คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่251: เด็กในท้องจะเอาไว้จริงๆหรอคะ?



บทที่251: เด็กในท้องจะเอาไว้จริงๆหรอคะ?

ในขณะที่พิงกี้รู้สึกสิ้นหวัง จู่ๆมีเสียงเท้าเดินที่หนัก แน่นดังขึ้นมา

พิงกี้น้ำตาท่วมหน้า และเงยหน้าขึ้นมาด้วยความ เซอร์ไพรส์

หรือว่าเตชิตรอไม่ไหว เลยเดินมาหาเธอ

แต่ว่า………

เควิน?

แว๊บแรกที่เห็นกลับเป็นร่างเงาสูงใหญ่ ใบหน้าที่ เคร่งขรึมของผู้ชาย พิงกี้หัวใจเย็นวูบและหลับตาลง มือ ทั้งสองกำไว้แน่น คำพูดที่อยากอ้อนวอนยังไงก็พูดไม่ ออก

จะพูดยังไง?

บอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา ดังนั้นเลยให้เขา

ช่วยเธอหน่อย?

เขาอยากเอาลูกคนนี้ไหม?

ยอมรับลูกคนนี้ไหม?
ก่อนหน้านั้นเขายังบอกว่าลูกของเธอคือลูกชู้ บอกว่า เธอเป็นผู้หญิงสําส่อน ต้องไปตรวจDNAถึงจะหาพ่อของ เด็กเจอ…….ไม่แน่เขาอาจจะอยากให้เธอเสียลูกไปก็ได้ เขาจะได้โบยบินไปกับลิสาอย่างหมดห่วง

แต่แล้ว ถึงจะถูกสบประมาทหรือถูกเหยียดหยาม เธอ ก็จะปล่อยโอกาศนี้ไปไม่ได้

คิดๆแล้ว พิงกี้เงยหน้าด้วยความขมขื่น กำลังอยาก ขอความช่วยเหลือจากผู้ชายคนนี้อย่างไม่เอาศักดิ์ศรี เขา กลับเดินมาหาเธอก่อน และนั่งลงมาที่ข้างกายเธอพร้อม ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ “คุณเป็นอะไรไป? ไม่สบาย ตรงไหนรึเปล่า?”

ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดรึเปล่า พิงกี้รู้สึกเสียงของผู้ชายค่อน ข้างที่จะสั่น ราวกับว่าแฝงด้วยความหวาดกลัวและความ ตื่นตกใจ เหมือนกำลังกลัวอะไรอยู่

รู้สึกเหมือนเควินที่เคยบอกว่ารักเธอได้กลับมาแล้ว

นาทีต่อมา เธอก็ได้อยู่ในอ้อมอกที่บึกบึนแข็งแรง ของเขา ถูกผู้ชายอุ้มขึ้นมาจากพื้นและเดินออกไปข้าง นอก “คุณวางใจได้ ผมจะส่งคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีทางเป็นอะไรแน่นอน!
เควินเม้มปากไว้ แววตามืดมึน

ถึงจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เขาก็ให้เธอเกิดเรื่องไม่

ได้!

เขาฉวยโอกาศทำเป็นความจำเสื่อม วางแผนทั้งหมด นี้ก็เพื่อให้เธอได้พ้นจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ถ้า เพราะเขาไม่อยู่ข้างกายเธอ แล้วทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก

เขายิ่งให้อภัยตัวเองไม่ได้

“ขอบคุณค่ะ….….”

ในใจสับสนมาก พิงกี้พูดเสียงต่ำ

ไม่พูดไม่ได้ นาทีนี้เธอรู้สึกสบายใจมาก เพราะรู้สึก ตัวเองได้รับความช่วยเหลือแล้ว

เควินไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินก้าวเท้าออกไปอย่างไว สีหน้าของเขาเรียบเฉย ทำให้คนมองอารมณ์ของเขาใน ตอนนี้ไม่ออก แต่แววตาของเขามีความเย็นชาซ่อนอยู่ กลับทำให้ผู้คนต่างก็หลีกทางให้เขา

“เควิน! ”
“เควิน คุณจะไปไหนคะ ข้าวยังทานไม่เสร็จเลย

นะ!”

ลิสาเดินออกมาจากในงานปุ๊บ ก็สายตาหลักแหลม เห็นเควินอุ้มพิงกี้เดินไปอย่างไว

ทันใดนั้นลิสาสีหน้าเปลี่ยนทันที และเดินตามไป

อย่างไว

แต่ว่า ถึงเควินจะอุ้มพิงกี้ไว้ ลิสาก็สู้ความเร็วของ เขาไม่ได้ เธอใส่รองเท้าส้นสูงไว้ ถึงวิ่งอย่างไม่แคร์ภาพ ลักษณ์ก็ตามเควินไม่ทันอยู่ดี

ยืนอยู่หน้าลิฟท์ ในที่สุดเควินก็หยุดก้าวเท้า

ยื่นมือไปกดปุ่มลง สีหน้าของเขาเยือกเย็น แววตาที่ ลุ่มลึกแฝงด้วยความตื่นเต้นและความเศร้าใจ สายตาจ้อง ที่อยู่ที่จอแสดงตัวเลขชั้น

“ดิ้ง”

มาถึงชั้นบนสุด ในที่สุดลิฟท์ก็ได้เปิดออกมา แต่แล้ว เควินที่กำลังจะอุ้มคนเข้าไปกลับอึ้งค้างครู่นึง

เตชิตที่กำลังจะออกจากลิฟท์ก็รู้สึกอึ้งเหมือนกันสีหน้าเขาเปลี่ยนไปในพริบตา พุ่งออกมาด้วยความร้อนใจ และตะคอกใส่เควิน “เธอเป็นอะไร? พิงกี้เป็นอะไร?”

“เควิน!” ในที่สุดลิสาก็มาถึงอย่างกระหืดกระหอบ

“คุณเตชิต……” โผล่หน้าออกมาจากอ้อมอกของ เควิน พิงกี้เรียกด้วยความลำบาก

ทันใดนั้น ดวงตาพราวเสน่ห์ของเตชิตแดงก่ำขึ้นมา ทันที เขายื่นมือไปที่เควินแล้วพูดด้วยความแข็งกร้าว “ส่ง เธอมาให้ฉัน!”

เควินหัวใจหนักหน่วง

แขนทั้งสองใช้แรงอุ้มพิงกี้ให้แน่นขึ้น กอดเธอไว้ แน่นอย่างควบคุมไม่ได้ ใช้แรงจนพิงกี้สงสัยและมองไปที่ เขาไม่ได้

ทำไมเขาไม่ยอมปล่อย

“เควิน คุณส่งพิงกี้ให้คุณเตชิตเถอะค่ะ คุณพ่อคุณ แม่ยังรอเราอยู่ในงานอยู่เลย วันนี้เป็นวันรวมญาติของ ครอบครัวเราทั้งสอง ถ้าเราจากไปแบบนี้มันคงไม่ค่อยดี เท่าไหร่มั้งคะ?”
เธอพยายามให้เสียงของตัวเองอ่อนโยน อย่าแหลม ปรี๊ดจนทำให้คนไม่ชอบใจ

เควินเม้มปากเป็นเส้นตรง

“คุณเควิน รบกวนคุณปล่อยฉัน………” ถึงแม้จะ เสียเวลาไปแค่ไม่กี่วิ แต่พิงกี้กลับใจร้อนขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้คือต้องไขว่คว้าเวลาไว้ทุกวินาที เธอไม่อยาก เสียเวลา!

ในขณะนี้ เสียงดึงดังขึ้นมาอีกที ประตูลิฟท์อีก ข้างได้เปิดออก เควินมองด้วยหางตาทีนึง ทันใดนั้นใน แววตาลึกๆของเขาได้เปลี่ยนไปทันที

ส่งพิงกี้ถึงมือของเตชิต เขามองเสื้อสูทที่เปื้อนคราบ เลือดของพิงกี้ด้วยความรังเกียจ ทันใดนั้นเขาถอดเสื้อ ออกและโยนลงถังขยะที่อยู่ข้างลิฟท์

ยื่นมือควงไหล่ของลิสาไว้ เสียงที่ทุ้มต่ำเสนาะหูของ เขาได้ดังขึ้น “เรากลับไปในงานเถอะครับ

เพื่อปลอบใจลิสา เขาก้มหน้าเล็กน้อยแล้วจูบไปที่

หน้าผากเธอ
“ค่ะ!” ทันใดนั้นลิสากลับรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

เหมือนชนะศึกมาอย่างไรอย่างนั้น เธอมองไปที่พิงกี้ อย่างได้ใจ กลับสามารถเห็นแค่เธอซบอยู่ในอ้อมอกของ เตชิต

เตชิตอุ้มพิงกี้ไว้ในอ้อมอก แววตาเย็นชาและร้ายกาจ เห็นลิสามองมา เขาได้ทำท่ากรีดคอทีนึง ทันใดนั้นทำเอา ลิสาตกใจจนหน้าซีด ความคิดที่จะท้าทายต่างก็ได้จาง หายไปหมด เธอรีบควงแขนของเควินแล้วเดินจากไป

เตชิตอุ้มพิงกี้จากไปอย่างไว

เขาแทบอยากอุ้มเธอไว้แบบนี้ตลอดไป อุ้มจนชั่วฟ้า ดินสลาย แต่พอเปิดประตูรถออก เขากลับไม่ปล่อยเธอลง ไม่ได้อีก

วางเธอลงที่ข้างคนขับอย่างระมัดระวัง เขาคาด เข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วยมือที่สั่นไหว

เตชิตที่ปกติยโสโอหังอย่างยิ่งจนไม่มีใครเทียบได้ ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะรู้สึกกลัวขนาดนี้
พิงกี้ยังตื่นตัวอยู่ แค่สีหน้าซีดเซียว หน้าผากมีเหงื่อ ไหลท่วม ริมฝีปากก็เจ็บจนเป็นสีม่วง สีหน้าเหมือนเจ็บจน สามารถสลบได้ทุกเมื่อ

เห็นสีหน้าที่ระมัดระวังของเตชิตแล้ว เธอได้หัวเราะ ออกมาภายใต้ความทุกข์ “คุณเตชิต คุณอย่าตื่นเต้น ขนาดนี้ซิคะ ฉัน….ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณส่งฉัน ถึงโรงพยาบาล ฉันก็ยิ่งไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ

เธอคอยปลอบใจเขา

เธอเจ็บขนาดนี้ ยังปลอบใจเขาอีก…………

“อืม” เตชิตตอบด้วยเสียงหนักหน่วง และยกมือ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เธอ เหมือนกำลังบอกให้เธอและ เหมือนบอกให้ตัวเอง “คุณต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน!

“อีกอย่าง คุณไม่ต้องพูดแล้ว รีบพักผ่อนก่อน

ก่อนขับรถออกจากลานจอดรถ เตชิตได้โทรออกไป หนึ่งสาย ให้ลูกน้องติดต่อตำรวจจราจรให้เคลียร์เส้นทาง ระหว่างภัตตาคารมังกรหยกถึงโรงพยาบาลให้โดยเร็ว ที่สุด

คำสั่งของเขา ย่อมมีคนไปปฏิบัติอย่างโดยเร็วที่สุดอยู่แล้ว

ตอนที่เขาออกมาจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน ข้างนอกก็

โล่งแล้ว

รถเฟอรารี่ของเตชิตซึ่งอยู่บนถนนที่ถูกเคลียร์ทาง ไว้เส้นนึงให้เขาโดยเฉพาะ ไม่มีเวลาสนใจไฟจราจร ท่ามกลางรถที่ขับเคลื่อนอยู่บนถนนมีร่องรอยสีส้มที่ อันตรายจนน่าตกใจแว๊บผ่าน เหมือนดาวตกที่แว๊บผ่านใน ยามค่ำคืน ดึงดูดสายตาผู้คนเป็นอย่างมาก

รถใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดขับมาถึงโรงพยาบาลส่วน ตัวของตระกูลมหาเจริญศิลป์

ระยะทางที่ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ถูกเตชิต หดเวลาเหลือแค่สามส่วนสอง แค่นี้ก็สามารถดูออกว่าเขา ใจร้อนขนาดไหน

“พยาบาล รีบเรียกหมอมา!” อุ้มพิงกี้เข้ามาถึงห้อง โถงพยาบาล สีหน้าแววตาของเตชิตตื่นตระหนกมาก เขา ตะคอกเสียงดัง “ติดต่อหมอสตูเร็วๆ ให้หมอที่เก่งที่สุดมา เดี๋ยวนี้!”

อยู่บนรถ เตชิตก็ได้ติดต่อมาที่โรงพยาบาลไว้ล่วง หน้าแล้ว ให้หมอเตรียมห้องผ่าตัดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ กำลังคนของโรงพยาบาลได้รอที่หน้าประตูโรงพยาบาลตั้งแต่ เนิ่นๆแล้ว มองเตชิตที่มาอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นทุกคนก็ เคลื่อนไหวขึ้นมาทันที

มีรถเข็นมารับพิงกี้ในเวลาอันรวดเร็วที่สุด และเข็น เธอเข้าห้องผ่าตัด

หวังว่าจะมาทันนะ

นั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างหมดเรี่ยวแรง เตชิต เอามือกุมศรีษะ แววตาแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความ เสียใจ..

ถ้าเขาไวกว่านี้อีกหน่อย หาเธอเจอให้ไวกว่านี้อีก หน่อย เธอก็

ไม่ต้องมารับเคาระห์แบบนี้แล้วใช่มั้ย?!

ในขณะนี้ พยาบาลคนนึงเดินมาอย่างตัวสั่น “คุณเต ชิตคะ เอ่อ…..ผู้อำนวยการให้ดิฉันมาถามคุณว่าถ้าเด็กใน ท้องของคุณพิงกี้สามารถรักษาไว้ได้ เราจะรักษาไว้จริงๆ มั้ยคะ?”

“นี่ไม่ใช่คำถามที่ไร้สาระหรอ? รักษาไว้สิ ทำไมจะ ไม่รักษาไว้?”
“แต่…” พยาบาลพูดต่ออย่างเสียงสั่น “แด่ ต่อไป ถ้าคุณแต่งงานกับคุณพิงกี้ เด็กคนนั้น เด็ก……….

ผู้ชายคนไหนยอมเลี้ยงลูกของคนอื่น

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นคนชอบประจบประแจง อยากฉวยโอกาศนี้มาประจบเดชิด แต่ตัวเองก็ไม่อยากทำ เรื่องลดตัวแบบนี้ เลยให้พยาบาลมาสืบสวน

เตชิตแววตาเย็นชาขึ้นมาทันที เขาพูดโดยไม่มีการ ลังเลด้วยซ้ำ “ไป ไปบอกผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้ ไม่ว่ายัง ไงต้องรักษาเด็กเอาไว้! บอกให้เขาอย่ายึกยักอีกเลย พยายามทุกวิถีทางรักษาทั้งเด็กและแม่ไว้

เขาโกรธกริ้วมาก

ถึงเขาไม่พูดว่าเต็มอกเต็มใจเลี้ยงลูกให้คนอื่น แต่ก็ เมินใส่กับลูกไม้แบบนี้

เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ พิงกี้ยิ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ เขามีสิทธิ์ อะไรไปช่วยเธอตัดสินใจ

เขาไม่รู้อะไรเรียกว่ารักที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่อยากไป โกหกปิดบังผู้หญิงที่เขาชอบจากใจจริง ไม่อยากทำเรื่องที่ ทำร้ายเธอแบบนี้
อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะแต่งงานกับ

เขา

คนที่คิดมากไปต่างก็คือคนโง่!

ถูกเตชิตตะคอกใส่ พยาบาลสีหน้าซีดและรีบหันหลัง วิ่งไปอย่างไว

นั่งอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดอยู่อย่างนี้ อารมณ์ของเตชิต ฉุนเฉียวมาก

คุณหญิงเพียงดาวที่ได้ยินข่าวก็มาด้วยความเร่งรีบ เห็นเขาที่สีหน้าร้อนรนใจจนหมดสภาพแล้ว เกิดความ สงสารอย่างห้ามไม่ได้ เปิดปากก็ถามอาการของพิงกี้ก่อน เลย “พิงกี้เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่ายังไง?”

“ผมไม่รู้” เตชิตส่ายหัว “ส่งมาที่โรงพยาบาลก็เข้า ห้องผ่าตัดไปแล้ว ผมยังไม่ทันได้ถามหมอเลย แต่ว่า ฟัง น้ำเสียงของหมอแล้วเด็กน่าจะรักษาเอาไว้ได้ครับ”

“รักษาไว้ได้ก็ดีๆ” คุณหญิงเพียงดาวลูบที่ตรงอก “ถึงจะไม่ใช่ลูกของแก แต่นั่นก็เป็นหลานของตระกูลเรา เชียวนะ ต่อไปแม่ต้องรักเขาให้เท่าเทียมกัน แม่จะไม่ยอมให้เด็กคนนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนในครอบครัวของเราเด็ด ขาด!”

เตชิตยากที่จะพูดออกมา

“ทำไมลูกทำหน้าแบบนี้?” คุณหญิงเพียงดาวไม่ พอใจแล้ว จ้องเตชิตที่สีหน้าเต็มไปด้วยโศกเศร้าทีนึง “แม่จะบอกลูกนะ ถึงลูกจะอยู่กับพิงกี้แล้ว ก็ไม่เอาเด็กคน นี้ไม่ได้! เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกอย่าง ลูกรู้มั้ยว่าการทำแท้ง มันมีผลเสียกับร่างกายของผู้หญิงมากแค่ไหน? พวก ผู้ชายนี่ไม่รู้อะไรเลย ชอบตัดสินใจอย่างมั่วซั่ว แม่……

“เดี๋ยวก่อนๆ…..” เตชิตรีบบอกให้หยุด และพูด อย่างจนปัญญา “แม่ครับ พิงกี้ยังไม่ได้อยู่กับผมเลย แม่ ก็พูดเรื่องหลานเหลนอะไรแล้ว มันเร็วเกินไปรึเปล่าครับ? แม่เชื่อมั่นลูกชายแม่ขนาดนี้เลยหรอ ไม่กลัวจะทำให้พิงกี้ ตกใจแล้วหนีรึยังไง?”

พูดตามตรง ที่จริงก่อนหน้านี้เขายังมีความมั่นใจอยู่ เขารู้สึกความจริงใจที่ตัวเองมีสามารถทำให้ฟ้าและดินซึ้ง ได้ ต้องได้ครอบครองหัวใจของพิงกี้แน่นอน แต่วันนี้เห็น สีหน้าที่เควินอุ้มเธอ เขากลับห้ามความตื่นตระหนกในใจ ไม่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ