คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่521: ก่อนคืนงานแต่ง



บทที่521: ก่อนคืนงานแต่ง

นําหวานไม่ได้ตอบ

พิงกี้รู้ว่าในใจเธอยังมีปมของเรื่องพวกนั้นอยู่ ไม่อยากมีความรักครั้งใหม่ก็เป็นเรื่องปกติ แต่เธอไม่ อยากเห็นเพื่อนตัวเองจมเข้าไปในดินโคลนเน่าอยู่ ตลอดเวลา

บางทีคนเราก็เป็นแบบนี้แหละ พออยู่ในสภาพ แบบไหนนานๆเข้า บาดแผลทางใจไม่เพียงไม่หาย ดีหมดตามกาลเวลาที่สูญเสียไป แต่กลับก่อตัวเป็น ความนิสัยความเคยชินที่ใจเสาะและขี้เกียจ

กลายเป็นคนที่ไม่คาดหวัง ไม่เฝ้ารอ ไม่ ต้องการรักและถูกรักอีกต่อไป

ชินกับการอยู่คนเดียว เธอรู้สึกว่าอยู่คนเดียวก็ ดีมากเหมือนกัน และต่อต้านความรักที่เข้ามาหา ยิ่ง ไปกว่านั้นน้ำหวานยังรับเลี้ยงต้นข้าวด้วย ต่อไปต้น ข้าวจะแยกกระจายกำลังและจิตใจของน้ำหวานไป เยอะมาก ทำให้เธอมีเวลาน้อยมากที่จะมาครุ่นคิด ถึงความสุขของตัวเอง

ถึงต้นข้าวเป็นเด็กดีคนหนึ่ง หลังจากโตขึ้น ก็สามารถดูแลน้ำหวานในยามแก่เฒ่าไม่ต่างจาก ลูกสาวแท้ๆของตัวเองเลย แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนพิงกี้ไม่อยากเห็นน้ำหวานเลือกเส้นทางที่โดดเดี่ยว เดียวดายแบบนี้

เธอยังสาวอยู่ ควรจะครอบครองอนาคตที่ สวยงามกว่านี้ เธอก็ต้องการความรัก แต่ไม่ใช่ เพราะฝันร้ายครั้งหนึ่งก็ละทิ้งความสุขของตัวเองไป

“คงจะคิดอยู่มั้ง…..” น้ำหวานรู้ว่าพิงกี้เป็น ห่วงตัวเอง เธอไม่ได้พูดอย่างเด็ดขาดทีเดียว น้ำ หวานแค่ควงแขนของพิงกี้ไว้และพูดพร้อมรอมยิ้ม “ตอนนี้ฉันยังไม่มีอารมณ์คิดเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ช้า ก็เร็วฉันจะไปทำงานอยู่ บางทีตอนที่ไปทำงานอาจ จะเจอผู้ชายที่ไม่เลว ก็อาจจะลองคบๆกันดูก็ได้ พอ คบไปคบมาเดี๋ยวก็คงขึ้นขั้นแต่งงานเองแหละ ชีวิต มันก็ไม่แน่ไม่นอนแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้นเธอไม่ เป็นกังวลเรื่องของฉันนะ ฉันจะวางแผนชีวิตของตัว เองให้ดีๆเอง”

“เธออยากไปทำงานแล้วใช่มั้ย?” จู่ๆพิงกี้ นึกถึงเรื่องนี้ “ช่วงนี้เพราะเรื่องขององค์กรSC ทำให้เธอไม่มีอิสระ อยู่แต่ในบ้านก็คงเบื่อจะแย่แล้ว ใช่มั้ย?”

เธอเกือบลืมจุดนี้ไปเลย
เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับการเลี้ยงดูแอ๊ปเปิ้ลอยู่ที่บ้าน ทุกวัน แต่ตอนนี้ น้ำหวานใช้ชีวิตอยู่ที่วิลล่าNo.3ไม่ ต่างกับอยู่ในคุกเลย

ถ้าหากเพื่อหลบเลี่ยงการทําร้ายของ องค์กรSC แล้วใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนอยู่ในคุก นี่ ก็ได้ไม่คุ้มเสียเหมือนกัน

พิงกี้เอียงศีรษะคิดๆแล้วพูดว่า “ถ้าเธออยาก ไปทำงาน ฉันบอกเควิน ให้เธอไปทำงานที่บริษัทเขา เธอว่าเป็นไงบ้าง? ถึงแม้อาจจะสายงานไม่ตรงกัน แต่อย่างน้อยก็พอมีงานทำแก้เบื่อหน่อย”

“จริงเหรอเนี่ย?” น้ำหวานก็เกิดความสนใจ แล้ว “ถ้าได้จริงๆ งั้นก็ดีที่สุดเลย ไม่ตรงตามสาย งานไม่เป็นไร ถึงทำงานที่หน้าเคาท์เตอร์ก็ถือว่า ดีมากแล้ว ฉันก็แค่อยากหาอะไรทำสักหน่อย ไม่ อยากอยู่แต่บ้านไปวันๆ

ไม่พูดถึงอย่างอื่น กระเป๋าตังค์เธอก็ใกล้จะ แฟบแล้ว ต้องการเม็ดเงินอัดฉีดเข้ามา

เงินเดือนและสวัสดิการของบริษัทข้ามชาติโม เดิร์นกรุ๊ปสูงมากๆ ถึงแม้เป็นแค่พนักงานหน้าเคา ท์เตอร์เล็กๆคนหนึ่ง เงินเดือนก็ได้สูงกว่าบริษัทอื่นเยอะเลย แบบนี้เธอก็จะมีรายได้ทุกเดือน และมี ความมั่นใจมากขึ้นมาหน่อย

“ดี งั้นก็เอาตามนี้เลยนะ เรื่องความรักยัง

ไม่ต้องพูดถึง ฉันจัดเตรียมเรื่องงานของเธอให้ เรียบร้อยก่อน” พิงกี้ยิ้มจนตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์

เธอรู้สึกละอายใจต่อน้ำหวานมาโดยตลอด รู้สึกเสมอว่าตัวเองละเลยเธอ ถึงได้ทำให้เธอประสบ พบเจอเรื่องที่น่ากลัวแบบนั้น ตอนนี้สามารถช่วย เหลือน้ำหวานเล็กๆน้อยได้ เธอก็รู้สึกดีใจสุดขีดแล้ว

คืนปาร์ตี้สละโสด สนุกอย่างบ้าคลั่งจนถึงเวลา

ตีสาม

เพราะพิงกี้กับเควินยังต้องเตรียมงานแต่งของ วันพรุ่งนี้ ดังนั้นเลยไม่ได้อยู่ที่เนเวอร์แลนด์จนปาร์ตี้ เลิก เวลาประมาณเที่ยงคืนก็กลับแล้ว

เควินกลับไปที่L.K.Crystalวิลล่า ส่วนพิงกี้ก็ เข้าพักที่ออนเซ็นตรงชานเมืองของเธอ

วิลล่าของตระกูลดำรงกุลถูกยึดไปเพราะการติดคุกของชาตรี สุดท้ายก็ถูกลิสาเผาจนไม่เหลือ ชิ้นดี ถ้าก่อสร้างตกแต่งใหม่ก็เสียเวลา พิงกี้ก็ไม่ อาลัยอาวรณ์กับบ้านดำรงกุล แม้กระทั่งมีความ เกลียดชังด้วยซ้ำ ดึงนั้นเลยเลือกที่จะแต่งออกจา กออนเซ็นดีกว่า

ออนเซ็นนี้ก่อนหน้านั้นก็ถูกเควินถ่ายโอนมา เป็นชื่อของเธอ กลายเป็นธุรกิจส่วนตัวของเธอ อีก อย่างที่นี่ต้นไม้เขียวชอุ่ม วิวทิวทัศน์สวยงามและ เงียบสงบ แต่งออกไปจากที่นี่มีแต่จะทำให้คนอิจฉา ตาร้อน ไม่มีทางขายหน้าแน่นอน

ตอนที่ออกมาจากเนเวอร์แลนด์ พิงกี้ควงแขน น้ำหวานออกมาด้วย พรุ่งนี้พิงกี้เป็นเจ้าสาว ส่วนน้ำ หวานก็เป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวของเธอ

ถึงแม้ในเมืองหลวงมีสาวๆมากมายสมัครเป็น เพื่อนเจ้าสาวของพิงกี้ ในหกคนที่คัดเลือกออกมา มี แค่น้ำหวานคนเดียวที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ ดังนั้น หลังจากถึงที่ออนเซ็น เธอแค่พูดทักทายกับเพื่อน เจ้าสาวอีกห้าคนแค่สองสามคำ พิงกี้ก็พาน้ำหวาน เข้าลานส่วนตัวของตัวเองแล้ว

“น้ำหวาน คืนนี้เรานอนด้วยกันนะ”
ในลานส่วนตัวมีห้องนอนอยู่หลายห้อง แต่ว่า ห้องนอนหลักของเธอสบายที่สุดแล้ว

“ได้สิ” น้ำหวานตอบตกลงในทันที พูดอย่าง ดีใจมาก “ถึงแม้เธอเป็นแม่คนแล้ว แต่พรุ่งนี้เธอถึง จะมีความรู้สึกที่ในที่สุดก็ได้แต่งออกไปแล้ว…….. ก็ถือว่าเป็นคืนสุดท้ายที่ฉันสามารถได้ครอบ ครองเธออย่างเปิดเผย ฉันจะรักษาโอกาศนี้ไว้ดีๆ แน่นอน”

พิงกี้จ้องเธอด้วยสายตาอมยิ้มทีหนึ่ง

ทั้งคู่อาบน้ำเสร็จ แต่ยังไม่รู้สึกง่วงนอน เลยเริ่ม พูดคุยเม้าท์มอยกัน

จู่ๆพิงกี้นึกถึงเรื่องหนึ่ง เธอจึงถามน้ำหวาน ที่นอนอยู่ข้างๆว่า “น้ำหวาน ฉันส่งการ์ดเชิญให้พี่ มานพ แต่เขาไม่ตอบฉันเลย เขาได้บอกเธอมั้ยว่าจะ มางานแต่งฉันหรือเปล่า?”

เดิมทีคือต้องโทรศัพท์เรียนเชิญถึงจะเป็น ทางการ แต่ไม่รู้ทำไมโทรศัพท์ของมานพถึงโทรไม่ ติดสักที เพราะก่อนหน้านั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง กัน พิงกี้ก็ยังมีความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยอยู่ โทรไป สองสายไม่มีคนรับก็ไม่ได้โทรอีกแล้ว เปลี่ยนมาเป็นส่งอีเมล์แทน

มานพไม่ตอบอีเมล์สักที เธอจะคอยถามอยู่ ตลอดเวลาก็คงไม่ดี

“พี่ชายฉันไม่ได้ตอบเธอ?” น้ำหวานพลิกตัว มา “ตั้งแต่เขาไปอเมริกาก็ทำตัวลับๆล่อๆ ก็ไม่รู้ว่า ยุ่งอะไรกันนักกันหนา บอกว่าเริ่มต้นธุรกิจ แต่ฉัน ดูบริษัทเทคโนโลยีของเขาก็พัฒนาไปได้แค่เรื่อยๆ ไม่ได้สร้างซอฟแวร์ที่เจ๋งโคตรๆอะไรออกมาเลย แต่ รู้สึกเหมือนกำไลถือว่าโอเคอยู่นะ”

“กำไลโอเคงั้นเหรอ?” พิงกี้ได้ยินแล้วรู้สึก ดีใจ “ดูท่าแล้ว เขาคิดถูกแล้ว ที่ไปเปิดบริษัทที่ต่าง ประเทศ”

ตอนนั้นเรื่องของพลอยทำให้ทะเลาะวิวาทกัน จนบริษัทของมานพเปิดต่อไม่ได้ ด้วยสาเหตุต่างๆ นาๆทำให้มานพตัดสินใจไปต่างประเทศ พิงกี้ก็เคย เป็นห่วงเพราะเหตุนี้ ตอนนี้รู้ว่ามานพไปเปิดบริษัทที่ ต่างประเทศแล้วไปได้สวย ก็รู้สึกดีใจแทนเขามาก

ส่วนระหว่างพวกเขาติดต่อกันน้อยลง ความ สัมพันธ์จืดจางลง เธอรู้สึกมันก็เป็นเรื่องปกติ
ไม่มีใครที่จะยืนรออยู่ที่เดิมหรอก ทุกคนต่างก็ มีเรื่องที่ตัวเองต้องทำ พอนานเข้าความสัมพันธ์ของ อดีตจืดจางลง มันก็เป็นเรื่องที่เงื่อนไขสุกงอม

“เธออยากให้พี่ชายฉันมาเหรอ ไม่กลัวเขาจะ อึดอัดรึไง?” น้ำหวานถามด้วยความแปลกใจ จาก นั้นก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “พิงกี้ บางครั้งฉันอิจฉา เธอมากเลย”

“ฉันต้องอยากให้พี่มานพมาอยู่แล้ว ก่อนหน้า นั้น…….อาจจะเพราะเรื่องของสมัยเด็กแล้วรู้สึก อึดอัดบ้าง แต่ถึงฉันกับเขาไม่มีวาสนาที่ได้อยู่ด้วย กัน เป็นเพื่อนกันน่าจะไม่มีปัญหาหรอก นี่ก็ยังมีเธอ อยู่ไม่ใช่เหรอ จะไปอึดอัดได้ยังไง?” พิงกี้นึกถึง เรื่องที่ผ่านมาก็ทอดถอนใจเช่นกัน

สมัยนั้นเธอก็เคยแอบชอบมานพ แต่เสียดาย ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าในใจของมานพก็มีเธอเหมือน กัน ทั้งคู่เพราะความเข้าใจผิดต่างๆนาๆเลยไม่ได้ สารภาพรัก ก็เลยพลาดพลั้งไปแบบนั้นเฉยเลย

แค่พลาดพลั้งก็หลายปีเลย

ต่อมา เธอหันมาชอบเควิน หลังจากๆกับมานพ หลายปี พอเจอกันอีกทีอะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้ว
แต่ไม่ว่าตอนจบจะเป็นยังไง มิตรภาพสมัยเด็ก ก็ไม่มีทางลบเลือนไปหรอก

สําหรับเธอคือแบบนี้ สําหรับมานพ ก็คงเป็น แบบนี้แน่นอน

“เฮ้อ~ฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะมาหรือไม่มา กันแน่” น้ำหวานทำปากจู๋ “เขาเองก็ไม่ค่อยติดต่อ ฉันเลย ถ้าไม่ใช่ว่าทุกเดือนฉันยังได้รับค่าขนมจาก เขา ฉันก็ยังกังวลอยู่เลยว่าเขาขาดการติดต่อหรือ เปล่า?”

มานพดีกับเธอมาก ตั้งแต่ตัวเองมีความ สามารถในการหาเงินเอง ก็ให้ค่าขนมและเงินเก็บ กับเธอที่เป็นน้องสาวคนนี้อยู่เป็นประจำ

ตั้งแต่เล็กจนโตเอาเปรียบมานพไปไม่น้อย เพราะอย่างไรซะตอนนี้มานพก็ยังไม่มีแฟน น้ำหวาน ก็รับเงินของพี่ชายอย่างสบายใจเฉิบ

“งั้นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันเถอะ…..” พิงกี้ก็ไม่ได้ ลังเลอยู่กับเรื่องนี้นานเท่าไหร่ แต่ได้ถามว่า “อ้อใช่ ทำไมเธอถึงบอกว่าอิจฉาฉัน เพราะฉันแต่งงานกับ ผู้ชายดีๆเหรอ?”
พูดคำนี้ออกมา พิงกี้เองก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง หัวเราะออกมา

นึกถึงเควิน เธอก็ยิ้มตาหยี ไม่ว่าใครดูก็รู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงที่กำลังตกอยู่ในความรักและห้วงแห่ง ความสุข

“ก็ใช่น่ะสิ!” น้ำหวานพยักหน้าอย่างจริงจัง “ที่จริงบางครั้งฉันอิจฉาเธอมาก เธอคิดดูสิว่าเธอ โชคดีมากแค่ไหน คนที่เธอรักก็รักเธอ นอกจากเค วินแล้ว ยังมีผู้ชายที่ดีพร้อมมากมายชอบเธอ ถึงเธอ จะไม่อยู่กับเควินก็ยังมีผู้ชายที่ดีคนอื่นๆรอเธออยู่ เป็นผู้ชนะของชีวิตจริงๆ

“หืม?” พิงกิ้งงงวย “ยังมีใครอีก? เธอว่าพี่ชาย เธอหรอ? แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ยังมีเตชิตอีกไม่ใช่เหรอ?” น้ำหวานได้ยินพิง กี้ปฎิเสธ ด้วยจิตใต้สำนึกเลยพูดหลุดปาก

พอพูดจบ เธอก็เม้มปาก

ดีที่พิงกี้ไม่ได้คิดมาก “ใช่ เมื่อก่อนเตชิตชอบ ฉัน แต่ตอนนี้ฉันกับเควินก็จัดงานแต่งแล้ว เขาไม่มี ทางดื้อดึงต่อไปหรอก ไม่นานเดี๋ยวเขาก็ปล่อยวางได้ และจะเข้าใจว่าความรักของก่อนหน้านี้ไม่ได้ถึง ขั้น “ต้องเธอคนเดียว” เท่านั้น”

‘จริงเหรอ?” น้ำหวานพูดเบาๆ

จากนั้น เธอก็เงียบสงบ

เธอเงียบไปสักพัก พลิกตัวเงยหน้านอนคิดเรื่อง ของตัวเอง พิงกี้ก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาอีก

พอน้ำหวานถูกบรรยากาศที่อึดอัดและเงียบ สงบทำเอาคิดฟุ้งซ่าน หัวใจเต้นแรงเหมือนกำลังตี กลองอยู่ กลัวพิงกี้จะอารมณ์ไม่ดีเพราะคำพูดเธอ ตอนที่อยากจะพูดอะไรชดเชยหน่อย เธอหันมามอง กลับพบว่าพิงกี้ไม่รู้หลับไปตั้งแต่ตอนไหนแล้ว

ที่แท้ไม่ใช่เพราะไม่สบายใจเลยไม่พูดจา แต่ เพราะหลับไปแล้วนี่เอง………

การพบเห็นนี้ทำให้น้ำหวานโล่งอกไปที ทันใด นั้นเธอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

วันรุ่งขึ้น
พยากรณ์อากาศแจ้งว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้า

แจ่มใส


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ