คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่494.ดุสิตถูกกักตัว



บทที่494.ดุสิตถูกกักตัว

แววตาของดุสิตมืดครึ้มและเฉียบคม นัยน์ตาสีดำ จ้องมองเขาไว้ ตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือด แค่ดูก็รู้ว่า อิดโรยจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน

ถูกสายตาแบบนี้จ้อง ถึงพายุเป็นคนที่เคยเห็นนอง เลือดจนชินก็ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

แม่ง น่ากลัวเกินไปแล้ว!

แต่ว่า พายุถูกขู่มาตั้งแต่เด็กจนโต จะขายหน้า เพราะถูกจ้องแค่นี้ได้ยังไง?

ทันใดนั้น พายุก็ปรับอารมณ์ได้ เขาจ้องกลับไป ด้วยความหงุดหงิด “ทำไม ไม่ได้หรือไง?

“ก็ไม่ได้อยู่แล้ว น้ำหวานเป็นแฟนของฉัน!” ดุสิต ตะคอกด้วยความหงุดหงิด “เธอกับนายเดซิดนี้มันยังไง กันแน่ นายพูดมาให้ชัดเจยเลย!”

“นายให้ฉันพูด ฉันก็ต้องพูดงั้นเหรอ?” พายุหัว เราะเหอๆะ “ถ้าฉันถามเรื่องของตระกูลภักดีวัฒนากุล กับนาย นายก็จะให้ความร่วมมือ พูดหมดเปลือกมั้ย?”

สายตาที่ดุสิตจ้องเขายิ่งเฉียบคมขึ้นไปอีก เสียง หายใจดังฮึดฮาดเหมือนเสียงเครื่องเป่าลมอย่างไร อย่างนั้น
เห็นเขาที่เป็นแบบนี้ สมาชิกของหน่วยสลับทั้งสอง ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพายุได้กำปืนแน่นขึ้น ถ้าหากดุสิ ตมีปฎิกิริยาที่ดุเดือดเกินไป พวกเขาก็จะได้รับมือทันใน เวลาแรก

แต่ว่า ดุสิตไม่ได้ทำอย่างนั้น

เขานั่งลงบนพื้นอีกครั้ง แววตาได้กลับไปว่างเปล่า และไม่รู้จะทำยังไงเหมือนก่อนหน้านั้นต่อ วิญญาณได้ หดกลับเข้าไปในพื้นที่เล็กๆของเขาอีกครั้ง ขัดแย้งกับ ทุกอย่างของโลกภายนอก

“หัวหน้าครับ ชั้นบนตรวจค้นเรียบร้อยแล้วครับ ผมได้พบข้อมูลบางอย่างที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของห้อง อ่านหนังสือครับ”

“หัวหน้าครับ ชั้นล่างตรวจค้นเรียบร้อยครับ ไม่พบ สิ่งของที่ต้องสงสัยครับ

“หัวหน้าครับ ชั้นใต้ดินตรวจค้นเรียบร้อยแล้วครับ ผมพบของพวกนี้…..ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์หรือเปล่า ครับ?”

สมาชิกต่างก็มารวมตัวกันแล้ว พายุจัดเก็บสิ่งของ ที่พบ ทำไมดูแล้วเหมือนไม้ได้พบของสำคัญอะไรเลย ทันใดนั้นเขาขมวดคิ้ว “ปิดล้อมบ้านหลังนี้เอาไว้ จาก นั้นก็ส่งคนมาตรวจสอบอย่างระเอียด ไม่แน่อาจจะพบหลักฐานอะไรเพิ่มขึ้น”

“รับทราบครับ

มีคนถามขึ้นมาอีก “หัวหน้าครับ แล้วเราจะจัดการ

คนๆนี้ยังไงครับ?”

คนๆนี้เห็นได้ชัดว่าก็คือดุสิต

พายุมองดุสิตแล้วถอนหายใจ ไม่นึกเลยว่าตัว เองจะรู้สึกเห็นใจเขา “เขาเป็นผู้ต้องสงสัย นำตัวไปที่ สถานกักกัน”

เรื่องที่ดุสิตถูกคุมตัวไปที่สถานกักกัน น้ำหวานรู้ใน เวลาแรกเลย

เธอเป็นคนเรียกร้องพิงกี้เอง เพราะอย่างซะเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับเธอ ไม่ว่าสถานการณ์เป็นยังไง เธอก็ อยากให้ตัวเองมีสิทธิ์รู้ แต่ไม่ใช่ถูกปิดบังเอาไว้

แต่ว่า ตอนที่พิงกี้มาบอกเรื่องนี้ เห็นพิงกี้มีสีหน้า ที่ละอายใจและเกรงใจ น้ำหวานก็อดเสียใจไม่ได้ “พิง กี้ ฉันไม่ได้ตำหนิเธออยู่ในใจแน่นอน ฉันบอกเธอ ว่าไม่อยากให้เธอปิดบังฉัน เพราะฉันแค่อยากรู้ว่า สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง กลัวตอนที่พวกเธอไม่ให้ฉันรู้เพื่อปกป้องไม่ให้ฉันโดนทำร้าย จะเสียสละมากไปกว่า

นี่คือความคิดจากใจจริงของเธอ

ตามวิธีทำของพิงกี้ ถ้าผลลัพธ์ที่ได้ดีทุกคนต่าง ก็ดีใจก็แล้วไป แต่ถ้าจัดการเรื่องได้ไม่ดี คนอื่นอาจจะ ไม่ว่าเธอที่ถูกปิดบังเอาไว้ แต่พิงกี้จะต้องถูกคนโจมตี แน่นอน

นี่ไม่ใช่สิ่งที่น้ำหวานอยากเห็น

เดิมทีนี่ก็เป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว ทำไมต้องให้ เพื่อนตัวเองมาแบกรับด้วย?

พิงกี้เห็นเธอเป็นเพื่อน เธอก็เช่นกัน เธอก็ไม่อยาก

ให้เรื่องของตัวเอง ทำให้พิงกี้ถูกวิพากวิจารณ์

“อืม ฉันรู้แล้ว” พิงกี้ก็รู้สึกอึดอัดจริงๆ ตอนที่พิง กี้เสนอความคิดเห็นออกมา เธอก็คิดทบทวนอยู่ว่าตัว เองมั่นใจว่าถูกต้องอยู่ตลอดเวลาเกินไปหรือเปล่า? แทรกแซงเกินไปหรือเปล่า? แต่พอพูดเคียร์กันแล้ว ที่ จริงก็ไม่ได้ตกที่นั่งลำบากขนาดนั้นแล้ว

“แต่ว่า ตอนนี้ดุสิตถูกนำตัวไปฝากขังที่สถาน กักกัน เธอกะว่าจะทำยังไงต่อ จะไปเยี่ยมเขาหน่อย มั้ย?” พิงกี้ถามอีก
” นําหวานก้มหน้าคิดๆแล้วตอบ “ฉันอยาก ไปเยี่ยมเขา”

เพราะอย่างไรซะก็เคยอยู่ด้วยกันมา ไม่ว่ายังไง เรื่องที่ประสบพบเจอก็ไม่ใช่ดุสิตทำร้ายเธอ เธอกับเขา แค่ไปต่อด้วยกันไม่ได้เฉยๆ ยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนมาเป็น ศัตรูกัน

“เธอจะไปเมื่อไหร่? ฉันให้พายุไปส่งเธอ แถวนี้ ไม่ค่อยมีรถแท็กซี่ ไหนๆพายุก็ว่างอยู่ สู้ให้เขาไปเป็น เพื่อนเธอสักหน่อยจะดีกว่า ”

“อืม โอเค” น้ำหวานกอดพิงกี้ด้วยความซาบซึ้ง “พิงกี้ ขอบคุณนะ”

พิงกี้ก็ยิ้มตาหยี

ส่วนพายุที่ถูกพูดถึงก็ได้จามเสียงดังทีหนึ่ง เขาขยี้ จมูก “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีคนกำลังคิดถึงฉันวะ?”

เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกเม้าท์ หลังจากจามเสร็จ ก็ได้จัดเก็บหลักฐานทุกอย่างที่ค้นหาเจอในบ้านภักดี วัฒนากุลต่อ

พอพายุว่าง พิงกี้ได้บอกกับเขาว่าน้ำหวานอยากออกไปเที่ยวหนึ่ง พายุไม่ลังเลก็หยิบกุญแจรถแล้ว “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะส่งน้ำหวานไปอย่างปลอดภัย พากลับมาอย่างผมไม่ให้ร่วงสักเส้นเลยครับ”

“อืม” พิงกี้พยักหน้า

แต่ว่า มองดูพายุกับน้ำหวานที่เดินจากไป จู่ๆเธอ รู้สึกมีตรงไหนผิดสังเกตก็ไม่รู้ รู้สึกพายุจะเป็นห่วงน้ำ หวานมากเป็นพิเศษ

ตอนที่เธอเล่นกับน้องแอ๊ปเปิ้ล ฟังน้องแอ๊ปเปิ้ล กำลังฝึกพูดอยู่ จู่ๆเธอถึงตระหนักรู้ขึ้นมาทันที

พายุสนิทกับน้ำหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้เรียกชื่อ ของน้ำหวานอย่างสนิทสนมเหมือนเธอ

นี่มันผิดสังเกตจริงๆนะ!

ผิดสังเกตมากๆ!

“พายุ วันนี้รบกวนนายแล้วนะ”

หลังจากขึ้นรถ น้ำหวานก็พูดกับพายุด้วยมารยาท ผลปรากฎว่าสิ่งที่แลกมาคือสายตาที่เหมือนเห็นผีของ พายุ เหมือนกับว่าเมื่อก่อนน้ำหวานไม่เคยมีสีหน้าดีกับ เขาเลยอย่างไรอย่างนั้น
ขนาดนั้นเลยเหรอ ?

“ทําไมเหรอ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอถาม

“อ้อ เปล่าๆครับ…..” พายุเกาหัว หน้าที่อาบแดด จนเป็นผิวสีน้ำผึ้งได้แดงก่ำขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขารีบเปลี่ยนประเด็น “อ้อ~ใช่ ตอนที่คุณอยู่หมู่บ้านB คุณยังจำเด็กผู้หญิงที่อยู่กับคุณได้มั้ยครับ?”

“นายว่าต้นข้าวเหรอ? ทำไมจู่ๆนายถึงพูดถึงเธอ ล่ะ? นายมีข่าวของเธอใช่หรือเปล่า?” น้ำหวานตื่น เต้นขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตจ้องมองพายุด้วยความ ร้อนรนใจ

ในใจลึกๆของเธอกังวลที่สุดก็คือต้นข้าวหายไป

ไหน?

ตอนนั้น ก่อนที่เธอกับพิงกี้และพวกจะจากไป ได้ ไปหาต้นข้าวอยู่ แต่ตอนนั้นเวลาเร่งรัดมาก เธอหา หลายรอบไม่เจอตัวต้นข้าว ได้แต่ละทิ้งด้วยความจน ปัญญา

ก่อนไปจากหมู่บ้านB เธอไม่ได้ละทิ้งในการตาม หาเลย แต่ต้นข้าวเหมือนละเหยไปจากโลกอย่างไร อย่างนั้น หายังไงก็หาไม่เจอ

ถ้าไม่ใช่ความทรงจำสมจริงเกินไป และพิงกี้กับเควินก็เคยเจอต้นข้าวด้วย บางทีน้ำหวายก็ยังคิดอยู่เลย ว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า ต้นข้าวเป็นแค่มนุษย์ที่เธอ จินตนาการขึ้นมาหรือเปล่า?

เดิมทีเธอเองก็ใกล้จะละทิ้งในการหาแล้ว ตอนนี้ ถูกพายุพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คงไม่ใช่แค่ถามไถ่เฉยๆมั้ง?

หรือว่าหาต้นข้าวเจอแล้ว?

“ใช่ หาเจอแล้วครับ” พายุพยักหน้า “ก่อนผมจะ ออกจากบ้านก็เพิ่งได้รับข่าว สายที่อยู่หมู่บ้านBเป็นคน แจ้งมาครับ”

“แล้วตอนนี้ต้นข้าวเป็นยังไงบ้าง?”

“เธอ…….” พายุหยุดชะงักด้วยความลังเล ดู เหมือนว่าไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง

พริบตาเดียว หัวใจของน้ำหวานก็บีบคั้นขึ้นมา เธอ แกล้งพูดอย่างชิวๆ “เธอถูกคนรังแกใช่หรือเปล่า? เธอ ถูกผู้ใหญ่รังแกอยู่เป็นประจำ แต่ว่าขอแค่เธอไม่เป็นไร บาดแผลบนตัวสามารถรักษาหายก็พอแล้ว เพราะ อย่างไรซะ ต่อไปฉันจะดูแลเธอให้ดีๆเอง”

ใช่

ในขณะที่เพิ่งรู้จักต้นข้าวแค่ไม่กี่สิบชั่วโมง เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะรับเลี้ยงต้นข้าว

“อาการของเธอค่อนข้างสาหัสครับ คุณอยากฟัง จริงๆเหรอ?” จู่ๆพายุรู้สึกเสียใจที่พูดประเด็นนี้ขึ้นมา

“นายพูดมาเถอะ”

“คุณต้องเตรียมใจไว้ดีๆนะครับ”

“…….อืม” เดิมทีในใจของน้ำหวานผ่อนคลายลง มาหน่อยแล้ว แต่เห็นสีหน้าตึงเครียดของพายุ จู่ๆเธอ รู้สึกเรื่องมันร้ายแรงกว่าที่เธอคิดเยอะเลย

“ที่เราหาต้นข้าวไม่เจอ ก็เพราะต้นข้าวตกอยู่ใน มือของผู้ชายที่มีฉายาว่าพี่ใหญ่ ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน นั่น…..แม้แต่กับเด็กตัวเล็กๆแค่นั้นก็ยังทำได้ลงคอ อาการของต้นข้าวแย่มาก ช่วงล่าง—ฉีกขาดอย่างแรง ตอนนี้ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วครับ”

“ต๊ะ อะไรนะ?” ย้ำหวานสีหน้าขาวซีดจะแย่ แทบ อยากจะให้ตัวเองหูหนวก

เธอไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินอย่างชัดเจน เพียงแต่ไม่ อยากจะเชื่อความจริงที่โหดร้าย……….พายุทวน ซ้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เธออึ้งค้างไว้ และพิงที่ เบาะนั่ฃอย่างหมดเรี่ยวแรง แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บ ปวด
ต้นข้าวเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง

เพิ่งจะห้าหกขวบเองนะ!

ปฎิเสธไม่ได้ นาทีนี้ เธอเกลียดไอ้พวกผู้ชายที่ อาศัยแค่ตัวเองมีอวัยวะส่วนนั้นก็สามารถทำอะไร ตามใจชอบ นึกว่าตัวเองแน่อย่างไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ