คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่284: ลงมือเลย



บทที่284: ลงมือเลย

หทัยรัตน์ยืนอยู่ที่หน้าคลีนิก แต่งตัวดูดีสง่างามและ แต่งหน้าสวยสดงดงาม

แต่แล้ว รอยยิ้มที่จะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของเธอ ทำให้รู้สึก ได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้มาดีแน่ บวกกับกลิ่นไอที่สูงส่ง ของเธอ ทำให้เธอดูแล้วเป็นคนเย่อหยิ่งและก้าวร้าวจน เข้าใกล้ยาก

เมื่อเทียบกันแล้ว ถึงแม้เสื้อผ้าทั้งชุดและกระเป๋าของ มาลา ก็ราคาแสนแพง แต่พลานุภาพอ่อนกว่าเยอะ เธอ ยืนอยู่ด้านหลังของหทัยรัตน์ก้าวหนึ่ง ดูแล้วเหมือนคนใช้ แก่ๆที่มาปรนนิบัติเจ้านาย

พิงกี้มองไปที่เธอทั้งสอง ทั้งคู่ก็มองมาที่เธอเช่นกัน

หายใจลึกๆทีหนึ่ง พิงกี้รู้ว่าครั้งนี้หนีไม่รอด ไม่ต้อง รอให้คนขับรถมากระชากเธอก็เงยหน้าพูดด้วยเสียงเย็น ชาว่า “ฉันลงรถเองได้ ไม่ต้องให้นายมาเตือนหรอก”

คนขับสีหน้าเรียบเฉยและหลีกทางให้

พิงกี้คิดแผนตอบโต้อยู่ในสมองด้วยความร้อนใจ ระยะเวลาสั้นๆก็คิดแผนอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ใช้แผนตรง ไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
เธอหยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากกระเป๋า และถือไว้ ในมือ มีดที่แหลมคมแค่มองก็ทำให้คนรู้สึกกลัว มืออีกข้าง ถือโทรศัพท์ที่กดเบอร์แจ้งตำรวจไว้เรียบร้อยและลงจาก รถด้วยการป้องกันตัว

ดวงตากลมโตจ้องทั้งสองไว้ สายตาเต็มไปด้วยความ ระมัดระวัง

“ยัยเด็กคนนี้นี่หมายความว่ายังไง ป้องกันตัวกับพวก เราเหมือนเป็นตัวอะไร? พวกเราจะทำร้ายแกยังไงกัน? มาลาตีเห็นพิงกี้เป็นแบบนี้ปุ๊บก็อกสั่นขวัญแขวน รีบเดิน มาข้างหน้า แทบอยากจะแย่งมีดกับมือถือของพิงกี้ไป

พิงกี้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ฝืนยิ้มและถามว่า “งั้น รบกวนคุณหญิงมาลาตีบอกฉันหน่อย ถ้าพวกคุณไม่อยาก ทำร้ายฉัน แล้วจะพาฉันมาตรวจครรภ์ที่คลีนิกเถื่อนที่หน้า ประตูกระจกติดไว้ว่า “ทำแท้งโดยไม่ต้องเจ็บตัว” ในที่ เปลี่ยวและเล็กแบบนี้หรอ?”

มาลาตีหายใจติดขัด

พิงกี้แววตายิ่งเย็นชาเข้าไปอีก เธอพูดเหน็บแนมว่า “หรือว่า ตอนนี้ที่เมืองหลวงเราเปลี่ยนรสนิยมใหม่แล้ว หรอ ไม่นิยมนัดเจอกันที่ร้านกาแฟหรือว่าที่ร้านอาหาร หรือแม้แต่นัดเดินช็อปปิ้งหรือฟังเพลง แต่นิยมนัดมาคุยกันที่คลีนิกเถื่อน

มาลา ยิ่งหมดคำพูด

ยังเป็นหทัยรัตน์ที่ยืนอยู่หน้าประตูเปิดปากพูด ก่อน “วันนี้เรียกแกมาที่นี่คืออยากช่วยแกออกค่ารักษา พยาบาลสักหน่อย ตัดเรื่องที่แกไม่ได้ตัดขาดจากตระกูล ภิรมย์ภักดีของเรา!

“อ้อ? งั้นเรื่องอะไรหรอคะ?” พิงกี้ถาม

“เหอะ….” หทัยรัตน์หัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง สายตาจ้องมาที่ท้องของเธอ “ก็มารผจญที่อยู่ในท้องแก ไง? ถึงแม้ตอนนี้จะเจ็ดแปดเดือนแล้ว แต่ถ้าจะเร่งคลอด ก็สามารถเอาลูกออกมาได้ ถ้าแกท้องลูกของคนอื่นฉันจะ ไม่สนใจเลย แต่แกอยากมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเรา แถมยังอยากใช้สิ่งนี้มาครอบครองมรดกของตระกูลเรา งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจดำกับแกก็แล้วกัน

พูดจบ หทัยรัตน์ก็ตำหนิใส่คนข้างหลัง “ยังยืนเซ่อ อยู่ทำไม ไปเชิญตัวคุณพิงกี้เข้าไปในคลีนิก ให้หมอ จัดการให้เธอดีๆหน่อย!

“ครับ!”
หทัยรัตน์ออกคำสั่ง ทันใดนั้นก็มีผู้ชายกำยำวิ่งออก มาจากในคลินิกสามคน แต่ละคนพุ่งมาที่พิงกี้เหมือนรถ ปราบดิน

ตอนที่พิงกี้เห็นคลีนิก ก็พอจะเดาออกอย่างลางๆแล้ว ตอนนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ยิ่งทำให้เธอดูถูกหทัยรัตน์ มากขึ้น

ก็ไม่รู้ว่าหทัยรัตน์สมองมีปัญหาหรือเปล่า ทำไมมัน จะต้องหาเรื่องเธอด้วย!

เธอท้องลูกของเควินอยู่ หรือมันจะมีอันตรายต่อ ตระกูลภิรมย์ภักดีจริงๆหรอ?

ถ้าตระกูลภิรมย์ภักดีกับหทัยรัตน์ยังไม่รู้ข่าวที่เควิน ยังไม่ตาย ตอนนี้หทัยรัตน์ลงมือกับลูกของเธอแบบนี้ ถ้า ในนี้ไม่มีลับลมคมในอะไร เธอไม่เชื่อจริงๆ

ในสมองคิดเรื่องเยอะแยะ แต่พิงกี้มองผู้ชายกำยำ สามคนเข้าใกล้มาหาเธอเรื่อยๆ ความคิดในสมองของเธอ แค่แว๊บเดียวก็ผ่านไปแล้ว มัวแต่เอาสมาธิทั้งหมดเจาะจง อยู่ที่ชายกำยำสามคนนี้

มือข้างหนึ่งจับมือถือไว้ มืออีกจับมีดไว้แน่น ใช้ปลาย มีดแหลมสู้หน้ากับทั้งสามคนและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ถ้าพวกแกมาอีก งั้นก็อย่าหาว่าฉันโหดนะ ฉันจะบอก พวกแกให้ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ!”

“ทางที่ดีที่สุดคุณพิงกี้ระวังหน่อยนะครับ อย่าทำร้าย โดนตัวเองก็แล้วกัน”

บอดี้การ์ดทั้งสามไม่เห็นพิงกี้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

หนึ่งในนั้นยิ่งพูดจาถากถาง

จากที่พวกเขาดูแล้ว พิงกี้ถือหยิบมีดปอกผลไม้ออก มาก็เพื่อมาขู่คน ไม่ใจกล้าที่จะเอามีดมาที่แทงร่างกาย ด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ระวังตัวตัวหน่อยก็ไม่มีทางเป็นอะไร แน่นอน

ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บจนเห็นเลือด ไม่ต้องรอให้พวก เขาไปแย่งมีดมาหรอก ไม่แน่พิงกี้เองก็ตกใจจนโยนมีดทิ้ง แล้ว

ผู้หญิงที่ตัวเล็กบอบบางแบบนี้ เห็นเลือดแล้วจะไม่ กลัวได้ยังไง?

แต่ว่า พิงกี้ได้ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาจริงๆ

พวกเขาเพิ่งยื่นมือมาที่ตรงหน้าประมาณสองเมตร พิงกี้ก็ใช้มีดกรีดไปอย่างโหดทีหนึ่ง ดีที่ไม่มีกรีดโดนเส้นเลือดใหญ่ ไม่งั้นเลือดต้องกระเด็นออกมาแน่ๆ

แต่แล้ว ถึงจะเป็นแบบนี้ บาดแผลที่ลึกสิบเซนติเมตร ก็มองจนคนหวาดเสียว ยิ่งทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นเจ็บจน กัดในไว้

สายตาของพิงกี้แน่วแน่ ไม่มีความตื่นตระหนกหลัง จากที่ได้ทําร้ายคนเลยแม้แต่นิด “ถ้าพวกแกถอยหลัง ฉัน ก็ไม่ทําร้ายพวกแกหรอก แต่ถ้าพวกแกยังจะลงมือกับฉัน อีก งั้นฉันก็ไม่ใจเสาะหรอกนะ มีแต่จะแทงให้พวกแกได้ แผลมากกว่านี้!”

ผู้ที่หลังจากเป็นแม่คนต่างก็แข็งแกร่งทั้งนั้น ตอนนี้ที่ ถึงเธอยืนอยู่ตรงนี้และหลงกลมาลาตี แต่ก็จะไม่มีทางให้ ความโง่ชั่วครู่ทำให้ลูกเกิดเรื่องอะไร……..ถ้าเป็นแบบนั้น จริงๆ เธอไม่รู้ว่าเธอจะสมารถทำเรื่องอะไรออกมาได้

เงยหน้าขึ้นมา พิงกี้ดวงตาแดงก่ำและจ้องมาลาตีกับ หทัยรัตน์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “วันนี้ถ้าลูกฉันเกิดเรื่องอะไรขึ้น มา ต่อไปพวกแกอย่าคิดจะได้อยู่อย่างเป็นสุขเลย! ถึงฉัน ต้องติดคุกติดตารางก็จะให้แกสองคนได้ชดใช้แน่นอน! คิดเอาเองเถอะ ขอแค่วันนี้พวกแกสองคนทำเรื่องชั่ว ต่อ ไปก็ต้องคอยระมัดระวังฉันอยู่ทุกวินาที กินก็กินไม่ได้ นินก็ นอนไม่หลับ พวกแกคิดว่าคุ้มหรอ?”
“ข้างกายฉันมีบอดี้การ์ด ฉันยังต้องกลัวแกอีก หรอ?” หทัยรัตน์ย้อนถาม

“ใช่หรอ?” พิงกี้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาเต็มไป ด้วยความเกลียดชัง “แกไปเข้าห้องน้ำก็ต้องให้บอดี้ การ์ดติดตามไปด้วย ลองเสื้อผ้าในห้างก็ต้องให้บอดี้การ์ด ติดตามไปด้วย? แกอยากใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดระแวง และผ่อนคลายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวหรอ?”

“นี่แก……….” หทัยรัตน์โมโห จู่ๆก็หันกลับมาหัวเราะ “แกคิดว่าฉันจะกลัวแกหรอ? ขอแค่ฉันจับตัวแกไว้ หรือว่า หาข้ออ้างหนึ่งอย่างไป แกเข้าคุก แกก็ไม่มีวิธีลงมือกับฉัน อยู่ดี? ฉันแค่ทนลำบากเพียงครั้งเดียว ก็สามารถสบาย ไปตลอดชีวิตแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงว่าแกจะมาทำอะไรฉัน ได้ด้วยซ้ำ!”

“แกใส่ร้ายฉัน ไม่กลัวคนอื่นจะว่าแกบิดเบือน กฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว? ฉันจะบอกแกให้ แกทำไม่ ได้หรอก!”

แต่แล้ว หทัยรัตน์กลับไม่กลัวแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ