คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่310:หนีรอดมาจากความตาย



บทที่310:หนีรอดมาจากความตาย

เห็นร่างเงานี้โผล่มา พิงกี้ที่ร้อนรนใจตาสว่างขึ้นมา

ทันที

แต่ว่า พอเธอเห็นเลือดที่อยู่บนตัวของผู้ชาย และ หน้าตาที่หมดเรี่ยวแรงจนจะทนไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้น หัวใจทั้งดวงตื่นเต้นขึ้นมาอย่างแรง เธอวิ่งเข้าไปหาเขา ด้วยความตื่นตกใจ “คุณเควิน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ คะ?!”

เห็นเควินทนไม่ไหว เธอรีบเอาแขนของเขาวางไว้บน ไหล่เธอ ใช้แรงของตัวเองแบกเขาไว้

“หลังจากกู้ระเบิดเสร็จ ข้างในยังมีอีกลูกนึง” เควิน อธิบายพร้อมลมหายใจที่หนักหน่วง

ระเบิดซ่อนระเบิด นี่เป็นอุบายห่วงสัมพันธ์ที่โหด เหี้ยมมาก ถ้าไม่ใช่เขาเห็นว่าผิดสังเกตุแล้วรีบหนีออกมา แค่ประมาทนิดหน่อย ไม่แน่ตอนนี้เขาก็คงจะตายอยู่ในนั้น แล้ว

แต่ถึงไม่ตาย ตอนนี้อาการของเขาก็แย่มาก

ในหูมีเสียงวๆดังอยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่เขาอ่านภาษาปาก ออก ไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำว่าพิงกี้พูดอะไร
เพราะแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง มีประตูหินบานนึง หล่นลงมาทับ ส่ตัวเขาทำให้เจ็บไปทั้งเนื้อทั้งตัว โดย เฉพาะขาข้างซ้ายมีสะเก็ดระเบิดหมเข้าไปด้วย ถ้าไม่ใช่ เขากัดฟันอดทนสุดขีด ป่านนี้คงเดินไม่ถึงประตูทางเข้า ด้วยซ้ำ

“แล้วตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ? เจ็บตรงไหน เปล่า…….. สายตาสํารวจไปรอบนึง พิงกี้เห็นขาที่เต็ม ไปด้วยเลือดของเขา แล้วนึกถึงเมื่อกี้เควินเคลื่อนไหวไม่ สะดวก นํ้าตาได้ไหลลงมาทันที “คุณเควิน ขาคุณได้รับ บาดเจ็บ?”

เควินไม่เห็นใบหน้าตรงๆของเธอ อ่านภาษาปากของ เธอไม่ได้ ได้ยินแค่ลางๆไม่มีคำ จึงได้แต่แยกแยะแล้ว ตอบ “ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ

“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะ?” พิงกี้ไม่เชื่อ เธอพูด กับนายพจน์ที่เดินมาข้างกายว่า “นายรีบไปขับรถมาเดี๋ยว นี้ ต้องส่งคุณเควินไปโรงพยาบาลด่วนเลย

“ครับ!” นายพจน์รีบวิ่งไปขับรถ

คำนึงถึงแผลของเควิน พิงกี้ไม่ได้ฝืนพาเขาไป เพื่อ ไม่ให้ขาของเขาเจ็บไปกว่านี้อีก
ปัดทําความสะอาดพื้นไปเล็กน้อย เธอให้เควินนั่ง ลงที่พื้น หยิบทิชชูเปียกที่เธอพกติดตัวอยู่ในกระเป๋าเช็ด คราบฝุ่นที่ติดอยู่บนใบหน้าและตัวของเขา แววตาเต็มไป ด้วยความสงสาร

ตอนที่เช็ดโดนใบหน้าที่ถูกกระแทกชนเขียวของ เขา เธอยังจิ้มด้วยความไม่พอใจ “กล้าหาญดีนัก อยาก ทุบฉันสลบดีนัก ตอนนี้คุณรู้จักเจ็บหรือยัง?

เควินเห็นหน้าตาที่โกรธจนขนตั้งเหมือนแมวของเธอ แล้ว รู้สึกหัวใจอ่อนนุ่มไปหมดและรู้สึกตลก

เผยความเจ็บออกมาเล็กน้อย ขมวดคิ้วไว้แน่น ก็เห็น สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเก็บเขี้ยวเล็บคืน สีหน้าได้เปลี่ยนมา กังวลและรู้สึกเสียใจทันที

เขาทนความเจ็บไว้และเปิดปากพูด “ผมไม่เป็นไร จริงๆ คุณสามารถรังแกผมต่อได้

“คุณนึกว่าฉันไม่กล้าหรือว่าอะไรกัน?” แค่คำพูด เดียวก็ทำให้พิงกี้ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ โยนทิชชูเปียกไปที่ บนตัวเขาและเท้าสะเอวพูด “เควินฉันจะบอกคุณให้นะ ถ้า ครั้งหน้าคุณยังทำแบบนี้อีก งั้นเราก็หย่ากัน! เพราะยังไง ซะฉันก็ได้ฮุบทรัพย์สมบัติขอบคุณมาเยอะขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร แค่ใช้เงินปันผลจากหุ้นที่ได้มาทุก ปีก็สามารถเลี้ยงแอ๊ปเปิ้ลจนโตแล้ว รอให้แอ๊ปเปิ้ลโต ฉันมี เวลาแล้ว ถึงเวลานั้นฉันจะไปหาคนที่หล่อกว่าคุณ เก่งกว่า คุณ แข็งแกร่งกว่าคุณ ให้ลูกชายคุณเรียกเขาว่าพ่อ เอา ให้คุณเครียดตายไปเลย!

เควิน “ …………………”

เขารู้สึกตอนนี้เขารูดซิปปากอยู่เงียบๆดีกว่า

ผู้หญิงเวลาแสดงฤทธิ์เดชขึ้นมา รับมือยากยิ่งกว่า เสือตัวเมียที่ลงจากเขาเสียอีก

เพื่อไม่แหวกหญ้าให้ตื่น ตอนที่เควินนำกำลังมา รวมถึงตอนที่รังสิตพาพิงกี้มา รถได้จอดอยู่ที่ไกล เพราะ เหตุนี้นายพจน์ไปๆมาๆก็ใช้เวลาสักพักกว่าจะขับรถมาถึง

หลังจากรถจอดสนิท นายพจน์โดดลงจากรถ พิงกี้รีบ ทําท่าให้เขาอย่างเสียง

เควินหลับไปแล้ว

ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในก็อาจจะ ได้ ภายใต้การปลอบโยนของเคนได้ลงไปลาไหล่ของเธอ

นายพจน์เห็นภาพนี้แล้วได้เคลื่อนไหวอย่างเบาๆ

ตอนที่ประคองเควินขึ้นมาจากพื้น เขาสะดุ้งตื่น ดวงตาที่เหมือนอิทรีย์ลืมตาขึ้นมาทันที แววตาเต็มไปด้วย ความเฉียบคมและเย็นชา เห็นคนที่ประคองเขาคือพิงกี้กับ นายพจน์ ถึงเก็บความเย็นชาของสายตาไว้ และหลับตา ลงเบาๆอีกครั้ง

เรื่องของชั้นใต้ดินยังจัดการไม่เสร็จ แต่พิงกี้ไม่มี เวลามาสนใจเยอะขนาดนี้แล้ว

ถึงเควินไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่รังสิตอยู่ ที่นี่ก็ไม่เกิด เรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมาหรอก เธอจึงพาเควินไปก่อน สถานการณ์หลังจากนี้ ถึงเวลาเธอค่อยถามรังสิตก็ได้ เหมือนกัน

เพราะความที่ไว้ใจเตชิต พิงกี้ขึ้นรถปุ๊บก็ได้พูด กับนายพจน์ที่ขับรถอยู่ว่า “ไปโรงพยาบาลของตระกูล มหาเจริญศิลป์” ทางไปโรงพยาบาลของตระกูลมหา เจริญศิลป์ก็ไม่ถือว่าไกล ถ้าขับเร็วหน่อยครึ่งชั่วโมงก็ถึง แล้ว

“ไปโรงพยาบาลอื่น” เควินที่พักผ่อนอย่างสงบกลับเปิดปากพูดว่า “ไปโรงพยาบาลB ขับรถไวหน่อยก็พอ”

“ไปโรงพยาบาลของตระกูลมหาเจริญศิลป์ไม่ดีกว่า หรอคะ? หรือว่า คุณมีเพื่อนสนิทอยู่ที่โรงพยาบาลB?”

“ใช่ ดนัยอยู่ที่นั่น” เควินอธิบาย

“แต่ไปโรงพยาบาลBต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ คุณจะทนไหวหรอคะ?”

“ไหว”

“คุณเควิน…..….”

“คุณวางใจเถอะ อาการของผมรู้ดี” เควินลืมตา ขึ้น แววตาที่ดำเข้มเผชิญกับแววตาที่กังวลของพิงกี้ แวว ตาของเขามีความเอ็นดูโผล่ขึ้นมา กุมมือของพิงกี้ไว้ “ไม่ ต้องเป็นห่วงผม เชื่อฟังนะ…..…….

“ ……ค่ะ” ในที่สุดพิงกี้ก็เงียบลงมา

ในขณะเดียวกัน แก้มของเธอก็รู้สึกร้อนผ่าว

ตอนที่เธอเหลือบมองกระจกมองหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่เผชิญกับสายตาของนายพจน์ ถึงแม้เขาได้ดึง สายตากลับตั้งนานแล้ว แสร้งทำเป็นไม่ได้ติดตามพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง ใบหน้าของเธอก็แดงยิ่งขึ้นไปอย่างควบคุม ไม่ได้

พอมาถึงโรงพยาบาล เควินไปตรวจร่างกายแล้ว พิง กี้ก็เรียกนายพจน์มา “นายมีเบอร์ติดต่อของรังสิตมั้ย?”

“มีครับ คุณผู้หญิงจะเอาเบอร์ของเขามั้ยครับ?

“อืม แจ้งเบอร์ให้ฉันหน่อย” เธออยากถามดูว่า สถานการณ์ของฝั่งนู้นเป็นยังไงบ้าง

หลังจากได้เบอร์ของรังสิตแล้ว พิงกี้ถามนายพจน์ว่า “ตอนที่เราถอยทัพ รวมทั้งพาตัวหยาดทิพย์ออกมาด้วย ใช้เวลาไปนานเท่าไหร่?

“หนึ่งนาทีกว่าๆครับ” นายพจน์ตอบ

ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ ถึงหมอที่ฝีมือดีที่สุดก็ไม่ สามารถทำให้หยาดทิพย์ที่ถูกกรีดหน้าอกกลับคืนสู่สภาพ เดิมได้หนึ่

เพราะเหตุนี้ หลังจากพบว่ามีระเบิด พวกเขาต่างก็

ใจร้อนขึ้นมา

ในยามคับขัน หมอที่ทำการผ่าตัดให้หยาดทิพย์บอกว่าเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ ในชั้นใต้ดินได้เตรียม รถพยาบาลเคลื่อนที่ไว้หลายคัน ขอแค่นําหยาดทิพย์ขึ้น ไปบนรถได้ เขาก็มีความมั่นใจว่าจะรักษาชีวิตของหยาด ทิพย์ได้

ที่ยิ่งโชคดีกว่าคือ ห้องเก็บรถพยาบาลเคลื่อนที่ก็ อยู่ห้องถัดไปจากพวกเขาเฉยๆ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงได้ น่าหยาดทิพย์ออกมาอย่างง่ายดาย

พิงกี้พยักหน้า และพึมพำอยู่คนเดียว “หนึ่งนาที กว่า………

ระยะเวลาสั้นขนาดนี้ เพียงพอให้ลิสาและพวกหนึ่ เอาชีวิตรอดได้หรอ?

ตอนที่อยู่บนรถเธอก็คำนวนไปคร่าวๆแล้ว เพราะเค วินกู้ระเบิดได้ไวมาก ระเบิดลูกแรกยังไม่ถึงเวลาด้วยซ้ำ ระเบิดลูกที่สองก็ระเบิดแล้ว ถ้าพวกของลิสายึกยักชักช้า หน่อย ไม่แน่พวกเขาอาจจะเดินไม่ถึงประตูทางออกอีกฝั่ง ของชั้นใต้ดินด้วยซ้ำ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ