คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่356: มาลาตีตายหรือยัง?



บทที่356: มาลาตีตายหรือยัง?

“เกือบสองชั่วโมงแล้ว”

“แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งมาบอกฉันตอนนี้คะ!” แตก ต่างจากความเกียจคร้านของเมื่อกี้ พิงกี้รีบลุกจากเตียง โดยตรง เปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วยและย้อนมาเร่งเควิน “คุณเร็วๆหน่อย เรารีบไปตอนนี้เลย!”

เควิน “

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่พุ่งลงมาที่ชั้นล่าง แต่ว่า ตอนที่ใส่รองเท้า พิงกี้กลับลังเล

“คุณเป็นอะไร?”

เควินเงยหน้ามองไปที่พิงกี้ กลับพบสีหน้าเธอหมด หนทางและงงงวย เหมือนกวางน้อยตัวนึงที่หลงเข้าไป ในป่าที่มีแต่หมอก ถูกหมอกของรอบๆทำจนทิศทาง พร่ามัว มีความตื่นตระหนกอย่างทำอะไรไม่ถูก

“เควิน..…..…….” พิงกี้เปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“มีอะไรครับ?”

“คุณว่า ไฟก็ไหม้มาสองชั่วโมงแล้ว มาลาตี……จะหมดทางช่วยแล้วหรือเปล่าคะ?”
“มีความเป็นไปได้”

ในที่สุดน้ำตาที่ก็ไหลพรากลงมา พิงกี้พูดด้วยเสียง สะอึกสะอื้น “เควิน……ฉันรู้สึกไม่สบาย ก็ไม่รู้เพราะ อะไรเหมือนกัน?”

ทั้งๆที่มาลาตีไม่ดีกับเธอเลย แต่ว่า เธอก็ยังรู้สึก เสียใจอย่างบอกไม่ถูก

“ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ไม่แน่เรื่องอาจจะมีพลิก ผันก็ได้ คุณก็อย่าเสียใจไปเลย” เควินถอนหายใจที นึง เอาสาวน้อยที่อยู่ตรงมากอดไว้ในอ้อมอก คางคอย ลูบไล้เส้นผมของเธอ และพูดรับประกันด้วยเสียงต่ำ “ถึงแม้เรื่องจะกู่ไม่กลับจริงๆ คุณก็ไม่ต้องกลัวนะ คุณ ยังมีผมที่คอยอยู่ข้างกายคุณ ไม่ว่าเวลาไหนผมก็จะอยู่ เคียงข้างคุณนะ”

“ค่ะ…….” พิงกี้พยักหน้า

พอขึ้นรถ พิงกี้มองดูวิวกลางคืนที่ถอยหลังไป อย่างเร็ว รู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่กลับนอนไม่หลับเลย

สมองของเธอวุ่นวายไปหมด อดไม่ได้ที่จะนึกย้อน

ถึงทุกอย่างในอดีต
ว่าไปแล้ว มาลาตีไม่ใช่แม่ที่ดีเลย สําหรับเธอแล้ว ไม่ใช่คนดีคนนึงเลยด้วยซ้ำ

แต่ว่า อยู่ในสายตาของคนอื่น มาลาตีก็คงจะมีด้าน

ดีอยู่มั้ง?

อย่างน้อยมาลาตีก็รักชาตรี ลิสากับภูผาจนสุด หัวใจจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ในสายตาของ มาลาตีก็ดีหมด ไม่ว่าพวกเขาจะเอาอะไรมาลาตีก็จะ พยายามทำให้จนพึงพอใจ มองจากมุมนี้เธอก็ถือว่าเป็น ภรรยากับแม่ที่ดีคนนึงอยู่

ยิ่งไปกว่านั้น……สำหรับเธอ มาลาตีจากที่เริ่มแรก ละอายใจต่อเธอ มาถึงสุดท้ายกลายเป็นความเกลียด ชังและความเย็นชา ที่จริงในนั้นมันก็มีเหตุและผลของ มันอยู่

เธอห้ามใจไม่ได้ที่จะคิด ถ้าตอนที่เธอเพิ่งมาถึง บ้านดำรงกูลไม่ได้โง่ขนาดนั้น ทุกอย่างมันอาจจะไม่ เป็นแบบนี้ก็ได้ใช่มั้ย?

ก่อนที่ถูกรับมาที่บ้านดำรงกูล ตั้งแต่เล็กจนโตเธอ ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวเลย พรข้อเดียว ตั้งแต่เล็กจนโตของเธอก็คือสามารถไปจากบ้านบุญ ถาวร
ช่วงที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านดำรงกูล เธอตื่นเต้น มาก เพราะเธออยากใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่ช่วย เธอออกมาจากดินโคลนอย่างบ้านบุญถาวร เธอแคร์ ภาพลักษณ์ของตัวเองมากเป็นพิเศษ และเฝ้ารอชีวิต ที่สวยงามของวันข้างหน้ามากเป็นพิเศษ แถมมีความ อดทนมาก แม้แต่กับลิสายังแทบไม่มีความโกรธเกลียด เลย

ตอนนั้น ลิสายอมเป็นมิตรกับเธอ เธอทั้งดีใจและ ไม่สบายใจ รู้สึกลิสาเป็นคนดีจริงๆเลย

ภายใต้การซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมและ สิ่งอื่นๆเข้าไปโดยไม่รู้ตัวจากลิสา เธอรู้สึกลิสากับเธอ ต่างก็เป็นผู้ถูกกระทำ ต่างก็เป็นหัวอกเดียวกัน

ลิสาถนัดซ่อนความรู้สึกลึกๆในใจไว้ เธอไม่รู้เลย ว่าลิสาเป็นคนตีสองหน้า ต่อหน้าคือพี่สาวที่สวยงาม และอ่อนโยน ลับหลังกลับทำลายชื่อเสียงของเธอป่นปี้ และแอบแทงข้างหลัง

นิสัยแย่ ใจแคบ ขี้ขโมย สำส่อนทางเพศ….………

คำครหาสารพัดอย่าง ถูกลิสาป้ายมาที่บนตัว เธอ แววตาที่ชาตรีกับมาลาตีมองดูเธอยิ่งอยู่ยิ่งแย่ พอ สุดท้าย พวกเขาไม่พาเธอออกงานสังคมใดๆอีกเลย รู้สึกขายหน้าเพราะเธอ ความรักที่เรียกว่าครอบครัว นายมาครอบดวงคำนซิบนินทาแบบนี้ไม่ไหสุดท้ายได้กลายมาเป็นความเย็นชาที่สุดจะทนไหว

ตอนนั้น เธอที่ได้รับความทุกข์ทรมานถึงขั้นขีดสุด ถึงดึงสติกลับมาได้ในทันทีว่าลิสาไม่ใช่คนดีอะไรเลย

คิดๆแล้ว ถ้าเธอไม่ถูกลิสาหลอกลวงจนทำให้ชื่อ เสียงป่นปี้ ไม่แน่มาลาตีก็คงอาจจะรักและเอ็นดูอยู่บ้าง? อย่างไรก็ตาม ตอนแรกมาลาตีก็พยายามอยากชดใช้ ให้เธออยู่

เพียงแต่ทั้งหมดนี้ไม่มีผลลัพธ์แล้ว

ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ ไม่มีใครผิด ทุกคนต่างก็มี เหตุผลของตัวเอง

ผ่านเรื่องราวและอุปสรรคมามากมายขนาดนี้ พิงกี้ เคยรู้สึกว่าชาตินี้ทั้งชาติตัวเองก็ไม่มีทางให้อภัยชาตรี กับมาลาตี ตอนที่ชาตรีถูกจับเข้าคุก เธอก็ไม่ได้มีความ รู้สึกอะไรเลย แต่ว่า…….ได้ยินข่าวการตายของมาลาตี เธอถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้สงบขนาดนั้น

พิงอยู่ที่กระจกรถ หน้าผากของพิงกี้แนบอยู่ตรง กระจกรถที่เย็นเฉียบ ในใจรู้สึกเย็นวูบ

เธอกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ซึมเศร้าอยู่ เควินได้ยื่น มือมาดีดที่หน้าผากเธอ
เจ็บมาก!

“ดึงสติกลับมา” เขาอุ้มเธอขึ้นมาจากเบาะนั่ง โดยตรง แล้วอุ้มมาไว้ในอ้อมอกของตัวเอง “อย่าคิด ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว โอเคมั้ย?”

“ฉันแค่อยากอยู่เงียบๆค่ะ” พิงกี้พูดเสียงต่ำ

“ผมไม่อนุญาติ”

ถูกเควินมาก่อกวน เธอรู้สึกจนปัญญา แต่ก็ไม่ค่อย ซึมเศร้าเหมือนเมื่อกี้แล้ว

เวลาตีสามตีสี่ บนถนนมีรถไม่เยอะ

รถมายบัคขับซิ่งมาตลอดทาง ใช้เวลาน้อยลงสาม ส่วนหนึ่งขับมาถึงบ้านดำรงกูล อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ พิงกี้ได้รับความทรมานมากไปกว่านี้

ระหว่างที่รถขับใกล้เข้ามาถึงบ้านดำรงกูล พิงกี้ เห็นควันสีดำเข้มข้นลอยขึ้นบนฟ้ามาแต่ไกล

เป็นภาพที่สะดุดตามาก

และภายใต้ควันโขมงสีดำ คือไฟสีส้มที่กำลังกลืนกินทุกสิ่ง ไฟที่ปกติดูแล้วอบอุ่น นาทีนี้กลับเป็นตัวแทน ของการทําลายล้าง

เสียงคน เสียงรถ เสียงแตรดังขึ้นอย่างไม่หยุด

รถดับเพลิงหลายค้นกำลังห้อมล้อมบ้านดำรงกูล อยู่ สายฉีดน้ำที่มีขนาดใหญ่เท่าแขนกำลังพ่นไปที่บ้าน ดำรงกุล

ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นควันที่ทำให้คนสำลัก ยัง มีกลิ่นไหม้ที่ไม่พึงประสงค์หลังจากเผาไหม้ พิงกี้เพิ่งลง จากรถก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

“รังสิต ทำไมไม่เตรียมแมสไว้หน่อย?”

เควินลูบหลังพิงกี้ไปด้วยและขมวดคิ้วถามรังสิตไป

ไม่ได้เตรียมไว้อยู่แล้ว!

เพราะสมองของรังสิตก็เอ๋อไปแล้วเหมือนกัน เขา จะรู้ได้ยังไงว่าจะมีคนสำลักควันด้วย? เห็นคนเยอะแยะ พวกนี้ก็ไม่ได้ใส่แมสปิดปากกัน ไม่ได้จะเข้าไปลุยใน กองไฟสักหน่อย คนดูก็ไม่ใช่แค่คนสองคนนะ!

เขาไม่เคยเห็นคนที่อ่อนแอขนาดนี้มาก่อน
แต่ว่า ถึงแม้ในใจบ่นอย่างไม่พอใจอยู่ แต่รังสิตก็ ยังได้ทำความเคารพแบบทหาร “ผมจะไปเตรียมเดี่ยว นี้เลยครับ!”

“อืม” เควินพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจ

“ไม่ต้องไปซื้อแล้ว ฉันไม่เป็นไร” พิงกี้ควบคุม อาการไอไว้ เปิดปากพูดอย่างน้ำตาคลอเบ้าเพราะ สำลักควัน “ถามสถานการณ์กันก่อนเถอะ ไม่ แน่…..ไม่แน่..…….…..

ไม่แน่ยังสามารถช่วยมาลาตีออกมาได้ทัน เพียง แต่ พิงกี้ก็รู้อยู่ว่านี่อาจจะเป็นการเพ้อฝัน

“นี่มันคนละเรื่องกัน ให้เขาไป”

เควินไม่ยอม รังสิตก็ได้ขับรถออกไปหาร้านขาย ยาแล้ว พิงกี้ก็ไม่ได้เกลี้ยกล่อมต่อ “โอเคค่ะ

สายตาของเธอมองไปที่ตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ สมา ทั้งหมดได้จดจ่ออยู่ที่บ้าน ารงกูล

มีคนอยู่ในเหตุการณ์เยอะมาก

นอกจากนักดับเพลิงที่กำลังดับไฟอยู่ ยังมีคนที่อยู่ระแวกนี้ก็มาดูความคึกคักด้วย กำลังซุบซิบกัน พิง กี้ได้ยินแว่วๆที่พูดทำนองว่า“กรรมตามสนอง อะไร ประมาณนี้

เธอถอนหายใจทีนึง และมีอารมณ์ซับซ้อน

ในขณะนี้เอง นักดับเพลิงคนนึงที่ชี้นิ้วสั่งการอยู่ กําลังมองมาที่พวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สั่งการให้คนที่ อยู่ข้างกายด้วยความเร่งรีบเสร็จก็เดินมาหาพวกเขา อย่างไว

“เควิน คุณพิงกี้”

นักดับเพลิงที่ถอดหมวกดับเพลิงออกมาคือชาย หนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา ผมเปียกชุ่มติดอยู่ตรงหน้าผาก ดวงตาทั้งคมทั้งลึก ทักทายเควินเหมือนคนที่สนิทสนม กันมาก เห็นได้ชัดว่ารู้จักเควิน

“ทำไมถึงเป็นนายได้เนี่ย?” เควินถาม

“ก็ด้วยความบังเอิญน่ะสิ” นักดับเพลิงยื่นมือไป ที่ตรงหน้าของพิงกี้ และแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ครับ คุณพิงกี้ ผมเป็นเพื่อนของเควิน ชื่อวิโรจน์ครับ”

พิงกี้ยื่นมือออกด้วยมารยาท “สวัสดีค่ะคุณวิโรจน์ ฉันชื่อพิงกี้ค่ะ”
เธออยากถามดูสถานการณ์ คิดไม่ถึงว่าวิโรจน์จะ เปิดปากพูดก่อน

“ผมได้ยินชื่อของคุณมานานแล้วครับ” วิโรจน์ กระพริบตาปริบๆใส่พิงกี้ แล้วถามต่อว่า “ใช่แล้ว ไปดูคุณหญิงมาลาตีมั้ยครับ?” คุณจะ

“…….ค่ะ” จู่ๆพิงกี้รู้สึกแน่นอก “ศพถูกเผาไหม้ (( ไปเยอะมั้ยคะ?”

“อะไรนะครับ?” วิโรจน์ตะลึงแล้วรีบส่ายหัว “ไม่ใช่ครับ…..ตอนนี้คุณหญิงมาลาตีสบายดีครับ คุณ ว่าศพอะไรครับ?”

“ห้า อะไรนะคะ?” พิงกี้ช็อคมาก

ทั้งสองสบตากัน สุดท้าย พิงกี้มองไปที่เควินอย่าง ขอความช่วยเหลือ

เรื่องที่ต้องใช้สมองแบบนี้ มอบให้กับคนที่เฉพาะ ทางเถอะ อีกอย่าง เควินเป็นคนบอกกับเธอเองว่า มาลาตียังไม่ได้ถูกช่วยออกมา

ไฟได้เผาไหม้มาสองชั่วโมงแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ใกล้ จะสามชั่วโมงแล้ว ยังไงก็คงไม่น่ารอดชีวิตมาได้มั้ง ดัง นั้นเธอก็นึกว่ามาลาตีคงเสียชีวิตแล้ว
เควินพูดคุยกับวิโรจน์ไปสองคำ นี่ถึงรู้ว่านักดับ เพลิงที่วิโรจน์ฝากให้แจ้งข่าวให้เควินอาจจะพูดผิดไป ภายใต้สถานการณ์ที่คับขันแบบนี้ หรืออาจจะเพราะใน เหตุการณ์เสียงดังโกลาหลเกิน เควินเลยฟังผิดเอง

สรุปก็คือเป็นข่าวคลาดเคลื่อน

วิโรจน์เปิดปากพูด “ถึงคุณหญิงมาลาตีจะถูกช่วย ออกมาแล้ว แต่ตอนนี้อาการก็ไม่ค่อยสู้ดีครับ เพราะสูด ก๊าซCarbon monoxide เข้าไปเยอะ ตอนนี้โดนพิษ นอนสลบอยู่ อาการต่อจากนี้ยังต้องให้ทางโรงพยาบาล ตรวจดูครับ ถ้าสาหัสล่ะก็…………

ถ้าสาหัส คาดว่าอาจจะกลายเป็นเอ๋อได้

สถานการณ์แบบนี้คนทั่วไปก็รู้อยู่ หยุดไปครู่ นึง วิโรจน์ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่ได้เปลี่ยนไปพูดอย่าง อื่น “ส่วนคนรับใช้สามคนในบ้าน มีหนึ่งในนั้นไม่ได้อยู่ ในห้อง ไม่แน่อาจจะอยู่ที่มุมไหนของบ้านที่ยังไม่ถูก พบเห็นครับ ส่วนอีกสองคนอยู่ห้องใต้ดิน สถานการณ์ ของที่นั่นค่อนข้างซับซ้อน ตอนนี้ยังไม่ได้ถูกช่วยเหลือ ออกมา ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือสามคนนี้คงจะไม่ รอดแล้วครับ”

รู้ว่ามาลาตียังไม่ตาย ก้อนหินใหญ่ที่อยู่ในใจของ พิงกี้เหมือนถูกยกลงมาจากอก แต่พอได้ยินเสียชีวิตไป สามคน อารมณ์ของเธอก็ได้หนักหน่วงขึ้นมาอีก
จู่ๆพิงกี้นึกถึงจอย คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายของ มาลาตีคนนั้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ