คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่401: จากไปโดยไม่ล่าลา



บทที่401: จากไปโดยไม่ล่าลา

ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ สิ่งที่น้ำหวานคาดหวังที่สุดก็คือ ไปจากตระกูลภักดีวัฒนากุล

ในฐานะที่เป็นคนปกติคนนึง เธอไม่อยากใช้ชีวิต อยู่ในความหวาดกลัวทั้งวัน ยิ่งไม่อยากให้ทุกคำพูด และทุกการกระทำของตัวเองถูกคนจับตาอยู่ตลอด เวลา อยู่ตระกูลภักดีวัฒนากุล ห้องของเธอกับดุสิต นอกจากห้องน้ำและห้องอาบน้ำไม่มีกล้องวงจรปิด เวลาที่เหลือเธอแทบจะไม่มีความเป็นส่วนตัวให้พูดถึง เลย

แม้แต่นัวเนียกับดุสิต ตระกูลภักดีวัฒนากุลยังถึง ขั้นกำหนดเวลาให้พวกเขา ทุกครั้งที่มีเรื่องอย่างว่าห้าม เกินสองชั่วโมง

พวกเขากลัวดุสิตจะใจอ่อนกับเธอ กลัวเธอจะ กลอกหูเขาแล้วให้เขาช่วยเหลือเธอ

ความรู้สึกดับไฟแต่ต้นลมแบบนั้นมันช่างน่ากลัว

จริงๆ

ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เควินจะขอพิงกี้แต่งงาน บวกกับแฝง ด้วยการข่มขู่เล็กน้อยให้พวกเขากลับมาในประเทศ ตระกูลภักดีวัฒนากุลยังอยากรับมือกับเควินอย่างไม่มี ความจริงใจต่อ ไม่แน่อาจจะไม่ให้เธอกลับมากับดุสิต ก็ได้
แต่ว่า พอวันนี้มาถึงจริงๆ เธอกลับลังเลอีกแล้ว

ในใจยิ่งมีความรู้สึกหมดพลังที่ลึกซึ้งโผล่ขึ้นมาอีก

“เธอไม่ยอมหรอ?” พิงกี้ค่อนข้างรู้สึกตะลึง หลัง จากมองเควินแล้วกลับคิดได้ทันที “อ๋อ…น้ำหวาน เธอ ตัดใจไปจากดุสิตไม่ได้ใช่มั้ย?”

“เธอตัดใจไปจากดุสิตไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อกี้ ยังเตรียมจะบังกระสุนให้ดุสิตอยู่เลย!” Aliceเริ่มแสดง การมีตัวตนอีกแล้ว “ถ้าให้ฉันพูดนะ ผู้ชายอย่างดุสิต ไม่คู่ควรให้แก่การฝังใจหรอก ดีสู้สายฟ้าของฉันก็ไม่ ได้! น้ำหวาน ฉันรู้สึกพายุก็ไม่เลวนี่ หรือว่าเธอมาคบกับ พายุมั้ย คริๆ…..เราสองคนแต่งงานกับสองพี่น้องนี้ ต่อ ไปเราก็จะสามารถไปไหนมาไหนด้วยกันไง!”

พิงกี้ “

ยัยตัวแสบคนนี้

แผนการของคืนนี้ Aliceเป็นคนเสนอออกมาเอง และปฎิบัติการเอง ถ้าตอนนี้เอาเธอโยนออกไปที่นอก ห้อง ก็ไม่รู้ว่าจะดีมั้ย? แต่ว่า ถ้าไม่โยนออกไป มันก็จะ กระทบกับการสนทนาที่จริงจังของพวกเธอมาก

พิงกี้ทุกข์ใจมาก
จากนั้น เธอก็เห็นเควินลุกขึ้นมาและดึงคอเสื้อ ของAliceไว้แล้วนิ้วเธอขึ้นมาเหมือนไก่น้อยตัวนึง หลัง จากAliceอึ้งไปหนึ่งวินาทีก็ได้เริ่มขยับแขนขา ขัดขืน ขึ้นมาอย่างเสียงดัง

เควินจับAliceที่ตะโกนเสียงดังเดินไปหลายก้าว โยนเธอไปที่ระเบียงอย่างไม่ใยดีเลยแม้แต่น้อย จากนั้น ก็ปิดประตูขังเธอไว้ที่ด้านนอก

“โพ่งๆๆ!”

Aliceย่ำเท้าด้วยความโกรธ ใช้แรงตบประตู กระจกของระเบียงอย่างสุดกำลังไปด้วยและตะโกน เสียงดังไปด้วย “เควินไอ้สารเลว นี่นายรังแกฉันหรอ! ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะพังประตูแน่!”

“เธอพักผ่อนอยู่ที่โซฟาด้านนอกสักพักและเล่น มือถือไปพลางๆก่อน เราคุยเสร็จก็จะปล่อยเธอเข้ามา เอง ถ้าเธอไม่เชื่อฟังล่ะก็ เธอโวยวายยังไง ฉันก็จะสั่ง สอนสายฟ้าอย่างนั้น เข้าใจหรือยัง?”

Alice ”

“หืม?” เควินหรี่ตาอย่างอันตราย

“อ๊าๆๆ!” Alice กุมศีรษะไว้และกรีดร้องเสียงเบา “ฉันได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว! ก็แค่ไม่ต้องโวยวายไม่ใช่หรือ เชอะ!”

พอพูดจบ เธอก็พุ่งไปที่โซฟาด้วยความโกรธ และ ถีบโซฟาทีนึง

ในห้อง เควินนั่งลงที่โซฟา และพูดอย่างเรียบเฉย “ไม่มีคนรบกวนแล้ว พวกคุณคุยต่อเลย”

“ค่ะ ค่ะ….” น้ำหวานพยักหน้าอย่างใจเสาะ แล้ว ตอบคำถามของพิงกี้ต่อ “ความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับดุสิตไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ที่เขาต้องไปพัวพันกับ องค์กรSC สาเหตุก็เพราะฉัน ดังนั้น…..ฉันจึงรู้สึกฉัน ทิ้งเขาไม่ได้”

เหลือบมองเควินไปทีนึง น้ำหวานมองมาที่พิงกี้แล้ว พูดต่อ “ ไม่รู้ว่าพอจะมีวิธีให้ฉันกับดุสิตหลุดพ้นจาก อันตราย ไม่พัวพันกับองค์กรSCอีกต่อไปมั้ย? ให้….ให้ เราเป็นสายลับจะได้มั้ย?”

นี่คือวิธีเดียวที่เธอจะคิดได้แล้ว

คำพูดนี้ถึงน้ำหวานจะถามพิงกี้ แต่เรื่องแบบนี้พิงกี้ ก็ตัดสินใจเองไม่ได้ ที่จริงเธออยากดูปฎิกิริยาของเควิน มากกว่า
“ไม่มีความจําเป็นต้องเป็นสายลับหรอกครับ” ภายใต้แววตาที่คาดหวังของน้ำหวาน เควินกลับส่ายหัว และพูดตามความเป็นจริง “ผมสังเกตเห็นความผิดปกติ ของคุณตั้งแต่ตอนที่เห็นข้อความของคุณแล้ว และผม ก็ได้ให้สายฟ้าตรวจสอบตระกูลภักดีวัฒนากุลมาตั้ง นานแล้ว หลักฐานที่พวกเขาทำความผิดมีเยอะมาก ณ ตอนนี้ดูจากหลักฐานต่างๆที่กุมอยู่ในมือของผมแล้ว ตระกูลภักดีวัฒนากุลไม่มีโอกาศใดๆที่จะสามารถรอด การพิจารณาตัดสินคดีเลยด้วยซ้ำ”

พอเป็นแบบนี้ปุ๊บ ก็ไม่จำเป็นต้องมีสายลับเลยด้วย

” น้ำหวานแน่นอกขึ้นมาทันที “รวมทั้งดุสิต ด้วยหรอคะ?”

พริบตาเดียว สีหน้าของน้ำหวานก็ดูแย่ลงทันที

พิงกี้อดสงสารไม่ได้ แต่ก็ได้เพียงปลอบโยนอย่าง หมดหนทาง “น้ำหวาน เธอบอกว่าดุสิตก็ถูกบังคับไม่ใช่ หรอ? ไม่แน่เขาอาจจะยังไม่ทันได้ทำเรื่องอะไรไปเลย ก็ได้ ถึงเวลาตัดสินโทษก็ไม่กี่ปีหรอก ถ้าเธออยากรอ เขา เวลาไม่กี่ปีจะว่ายาวมันก็ไม่ยาว จะว่าสั้นมันก็ไม่ สั้น”

“จริงหรอ?” แววตาของน้ำหวานเต็มไปด้วยความ

หวังอีกครั้ง
เธออยากให้กรรมตามสนองตระกูลถักดีวัฒนากุล มาก แต่ไม่อยากให้ดุสิตต้องติดร่างแหไปด้วย แต่ถ้าจะ ถูกตัดสินคดีจริงๆล่ะก็ แค่ไม่กี่ปีเอง เธอก็ยอมรอเขาอยู่

พิงกี้ไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย ที่จริงเธอเองก็ไม่แน่ใจ หรอก ได้แต่มองไปที่เควิน

ครั้งนี้ เควินได้ทําลายความหวังของนํ้าหวานอย่าง มีสติและใจเย็นอีกครั้ง “ไม่ว่าจะถูกบังคับหรือว่าสมัคร ใจเองก็ดี เท่าที่ดูจากหลักฐานที่อยู่ในมือของผม การ ทำค้าขายของตระกูลภักดีวัฒนากุลกับองค์กรSCใน ครึ่งปีมานี้ มี80%ที่ผ่านมือของดุสิต เขาไม่ใสสะอาด ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะตัดสินโทษแค่ไม่กี่ปี

“แล้ว……แล้วจะต้องถูกตัดสินโทษกี่ปีคะ?” สีหน้าของน้ำหวานยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ ในใจมีลาง สังหรณ์ไม่ดี

พิงกี้ก็ตื่นเต้นขึ้นมา

เธอตื่นเต้นปุ๊บ ก็ได้ดึงแขนเสื้อของเควินไว้ ราวกับ ว่าอ้อนวอนเขาอย่าพูดอะไรที่มันกระทบกระเทือน จิตใจเกินออกมา

แต่พูดจาโกหกไม่ใช่นิสัยของเควิน เขาก็น้อยมาก

ที่จะมาไม้อ้อมค้อม
ถูกพิงกี้ดึงปุ๊บ เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วและเม้มปากไว้ แน่น ไม่พูดอะไร

น้ำหวานส่ายหัวพร้อมยิ้มอย่างโศกเศร้า “คุณเค วิน คุณไม่ต้องคำนึงถึงอารมณ์ของฉันหรอกค่ะ คุณ พูดมาตรงๆเถอะ คุณพูดแล้วฉันก็จะได้รู้ แต่ถ้าเพื่อหวัง ดีกับฉันแล้วไม่บอกฉัน ไม่แน่ต่อไปฉันก็อย่าคิดจะได้ นอนหลับเลยค่ะ

มีเรื่องในใจ จะนอนหลับได้ยังไง?

“โทษประหารชีวิตครับ” เควินพูดสั้นๆเรียบง่าย ออกมาคำนึง ทำลายจินตนาการทุกอย่างของน้ำหวาน

กว่าจะแย่งน้ำหวานมาจากในมือของดุสิตไม่ใช่ ง่ายๆ พิงกี้ย่อมไม่ยอมส่งเธอกลับไปง่ายๆอยู่แล้ว จะ ได้เลี่ยงไม่ให้เธอไปตกเป็นตัวประกันที่เป็นเกราะกำลัง ของตระกูลภักดีวัฒนากุลอีก

ความหมายของพิงกี้คือตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป อยากให้น้ำหวานหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูล ภักดีวัฒนากุล และแยกทางกับดุสิต ถึงจะตัดใจไม่ได้ แค่ไหนก็จะถลำเข้าไปในดินโคลนเหม็นเน่าของตระกูล ภักดีวัฒนากุลไม่ได้
แต่ว่า ถ้าน้ำหวานวางใจดุสิตไม่ลงจริงๆล่ะก็ อันนี้ สามารถคิดหาวิธีดูว่าจะสามารถลดโทษให้ดุสิตได้มั้ย?

นี่ก็เป็นขีดกำจัดสูงสุดที่พวกเขาจะสามารถทำได้

แล้ว

คืนนี้ น้ำหวานถูกจัดให้นอนในห้องนอนหลักกับ พิงกี้ ส่วนเควินก็นอนที่ห้องอ่านหนังสือ สำหรับAliceที่ โมโหจนหน้ามุ่ยถูกสายฟ้าเอากลับไปตั้งนานแล้ว

เดิมทีน้ำหวานอยากปฎิเสธ ตัวเองหาห้องนอนใหม่ ก็พอแล้ว ไม่อยากรบกวนเควินกับพิงกี้ แต่มองดูพิงกี้ที่ ยุ่งนี่ทียุ่งนั่นที เธออ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก

เธอไม่อยากทำร้ายจิตใจของพิงกี้ เธอรู้ว่าพิงกี้คิด เผื่อเธอจากจริงใจ

พิงกี้ระมัดระวังมาก กลัวว่าน้ำหวานจะรู้สึก อึดอัด ก่อนนอนยังได้ให้พนักงานมาเปลี่ยนผ้าปูกับ ปลอกหมอนใหม่

หยิบรีโมทขึ้นมาปิดไฟดวงใหญ่ของห้องนอน พิงกี้ กวักมือให้น้ำหวาน “เอาล่ะ เราพักผ่อนกันเถอะ”

“อืม” น้ำหวานนั่งมาที่เตียง แล้วดึงผ้ามาห่มให้ตัว

เอง
เมื่อก่อน หน้าของน้ำหวานยังเบบี้แฟตอยู่เลย ถือว่าเป็นสาวสวยที่เอิบอิ่มคนนึง แต่ตอนนี้ ถึงแม้หน้า เธอยังกลมเหมือนแอ๊ปเปิ้ลอยู่ แต่กลับผอมกว่าเมื่อก่อน เยอะเลย สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

พิงกี้มองดูหน้าตาที่ซูบผอมไปเยอะของเธอ ทน แล้วทนอีก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว จึงถามด้วยความ ระมัดระวัง “น้ำหวาน ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านั้นเธอบอก ว่าเธอท้อง ทําไม.

ทำไมท้องไม่เห็นโตเลย?

น้ำหวานอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหัว “พิงกี้ ฉันไม่อยาก พูดเรื่องนี้แล้ว เรานอนกันเถอะ”

“อืมๆ โอเค” พิงกี้ไม่ฝืน

ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน ก็คงอยากมีความลับ บ้าง เธอต้องเคารพในความคิดของน้ำหวาน

คืนนี้พิงกี้ทั้งถูกขอแต่งงานอย่างโรแมนติก อีกทั้ง

ยังถูกเควินทรมานอยู่บนเตียงไปตั้งนาน นาทีนี้แค่นอน ลงไปก็หลับสนิทแล้ว แม้แต่น้ำหวานที่นอนอยู่ข้างกาย พลิกตัวไปมา เธอก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย
น้ำหวานนอนไม่หลับทั้งคืน

นอนพลิกไปมาอยู่บนเตียงถึงตีสี่จะตีห้า ก็ยังไม่รู้ สึกง่วงเลยสักนิด

เธอลุกขึ้นมาจากเตียงโดยตรง มองดูนอกหน้าต่าง ที่มีแสงสว่างอ่อนๆด้วยแววตาที่มืดมน

เธอไม่ได้กลับไปทั้งคืน ดุสิตก็น่าจะรู้การตัดสินใจ ของเธอแล้วมั้ง?

เมื่อคืนตอนที่เขาปล่อยเธอไป เขาก็รู้ว่าเธอตัดสิน ใจจะไม่พัวพันกับเขาอีกต่อไป และจะมองดูเขาดิ้นรน อยู่ในดินโคลนอย่างเดียวดายแล้วมั้ง?

น้ำหวานหายใจแรงๆ มือวางอยู่บนอก รู้สึกเพียง แค่คิดถึงปัญหานี้ ในใจเธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา ยากที่จะ ควบคุมมันได้

ยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่างไปสักพัก ความคิดยุ่งเหยิง ของน้ำหวานถูกเรียบเรียงใหม่

เธอหยิบมือถือออกมาอย่างเบามือและพิมพ์ ข้อความให้พิงกี้ข้อความนึง มองดูพิงกี้ที่หลับสนิทไป ครู่นึง เธอเช็ดน้ำตาที่อยู่ในหางตาทิ้ง จากนั้นก็จากไป อย่างเงียบๆ
พอประตูใหญ่ของห้องปิดปุ๊บ ประตูของห้องอ่าน หนังสือก็เปิดออกทันที

เควินยืนอยู่ที่หน้าประตู มองดูประตูใหญ่ที่ถูกปิด ด้วยแววตาที่คาดเดาไม่ได้ จากนั้นก็มองไปยังพิงกี้ที่ หลับสนิทแล้วส่ายหัว

“ก๊อกๆๆ!”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ดุสิตเงยหน้ามองไปที่ประตูในทันที บุหรี่ที่อยู่ในมือ กระดิกทีนึง เถ้าบุหรี่สีเทาท่อนนึงหล่นลงมาใส่ที่นิ้วมือ เขา ความเจ็บปวดที่ถูกแผดเผาทำให้สติของเขาตื่นตัว ขึ้นมาบ้าง

มีคนมาเคาะประตู คือใคร?

จะเป็นเธอหรือเปล่า?

ดุสิตคิดถึงตรงนี้ มุมปากก็มีรอยยิ้มที่ขมขื่น

น่าจะไม่ใช่เธอ คงจะเป็นคนที่เควินส่งมาจัดการ

เขาแน่เลย
น้ำหวานไม่อยู่ข้างกายเขา เควินก็ไม่ต้องลูบน้าปะ จมูกแล้ว เขาย่อมสามารถควบคุมเขาก่อน จากนั้นก็ล่ม สลายตระกูลภักดีวัฒนากุลทั้งตระกูลผ่านเขา……เขา ก็ช่างโง่จริงๆ รู้ว่าเควินไม่ใช่คนที่ใจอ่อน แต่เมื่อคืนก็ยัง ใจอ่อนปล่อยน้ำหวานไป

ถึงแม้ นาทีนี้เขาก็ไม่เคยเสียใจทีหลังเลยก็ตาม

มากสุดหลังจากถูกจับถึงตายเขาก็ไม่ปริปาก | หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายโดยตรงไปเลย อย่างนี้น่าจะไม่ พูด ทำให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย

ดุสิตเตรียมใจเสร็จ ก็เดินไปที่ประตู

เปิดประตูออกอย่างชิวๆ ตอนที่เขาเห็นผู้หญิงที่ ผอมบางและดวงตาแดงก่ำยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าที่เห งาหงอนยเศร้าซึมของเขาพริบตาเดียวได้กลายมาเป็น เซอร์ไพรส์และจนปัญญา “น้ำหวาน เป็นคุณได้ยังไง? ทำไมคุณถึงกลับมาอีก? คุณกลับมาอีกทำไม?!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ