ่ขนาดนี้ เธอไม่รู้จริงๆว่าภายใต้สถานการณ์ที่รู้ค่า ตอบแทน ยังจะตัดสินใจทำแบบนี้ไหม?
เพราะอย่างไรซะเธอคือคน ไม่ใช่เซียนนะ
เด็กกับเตชิตใครสำคัญกว่า เธอแยกแยะได้ แต่ ก็เพราะแยกแยะได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าตัวเองรับคำ ขอบคุณนี้ไม่ไหว
“ต่อไปอย่าพูดคำว่าขอบคุณกับฉันอีกเลยค่ะ” พิงกี้เปิดปากพูด “ฉันไม่อยากได้ยินคำขอบคุณของ คุณ เพราะคำขอบคุณนี้ยกย่องอยู่ภายใต้การตายของ ชีวิตๆหนึ่ง”
ฟังแล้วทิ่มแทงใจมาก
…อืม” เตชิตเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมา อีก “ผมขอโทษ”
“คุณไม่ต้องรีบขอโทษฉันหรอกค่ะ ที่จริง ไม่นาน อาจจะเป็นฉันที่ต้องกล่าวขอโทษคุณแล้ว ไม่แน่คุณก็ อาจจะเกลียดฉันก็ได้ค่ะ……” พิงกี้ยิ้มอ่อนๆและมอง ไปที่เตชิต
เตชิตอึ้ง
“คำพูดก่อนหน้านั้น สามารถเป็นโมฆะแล้วนะคะ พิงกี้พูดตรงมาก “คุณเตชิต ฉันจะให้ไกรสรชดใช้ให้ กับลูกของฉัน นั่นเป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับค่ะ!”
ก่อนหน้านั้นเธอเกลี้ยกล่อมเควินตลอด อยากให้ เควินร่วมมือกับเตชิต ส่วนเตชิตอยากใช้ความดีความ ชอบของตัวเองลดโทษให้ไกรสรจากโทษประหารชีวิต มาเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต เธอก็สนับสนุนเขาเหมือน กัน
แต่ตอนนี้ เธออยากให้ไกรสรตาย!
ส่วนเตชิตจะเกลียดเธอหรือไม่………อยากเกลียด ก็เกลียดเถอะ เธอไม่เป็นไรแล้ว
ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ
“ผมขอโทษ ขอโทษ…..”
เตชิตพูดพิมพา
มองดูพิงกี้อย่างอึ้งไปหลายวินาที สายตาของเขา มองจากใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอลงมาถึงเอวที่ผอม บางของเธอ ตอนที่เห็นเอวผอมบางของเธอ แล้วมองมา ที่ข้อมือที่เล็กจนราวกับว่าเขาแค่ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ล้อม เข้ามาก็สามารถก็ห้อมล้อมข้อมือของเธอแล้ว เตชิตรู้ ว่าเธอเจอเรื่องทุกข์ใจมาเยอะจริงๆ
ทั้งร่างกายและจิตใจ
ก้มหน้าไว้ เขาเอามือทั้งสองเสยผมไว้ เสียงที่แว่ว มาแฝงด้วยความหนักหน่วง “ผมไม่เกลียดคุณ ไม่เก ลียดจริงๆ………
เขาสอยากเอาชีวิตของตัวเองไปแลกกับเด็กที่เป็น ผู้บริสุทธิ์คนนั้น
เขาเงยหน้าขึ้น “ผมหาซินแสที่ดูที่ฮวงจุ้ยดีที่สุด และซื้อสุสานให้เด็กที่หนึ่งได้มั้ย?”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ