คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่514 คุณบได้…..ไหม?



บทที่514 คุณบได้…..ไหม?

เตชิต ให้เธอมาดื่มเป็นเพื่อน เธอก็ขึ้นมาแล้ว

ก่อนขึ้นมา เธอก็คิดอยู่ถ้าเขาดันจะสืบเสาะ ค้นหาเรื่องราวจนถึงที่สุดล่ะก็ นอกจากเสี้ยวเล็กๆที่ เธอมีต่อเขา เธอเองก็ยังไม่แน่ใจ รู้สึกเป็นความคิด ที่เพ้อเจ้อและตลก บางทีเธออาจจะสามารถคุยเรื่อง ในใจกับเขาได้

แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ เธอยังไม่ได้เริ่มพูด เขา กลับระบายออกมาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว

มีท่าทีเหมือนเห็นเธอเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจเลย

“นี่เรายังมีชีวิตอยู่เหรอ 55……” น้ำหวานยัง ไม่ได้ตอบ เตชิตก็เปิดปากพูดเองแล้ว

เสียงใสๆของเขาแฝงด้วยเสียงทอดถอนใจ เสียงหัวเราะที่อ้างว้างยังแฝงด้วยความอ่อนแอที่ ไม่มีคนเข้าใจ “คุณรู้ไหม ผมไม่เคยคิดมาก่อน ว่าผมจะมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้……บ้านแตก สาแหรกขาด ต้องสูญเสียพ่อแม่ คำว่าบ้านแตก สาแหรกขาด ตอนที่เรียนไม่เคยเกิดความรู้สึกอะไร เลย แต่พอคำๆนี้หล่นทับตัวเองถึงรู้ว่ามันเสียดสี บาดลึกแทงใจมากแค่ไหน?!”
“แม่ผมฆ่าตัวตาย พ่อผมก็ไม่อยู่แล้ว แม้แต่ คฤหาสน์ที่พวกท่านพักในก่อนหน้านั้นผมก็ยังไม่ กล้ากลับไป กลัวกลับไปแล้วต้องเสียใจหลายวันถึง จะฟื้นฟูสภาพจิตใจกลับมาได้ คุณว่าผมมันไม่เอา ไหนมากเลยใช่มั้ย? ผมรู้สึกอยู่เสมอว่าผมไม่กลัว อะไรทั้งนั้น แต่ว่า ผมกลัวจริงๆ…..ผมกลัวว่าพอ นึกถึงภาพวันวานตอนที่อยู่กับพวกท่านก็จะทรมาน มาก แต่ก็กลัวว่าถ้าผมไม่ไปนึกภาพเหล่านั้น เวลา จะทำให้ความจำผมถดถอย ต่อไปผมอยากนึกอะไร ก็นึกไม่ออกแล้ว

กลอกเบียร์เข้าปากหนึ่งกริ๊บ มุมปากเตชิตเผย รอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา “คุณคิดไม่ถึงเลยใช่มั้ยว่า ผมมันไม่เอาไหนขนาดนี้เลย 55

น้ำหวานเงยหน้าขึ้นมา สบตากับดวงตาพราว เสน่ห์ของเตชิต

ภายใต้แสงไฟ ดวงตาของเขาราวกับว่าเต็มไป ด้วยแสงระยิบระยับ ทำให้คนดูแล้วหัวใจหวั่นไหว

แต่ว่า เธอไม่ชอบรอยยิ้มของเขา แทบอยากจะ ยกมือปิดปากเขาเอาไว้ ให้เขาไม่ต้องหัวเราะ และ อย่าแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา
เขาควรจะหัวแข็งดื้อรั้น เกรี้ยวกราด เย่อหยิ่ง ไม่ยอมคน มีความภูมิใจในตนเองสูงและเอาแต่ใจ แต่เขาไม่ควรหนักหน่วงและขมขื่นแบบนี้

เขาที่เป็นแบบนี้ ทำให้คนเห็นแล้วสงสาร

น้ำหวานหายใจลึกๆทีหนึ่ง ยกเบียร์ขึ้นมาก็ กลอกลงไปกริ๊บใหญ่ ดึงสายตากลับเหมือนกับจะ หลบเลี่ยง “ถ้าคุณไม่เอาไหน ยังมีใครกล้าบอกว่า ตัวเองเก่งอีก? ถึงแม้ฉันรู้สึกคุณเป็นคนที่อารมณ์ ฉุนเฉียวและปากจัดไปหน่อย แถมยังมีนิสัยเด็ก เหมือนปัญญาอ่อน บางครั้งพูดจาไม่เป็นแถมยัง จงใจยั่วโมโหคนอื่นอีก แต่ว่า ฉันก็ยังนับถือคุณมาก อยู่ดี รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่มีความกล้าหาญมาก”

กว่าเธอจะพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาได้ ก็ได้ใช้ ความกล้าหาญอย่างมาก

ถึงไม่ใช่คำพูดที่สารภาพรักอะไร แต่เธอได้ แสดงความชัดเจนออกมาอย่างที่ไม่เหมือนปกติ ถ้า เป็นเธอที่ปกติ เวลาเผชิญหน้ากับเตชิตมีแต่จะเย็น ชาใส่ ไม่พูดจาดีกับเขาแน่นอน แต่ตอนนี้ เธออยาก ปลอบใจเขาโดยที่ไม่รู้ตัว

แต่ว่า คำพูดที่เธอพูดออกมากลับทำให้เงียบวังเวง

ไม่มีการตอบรับ น้ำหวานได้หันไปมองเตชิต ด้วยความแปลกใจอีก แม้แต่หลบเลี่ยงก็ลืมไปแล้ว

แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นสีหน้าที่ตกใจเหมือน เห็นผีของเตชิต ระหว่างที่เขาขมวดไว้แน่นยังมี ความลังเลซ่อนอยู่

“เป็นอะไรไปคะ?” น้ำหวานกระพริบตาปริบๆ เขยิบไปข้างๆเพื่ออยู่ห่างจากอันตราย

“ผมว่าคุณนี่….” เตชิตซี้ดออกมาคำหนึ่ง เหมือนปวดฟัน “ผมพูดเรื่องในใจให้คุณฟังขนาด นี้แล้ว คุณกลับดีน้อ นี่คุณกำลังปลอบใจผมหรือว่า ฉวยโอกาศด่าผมกันแน่?”

“ฉัน……ก็กำลังปลอบใจคุณอยู่นี่คะ”

“ผมอารมณ์ฉุนเฉียวและปากจัด?”

น้ำหวาน “…”

“มีนิสัยเด็กและปัญญาอ่อน?”
“พูดจาไม่เป็น แถมยังจงใจยั่วโมโหคนอื่น?”

“ข้อดีหนึ่งเดียวของผมก็คือมีความกล้าหาญ

ใช่มั้ย?”

น้ำหวาน “

ทนแล้วทนอีก สบตากับดวงตาที่แฝงด้วยความ กล้ำกลืนและโศกเศร้าของเตชิต เธอกลั้นหัวเราะไว้ ไม่อยู่

ตอนแรกยังหัวเราะเสียงเบา แต่ไม่นานเสียงก็ ค่อยๆดังขึ้น ดวงตากลมโตของน้ำหวานยิ้มเป็นรูป เสี้ยวพระจันทร์ แววตาเต็มไปด้วยความรื่นรมย์

อึ้งไปครู่หนึ่ง เตชิตก็อดขำไม่ได้

ทั้งคู่หัวเราะได้สักพัก เดิมทีความไม่สนิทที่ แทรกอยู่ระหว่างทั้งสอง นาทีนี้ได้เหมือนน้ำแข็ง ละลายไปหมดแล้ว

“Cheers!”

“Cheers!”
ทั้งคู่สบตาและยิ้ม หยิบเบียร์ขึ้นมาชน หลังจาก กลอกไปกริ๊บใหญ่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ใกล้ ชิดกันอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว

ถอนหายใจไปทีหนึ่ง น้ำหวานเปิดปากพูด “ใน เมื่อคุณพูดเรื่องของคุณ งั้นฉันก็พูดเรื่องของฉันบ้าง เถอะ”

น้ำหวานไม่ค่อยไปย้อนคิดเรื่องพวกนั้น แม้ กระทั่งอยู่ต่อหน้าพิงกี้ก็ยังไม่ค่อยอยากพูดเยอะ ก็ เพราะไม่อยากไปเปิดแผลที่ยังเจ็บปวดอยู่ เธอเจ็บ จนกลัวแล้ว ไม่กล้าไปคิดมันอีก

เธอแกล้งทําเป็นชิวมาก ทำให้คนคิดว่าเธอ ปล่อยวางได้แล้ว แต่แท้จริงแล้วเธอปล่อยวางไม่ได้ เลย

มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ แผลพวกนั้นอยู่ในมุมที่ มืดมนและเปียกชื้นที่สุด

เน่าเสียอยู่ทุกวัน อักเสบอยู่ทุกวัน

บาดแผลนั้นถ้ากรีดเอาเนื้อเสียออกไปไม่ได้ เธอก็ดีขึ้นมาไม่ได้ชั่วนิรันดร์
เตชิต ก า “คุณพูดเรื่องที่ไม่มีความสุขของ คุณออกมาซิ ให้ผมได้มีความสุขหน่อย”

‘ น้ำหวานกลอกตาขาวอยู่ในใจอย่าง ไม่สบอารมณ์ แต่อารมณ์ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่าง ไม่ทราบสาเหตุ คำพูดที่อยากพูดไม่ได้รู้สึกยากที่ จะพูดออกมาแล้ว “ฉันกับดุสิตอยู่ด้วยกันถือเป็น ความรักครั้งแรกของฉัน ฉันจึงรักษาและทะนุถนอม ความรักนี้มาก แต่ต่อมาคุณก็รู้ว่ามันไม่ได้จบสวย เลย”

“เพราะเรื่องของตระกูลภักดีวัฒนากุล?”

“เรื่องของตระกูลภักดีวัฒนากุลไม่ใช่สาเหตุ หลักที่ทำให้เราเลิกกัน สาเหตุหลักคือเรื่องที่ฉัน ประสบที่หมู่บ้านB ส่วนฉัน….ฉันคิดว่าดุสิตไม่ใช่ คนจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ และความจริงพิสูจน์ ให้เห็นแล้วว่า เขาไม่เพียงยอมรับไม่ได้แต่ยังมา ทำให้ฉันเจ็บปวดใจครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นฉันก็เลย เลิกอย่างเด็ดขาดโดยตรงเลย”

“งั้นก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายเหี้ยๆแบบ น้นคุณก็สมควรละทิ้งอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ต่อไป จะหาผู้ชายก็ต้องเอาผมเป็นมาตรฐาน รับรองคุณ จะไม่เลือกผิดคนแน่นอน!” เตชิตตบที่อก สีหน้าเหมือน “ข้ายอดเยี่ยมมาก

“อ้อใช่~ยังไม่ได้อวยพรที่คุณหลุดพ้นจาก ทะเลแห่งความขมขื่นเลย” เตชิตแตะกระป๋องเบียร์ ที่น้ำหวานถืออยู่อย่างโผงผาง

น้ำหวาน “

“ไหน คุณเล่าต่อซิ

.” น้ำหวานไม่ได้เล่าต่อ แต่ได้ถาม ว่า“ผู้ชายล้วนแต่แคร์เรื่องนี้มากเลยใช่มั้ย ถึงแม้ ปากบอกว่าไม่แคร์ แต่ในใจก็ยังคิดว่าถึงผู้หญิงเป็น ฝ่ายถูกรังแก ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สะอาดแล้ว ไม่คู่ควร ที่จะรักอีกต่อไปแล้ว?

นอกจากความคิดพวกนี้ ยังมีที่น่ากลัวกว่าคือ “คำวิพากวิจารณ์

อย่างเช่น “ทำไมคนอื่นไม่ไปข่มขืนผู้หญิงคน อื่น ดันจะข่มขืนคุณ คุณต้องมีจุดไหนที่ทําไม่ถูก แน่นอน”

อย่างเช่น “แต่งตัวเหมือนมารจิ้งจอกแบบนี้ ถูก ข่มขืนก็สมน้ำหน้าแล้ว
อย่างเช่น “แค่ดูก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดี อะไร ไม่แน่ตอนที่ถูกข่มขืนเธอยังรู้สึกเพลิดเพลิน ด้วยซ้ำ”

คำซุบซิบนินทาต่างๆนาๆ ล้วนแต่เป็นการ ทำร้ายจิตใจของผู้เสียมาก

ที่สำคัญที่สุดคือ คำวิพากวิจารณ์ของคนอื่นยัง ไม่ได้ทำร้ายจิตใจของผู้เสียหายมากที่สุด ที่มาของ การทำร้ายจิตใจที่สุดมาจากคนในครอบครัวกับ เพื่อน แม้กระทั่งคนที่คิดจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

น้ำหวานเลิกกับดุสิต ก็เป็นการปกป้องและ ป้องกันตัวอย่างหนึ่ง

เจ็บยาวๆสู้เจ็บสั้นๆดีกว่า บางทีเธออาจจะ อ่อนแอบ้าง แต่เธอไม่ใช่คนที่ไม่กล้าต่อต้าน และ ไม่ใช่คนที่จมเข้าไปในดินโคลนก็จะลุกขึ้นมาไม่ได้ ตลอดชีวิต

เดิมทีเธอก็ทำได้ดีมากแล้ว

ความทุกข์ในใจ ต่อไปถ้าได้จุดเปลี่ยนบางอย่างอาจจะสามารถหายหมดได้ แต่คิดไม่ถึงว่า ดุสิตได้ขอคืนดีอีก ให้เธอรอเขาห้าปี รอเขาออกมา จากคุกแล้วจะมาสู่ขอเธอ

“ผู้หญิงที่เคยถูกข่มขืน คุณรับได้มั้ย?” น้ำ หวานมองมาที่เตชิตแล้วถาม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ