คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่296: การแสดงที่ห่วยแตก



บทที่296: การแสดงที่ห่วยแตก

ชายเสื้อดำที่ผ่านการฝึกฝนพุ่งเข้ามาลากร่างของ หยาดทิพย์ที่นอนจมกองเลือดไป ไม่รู้ว่าจะพาเธอไปไหน

ถึงแม้พิงกี้รู้ว่าในนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่นอน แต่เธอกำลัง น้อยไม่มีวิธีขัดขวางความเคลื่อนไหวของชายเสื้อดำทั้ง หลาย ได่แต่มองดูหยาดทิพย์ถูกคนลากไปอย่างหน้าตา เฉย

เธอไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของคนอื่นด้วยซ้ำ

สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือเอาล่มยาวไว้ เพราะยังไงนี่ ก็เป็นเครื่องมือที่ลิสากระทำความผิด แต่ยายสมศรีสังเกตุ เห็นท่าทีเล็กๆของเธอ จึงได้ชนที่มือของลิสาเบาๆเป็นการ ใบ้ให้เธอ เพื่อส่งซิกให่เธอว่าเก็บล่มไว้ให้ดีๆ

กลัวกระชากขึ้นมาแล้วทำร้ายโดนน้องแอ๊ปเปิ้ล พิงกี้ ได้แต่มองดูล่มถูกเอาไปอีกครั้งอย่างหน้าตาเฉย

ทุกอย่างต่างก็มีผลเสียกับเธอหมด

พิงกี้อุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ลนั่งอยู่ที่เบาะนั่งคนขับ ยาย สมศรีกับลิสาขวางเอาไว้อยู่ที่ประตูทั้งสองด้าน ทำให้เธอ ขึ้นลงไม่ได้

เพราะเสียงกรีดร้องของลิสา ถึงแม้คนที่อยู่ในลานจอดไม่ถือว่าเยอะ แต่ก็มีคนมามุงดูหลายคน คนพวกนี้ยืน ซุบซิบนินทาอยู่ไกลๆ

ส่ายหัวให้กับพื้นที่จมกองเลือด

ต่อไป คนที่มุงดูอยู่ในเหตุการณ์พวกนี้ต่างก็ถือว่า เป็นพยานที่เห็นสถานการณ์ได้

โบราณกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่หูได้ยินอาจจะเป็นของ หลอก สิ่งที่ตาได้เห็นถึงจะเป็นของจริง” แต่บางทีถึงเห็น กับตาก็ก็อาจจะไม่ใช่ความจริงเสมอไป

มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่รู้ความจริงพวกนี้ ตอนนี้ ถึงพิงกี้อยากหนี แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เธอที่นั่งอยู่ฝั่ง คนขับก็ต้องเป็นโทษฐานที่ชนแล้วหนีแน่ โทษฐานนี้หนัก กว่าอยู่กับที่เฉยๆ

เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี

หลังจากความตื่นตระหนกของตอนแรกได้ผ่านพ้น ไป พิงกี้ก็ได้คิดถึงจุดสำคัญพวกนี้ได้อย่างไว ทันใดนั้น เธอฝืนทำตัวสงบและรีบโทรหาเตชิตให้เขาลงมาหาเธอที่ ลานจอดรถใต้ดิน

ตอนที่โทรหาเตชิตเพื่อขอความช่วยเหลือ ลิสาไม่ได้ขัดขวางเธอโทรศัพท์ แต่ตอนที่พิงกี้พูดถึงหยาดทิพย์ เพิ่งพูดชื่อของหยาดทิพย์ขึ้นมา ลิสาก็ได้ชิงโทรศัพท์เธอ ไปด้วยความดุร้าย

เอามือถือเขยี้วงไปที่พื้น รู้สึกยังระบายความแค้นได้ ไม่พอจึงได้เอาเท้าไปอีก ลิสาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “แก เองก็ยังจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ยังจะไปสนใจคนที่ถูกแก ชนตายอีกหรอ? พิงกี้ แกคิดว่าแกเป็นแม่พระยังไง?”

“ไม่ใช่ฉันเป็นแม่พระ แต่เพราะเธอมันอำมหิตเกิน! มือถือถูกแย่ง พิงกี้ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจอุ้มน้องแอ๊ปเปิ้ล ไว้แล้วตะโกนเสียงดังแย่งมือถือกลับมา เธอแค่มองลิสาที่ ยืนขวางอยู่หน้าประตูฝั่งคนขับด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น ก็ถามด้วยน้ำเสียงบางเบา “นี่ก็คือเกมส์ที่เธอว่างั้นหรอ ใช้ชีวิตของคนๆนึงมาใส่ร้ายฉัน?”

“ใส่ร้ายอะไรกัน แกนี่พูดจาตลกเกินไปรึเปล่า” ลิสา กดน้ำเสียงให้ต่ำลงและพูดอย่างได้ใจมาก “พิงกี้ ถึงแก เกิดมาในครอบครัวที่ดีแล้วจะทำไม มีร่างกายที่แข็งแรง แล้วจะทำไม สุดท้ายก็เอาชนะฉันไม่ได้? ฉันจะบอกแก ให้นะ ไม่นานฉันก็จะได้เป็นเหมือนแกแล้ว ไม่สิ ต้องบอก ว่าจะดีกว่าแกด้วยซ้ำ! ฮ่าๆๆ ตระกูลดำรงกูลก็แค่เห็นฉัน เป็นลูกสาว คนของตระกูลบุญถาวรก็ดีกับฉันเท่านั้น แก แค่นึกถึงเรื่องพวกนี้ก็จะรู้สึกอัดอั้นตันใจจนนอนไม่หลับใช่ มั้ย?”
“ฉันจะนอนหลับหรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่ฉัน รู้ เธอนอนหลับแน่นอนอยู่แล้ว! ถึงเธอจะทำเรื่องที่ไร้ มโนธรรมแค่ไหน แต่คนของตระกูลบุญถาวรอย่างพวก เธอก็มีDNAที่หน้าด้านไร้ยางอายและระยำแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถนอนหลับได้สบายใจเฉิบ ไม่กลัวผีมา เคาะประตูด้วยซ้ำ!”

พิงกี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และหันหน้าไปมองยาย สมศรีที่ขวางอยู่นอกประตูข้างคนขับทีนึง

ยายสมศรีถูกเธอมองจนหลบหลีกสายตา แต่ร่างกาย กลับไม่ยอมถอยเลยแม้แต่นิด สีหน้าที่ดื้อด้านชัดเจน มากว่า “ถึงฉันทำผิด แต่ฉันก็ยังจะทำผิดต่อไป” ก็ไม่รู้ว่า ลิสาสะกดจิตเธอยังไง

เวลาผ่านไปทีละนิดๆ คราบเลือดที่พื้นไม่มีทีท่าว่าจะ แห้ง แต่บรรยากาศกลับยิ่งอยู่ตึงเครียด

เหมือนกับว่าน้องแอ๊ปเปิ้ลก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงได้อุแว้ๆ ขึ้นมา ร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ร้องไห้อย่าง ไม่หยุด พิงกี้คอยกล่อมเธอด้วยความสงสาร และมอง ความคืบหน้าของเรื่องด้วยความร้อนใจเป็นฟืนเป็นไฟ

ตำรวจมาไวกว่าเตชิต
ถึงแม้พิงกี้จะรู้สึกเวลาหนึ่งวันยาวนานเหมือนหนึ่ง ปี ทุกวินาทีช่างผ่านไปอย่างทรมาน แต่เพิ่งจะเกิดเรื่องไป ประมาณสิบนาทีเองตำรวจก็มาแล้ว ความเร็วนี้ทำให้พิงกี้ ทึ่งจริงๆ

เธอมองลิสาที่เดินไปหาตำรวจอย่างห้ามใจไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง

ลิสาเดินไปหาตำรวจด้วยสีหน้าร้อนรนใจและพูด ด้วยความเร่งรีบ “คุณตำรวจคะ คือแบบนี้ค่ะ ฉันได้เจอกับ น้องสาวฉันที่ลานจอดรถ ฉันอุ้มหลานชายไว้และพูดเล่น กับเธอว่าจะไม่คืนลูกให้เธอ ปรากฏว่าเธอจริงจังกับคำล้อ เล่นของฉัน พอใจร้อนปุ๊บก็เหยียบคันเร่ง คิดไม่ถึงว่าแค่ เหยียบคันเร่งก็พุ่งชนคนตาย…………..น้องสาวฉันไม่ได้ ตั้งใจจริงๆนะคะ กรณีอย่างเธอคงไม่ถูกตัดสินคดีใช่มั้ย คะ?!”

ตำรวจพูดอย่างทำตามหน้าที่ทต้องถูกตัดสินคดี อยู่แล้วครับ! แต่ว่าก็ต้องดูอาการของผู้เสียหายด้วย โทษ ของตายกับบาดเจ็บสาหัสมันต่างกัน ถ้าตายจริงๆ โทษ ที่ฆ่าผู้อื่นตายโดยประมาทจะต้องติดคุกสามปีถึงเจ็ดปี ครับ!”

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?” ลิสากมใบหน้าไว้และร้องไห้

ฟูมฟาย
หน้าตาเธอเหมือนกลัวและกังวลมาก แต่พิงกี้ที่ เป็นผู้กระทำความผิด” กลับมองดูอยู่ข้างๆด้วยความ ใจเย็น เสมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เธอเชื่อว่าถ้า ตอนนี้เอามือที่กุมหน้าไว้ของลิสาออก ดวงตาของเธอไม่มี น้ำตาสักหยดแน่!

ละครฉากนี้ แสดงได้ห่วยแตกจริงๆ!

ที่รู้สึกช็อกเหมือนกันก็มียายสมศรีด้วย

เธอเดินมาด้วยสีหน้าตกใจ ดึงแขนเสื้อของตำรวจที่ กำลังพูดคุยกับลิสาอยู่ จากนั้นก็ถามเสียงสั่น คุณตำรวจ คุณบอกว่าหลานสาวฉันต้องถูกตัดสินคดีสามถึงเจ็ดปี งั้นหรอ? ชนคนตาย ไม่ใช่แค่จ่ายค่าชดเชยให้ก็พอแล้ว หรอ?”

ลิสาเป็นคนพูดแบบนี้กับเธอ

เธออายุเยอะแล้ว ปกติก็ไม่ได้ติดตามเรื่องกฎหมาย อะไรพวกนี้ จึงไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ไม่รู้ความหนักเบาของ เรื่อง นึกเพียงว่ามีเงินก็สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ แล้ว

“เป็นไปได้ยังไงยังไงครับที่ชดใช้เงินอย่างเดียวก็ จบครับ? ตอนนี้เป็นสังคมที่ว่าด้วยกฎหมายเชียวนะครับ!ตำรวจย้อนถามพลางขมวดคิ้ว

เขาได้อธิบายรายะเอียดให้ยายสมศรีฟัง สีหน้าแวว ตาของยายสมศรีก็ได้เข้าใจขึ้นมาทันที พิงกี้ทำร้ายคนยัง ไงก็ต้องติดคุก

แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอต้องการ เธอไม่รู้ว่าจะเป็น แบบนี้ด้วยซ้ำ!

ยายสมศรีมองพิงกี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า ดวงตาที่พร่า มัวเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง

ถึงแม้ต่อไปอยากฝากฝังชีวิตไว้กับลิสา แต่ในใจเธอ ก็มีความผูกพันกับพิงกี้ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโตเหมือน กัน และรู้ว่าพิงกี้ดีกับเธอ

ว่าไปแล้ว เธอก็อารมณ์ซับซ้อนมาก

เดิมทีเธอนึกว่าแผนการครั้งนี้แค่อาศัยเนื้อมือของพิง ก็ทำให้หยาดทิพย์ตาย ให้ลิสาได้หัวใจของหยาดทิพย์ อย่างราบรื่นเฉยๆ ส่วนพิงกี้ ยังไงซะเธอก็มีเงินเยอะอยู่ แล้ว แค่ชดใช้เงินนิดหน่อยเฉยๆ และไม่ต้องได้รับบาด เจ็บอะไรด้วย

เธอคิดได้สวยหรูมาก
แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนนี้จะทำให้พิงกี้ต้อง ติดคุกด้วย ทันใดนั้นเธอถึงกับทรุด

ยายสมศรีกระโจนไปหาตำรวจ กระชากแขนเสื้อของ เขาพร้อมคุกเข่า “คุณตำรวจ เรื่องมันไม่ใช่แบบนี้นะ พิงกี้ ไม่ได้ชนคนตาย ฉันเอง ฉัน……..

“คุณยายคะ!” เสียงที่แหลมปรี๊ดของลิสาพูดแทรก ยายสมศรี ลากเธอขึ้นมาจากพื้นด้วยความแข็งกร้าว “ยาย อย่าทำแบบนี้สิคะ ยายขอร้องคุณตำรวจแบบนี้พิงกี้จะรู้สึก ทรมานมากแค่ไหน? เดี๋ยวพิงกี้ก็หาทนายความมาสู้คดี เองแหละค่ะ กฎหมายต้องเที่ยงตรงแน่นอนค่ะ!

พูดคำพูดนี้อย่างเสียงดังจนจบ ลิสาได้ก้มไปกระซิบ ที่ข้างหูของยายสมศรีแล้วพูดอีก “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือยายยังอยากจะเปลี่ยนใจอีกหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ