คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่483ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!



บทที่483ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!

น้ำหวานกลับมาถึงบ้าน แผ่นหลังพิงอยู่ที่ประตู รู้สึกคนทั้งคนใกล้จะล้มฟุบลงไป

ขาทั้งสองแบกรับน้ำหนักของร่างกายไม่ไหว ร่างกายที่พิงอยู่บนประตูสไลด์ลงมาเรื่อยๆ สุดท้าย สไลด์ลงมานั่งบนพื้น มือทั้งสองกุมหน้าร้องไห้ขึ้นมา

น้ำตาอาบหน้า เอ่อล้นออกมาจากซอกนิ้วอย่างไม่

หยุด

เลิกกันแล้ว

เธอเลิกกับดุสิตแล้วจริงๆ

ที่จริงหลังจากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธอก็เคยคิด แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ แต่ว่า เธอคิดมาโดยตลอดว่าอยาก จากกันด้วยดี หรือว่า ระหว่างเธอกับดุสิตเพราะเรื่องนี้ เหมือนมีก้างปลาติดอยู่ในคอ มีเรื่องในใจไม่ได้พูดออก มาแล้วรู้สึกทรมาน หลังจากอยู่ด้วยกันสักพักค่อยจาก กันด้วยดีก็ดีเหมือนกัน……….

เธอยังไงๆก็คิดไม่ถึง สุดท้ายต้องกลายมาเป็น สภาพที่แยกจากกันอย่างตัวใครตัวมัน และจบไม่สวย แบบนี้

ทรมานและตกที่นั่งลำบากมาก
น้ำหวานพิงที่ประตู น้ำตาไหลรินจนแห้งก็นั่งเหม่อ ลอยอยู่บนพื้น พอนั่งนานเข้า พอคิดมาก น้ำตาก็ไหล พรากลงมาอีก

ถ้าไม่ใช่พิงกี้โทรศัพท์มา เธออาจจะนั่งเหม่อลอย อยู่หน้าประตูทั้งคืนเลย

“ฮัลโหล พิงกี้ เธอโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือ

เปล่า?”

มองดูหน้าจอมือถือ ก่อนจะรับสาย น้ำหวานได้ลุก เข้าไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ พอเสียงกลับมาปกติแล้วถึงรับ สาย เพื่อไม่ให้พิงกี้ฟังออกว่าเพิ่งร้องไห้มาเมื่อกี้

“ทำไมเธอรับสายช้าจังเลย เมื่อกี้เธอทำอะไร อยู่?” เสียงของพิงกี้ที่อยู่ในสายค่อนข้างร้อนรนใจ พยายามเรียบเรียงคำพูดอยู่ในสมอง “น้ำหวาน เกิด เรื่องอะไรขึ้นใช่หรือเปล่า?”

“อืม…….” น้ำหวานหัวเราะเบาๆ “ฉันเลิกกับ ดุสิตแล้ว”

“จริงหรือเนี่ย?” พิงกี้ประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ ประหลาดใจมาก

เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน น้ำหวานแค่ฟังก็รู้ว่าก่อนที่ พิงกี้จะโทรมาก็รู้แล้ว จึงถามว่า “เธอได้ยินข่าวอะไรมาใช่ไหม ถึงได้โทรหาฉัน?”

ถ้าไม่ใช่แบบนี้ พิงกี้ไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้หรอก

“อืม” พิงกี้ตอบ “วันนี้เธอไปที่เนเวอร์แลนด์ใช้ มั้ย? งานสังสรรค์ที่ดุสิตพาเธอไปร่วมงานมีคนสนิทของ เควินอยู่ ได้ยินว่าเธอเกิดเรื่อง เลยรีบส่งข่าวมาให้เควิน เลย”

“เขาพูดว่ายังไงบ้าง?

“เขาพูด……..” พิงกี้ลังเลแล้ว

“ไม่มีคำพูดที่ฟังดูเลยใช่มั้ย?

“อืม”

“วันนี้ดุสิตถูกคนที่บ้านบีบบังคับให้ไปพบปะหา เนื้อคู่ ทางบ้านให้เขาเจอหน้าพูดคุยกับคุณหนูมาช่า ของตระกูลศิลปการสกุล เขาไม่อยากพบปะหาเนื้อคู่ ลับหลังฉัน แต่ก็หงุดหงุดที่ถูกคนทางบ้านบีบบังคับ ก็ เลยพาฉันไปด้วยกัน จะได้แสดงท่าทีของตัวเองอย่าง ชัดเจนทีเดียวไปเลย ฉันไป จากนั้นก็เจอลูกพี่ลูกน้อง ของดุสิต…….”

พูดถึงตรงนี้ เสียงของน้ำหวานมีความอึดอัดอย่าง ยากที่จะซ่อนเร้น และเต็มไปด้วยความเสียใจ “พิงกี้ เธอรู้ไหมว่าดุสิตเอารูปที่ผู้ชายน่าขยะแขยงคนนั้น ส่งไปให้เขา เอาให้พ่อแม่และลูกพี่ลูกน้องเขาดู! ลูกพี่ ลูกน้องเขา……ลูกพี่ลูกน้องเขาพูดจาหยาบคาย แถมยังมาถูกเนื้อต้องตัวฉัน จากนั้นก็ถูกดุสิตเห็นเข้า พอดี……”

“จากนั้นล่ะ?” พิงกี้ขมวดคิ้ว

“จากนั้น ปฏิกิริยาแรกของเขาไม่ใช่ช่วยฉันแก้ไข สถานการณ์ แต่ถามว่านี่พวกคุณกำลังทำอะไรกัน! พิง กี้ ตั้งแต่วินาทีนั้นฉันก็ตายใจแล้ว! ดุสิตไม่เชื่อใจฉัน เขานึกว่าฉันกำลังมั่วอยู่กับพี่ชายเขา! เธอว่า ความรักนี้ กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ฉันยังจะเอาไว้ทำไม?”

พูดถึงตรงนี้ น้ำตาของน้ำหวานก็ได้ไหลรินลงมา

เจ็บปวดใจสุดๆ

เธอจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก และเคยวาดฝัน ว่าจะอยู่กันอยู่ด้วยกันจนแก่จนเถ้า ถ้าไม่ใช่แบบนี้ เธอ จะเหยียบเข้าในไปโคลนเน่าของตระกูลภักดีวัฒนากุล เพื่อดุสิตทำไม?

แต่ว่า เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ในสายตาของดุสิต เธอจะ เป็นคนที่ไปมั่วกับพี่ชายของเขาอย่างลับหลัง!
“น้ำหวาน…..” พิงกี้เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูด อย่างเด็ดขาด “เอาล่ะ เธออยากร้องก็ร้องออกมาเถอะ เรื่องวุ่นวายแบบนี้กลั้นไว้ในใจ ไม่ร้องไห้ออกมาก็ยัง รู้สึกทรมานด้วยซ้ำ แต่เธอต้องรับปากฉันนะว่าร้องไห้ เสร็จก็ปล่อยมือ อย่ากระทบชีวิตวันข้างหน้าของเธอ อืม….เธอรอฉันนะ ฉันจะรับไปหาเธอเดี๋ยวนี้เลย รับเธอ มาพักที่บ้านฉันสักช่วง

แต่ไหนแต่ไรพิงกี้ก็เป็นคนที่ทำอะไรว่องไวอยู่ แล้ว ไม่รอให้น้ำหวานพูด เธอก็ได้วางสายโดยตรง และ เปลี่ยนเสื้อผ้ากับหยิบกระเป๋าก็เดินออกไปข้างนอกเลย

เธอใส่รองเท้าไปด้วยและพูดกับป้ามะลิไปด้วย “ป้ามะลิ เดี๋ยวไปทำความสะอาดห้องนอนแขกหน่อย นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปรับเพื่อนมาคนหนึ่งค่ะ”

“คุณผู้หญิง คุณออกจากบ้านต้องบอกคุณผู้ชาย ก่อนไหมคะ?”

“ฉันไม่ทันแล้วค่ะ เดี๋ยวถ้าเขาถามขึ้นมาล่ะก็ ป้า ก็บอกว่าฉันไปหาเพื่อนของฉัน มีอะไรให้เขาโทรมาหา ฉันเลยนะ”

เพิ่งพูดจบ พิงกี้ก็เดินไปที่ลานจอดรถ

เธอก็ขี้เกียจหาคนขับแล้ว ขับรถเองสะดวกกว่า
ตอนที่เธอขับรถมาเพิ่งใต้ตึกของน้ำหวานก็ห้าทุ่ม แล้ว เพราะดึกเกินไป เธอยังหาที่จอกรถไม่เจอก็ได้โทร หาน้ำหวานก่อนแล้ว

น้ำหวานไม่ได้นําออย

รู้ว่าพิงกี้จะมารับเธอ เธอก็เก็บเสื้อผ้าของตัวเอง เตรียมไว้เลย หลังจากได้รับสายก็เตรียมตัวลงไป

ตรวจสอบแก๊สและไฟของห้อง น้ำหวานเพิ่งนั่งลง ที่โซฟาก็ได้ยินเสียงกดกริ่งของประตูดังขึ้น

เธอเดินมาเปิดประตู ยังไม่ทันได้มองเห็นคนที่มา อย่างชัดเจนก็ถามว่า “ทำไมเธอมาไวจังเลย?”

เดิมทีนึกว่าพิงกี้หาที่จอดรถอย่างน้อยก็ต้อง

ใช้5-10นาทีอยู่

เสียงที่ตอบเธอกลับเป็นเสียงของผู้ชาย น้ำเสียง แฝงด้วยความสงสัยและความผ่อนคลาย “น้ำหวาน คุณรู้ว่าผมจะมา?”

น้ำหวานเงยหน้า คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พิงกี้ แต่

เป็นดุสิต

แต่ไหนแต่ไรเขาที่เป็นเหมือนคุณชายสูงส่งเสื้อผ้า มีร่องรอยของการฉีกขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ายังมีรอยเขียวช้ำ เหมือนเพิ่งไปชกต่อยกับคนมา…….. หวานอึ้งค้างไว้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโผล่หน้ามา

“คุณไม่ได้รอผม?” เห็นสีหน้าของน้ำหวาน ดุสิต ก็รู้แล้วว่าคนที่เธอรอไม่ใช่เขา ทันใดนั้นเขารีบถาม อีก“คุณรอใครอยู่?

ครั้งนี้ น้ำเสียงแฝงด้วยการเค้นถาม

“ฉันจะรอใคร รู้สึกว่าก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณมา กังวลนะ” น้ำหวานฉีกรอยยิ้มออกมา “ถ้าฉันจำไม่ผิด ล่ะก็ ฉันได้เลิกกับคุณไปแล้ว”

“ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน เป็นไปได้ยัง ไงที่คุณบอกว่าเลิกก็คือเลิก?”

“คุณก็รู้ด้วยเหรอว่าความรักเป็นเรื่องของคนสอง คน แล้วทำไมคุณถึงเที่ยวไปบอกคนอื่นทุกเรื่อง?” น้ำ หวานรู้สึกตัวเองจะอารมณ์ขึ้นอีกแล้ว “ดุสิต รบกวน คุณไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ