คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่461: หัวใจสับสนวุ่นวาย



บทที่461: หัวใจสับสนวุ่นวาย

การแต่งตัวและพลานุภาพบนตัวของเควินก็แสดง ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน จัดการกับ มดไม่กี่ตัวช่างง่ายดายมาก นาทีนี้ถูกถ่ายรูปไว้ด้วย แถมยังถูกข่มขู่ เดิมทีผู้หญิงก็ใจเสาะอยู่แล้ว นาทีนี้ยิ่ง ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกแล้ว

ไม่พูดถึงคนที่เดิมทีเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ อยากหาเรื่องใส่ตัวอยู่แล้ว นาทีนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่ถูกปฎิ เสธให้ยืนแบตสำรองก็คงเสียใจจะแย่อยู่แล้ว

“เราไปกันเถอะ”

จัดการเรื่องเล็กน้อยนี้จบ เควินก็จูงมือของพิงกี้ไว้ และพูดอย่างเรียบราบ

พิงกี้ “

เดินออกมาจากโรงหนัง สมองของพิงกี้ยังรู้สึกมึนตึ๊

บอยู่เลย

นี่เป็นละครฉากใหญ่จริงๆ

และ..

เธอหันหน้าไปมองเควิน ดึงแขนเสื้อของเขาเล็ก น้อย “คุณเควิน คุณพูดโกหกเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
คนๆนี้ แต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่ไม่ชอบพูดโกหกหรอ?

แถมยังใช้“อำนาจรังแก “คนด้วย หน้าตาที่บอกว่า จะส่งหมายเรียกศาลเมื่อครู่นี้ดูน่ากลัวจริงๆด้วย

“บางครั้งมันก็จําเป็นนะ” เควินกระแอมทีหนึ่ง และพูดอย่างสงบ

ไม่งั้น จะให้ยอมรับว่าตัวเองทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ ในโรงหนังอย่างนั้นหรอ? ถึงแม้ยากที่ควบคุมอารมณ์ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้พูดออกไปก็ขายหน้าอยู่

“.…………อืม” ในใจลึกๆของพิงกี้ก็คิดแบบนี้เหมือน กัน ไม่นานเธอก็เปลี่ยนประเด็น “แต่ว่า เราจะไปบริจาค เงินหน่อยไหมคะ?”

“บริจาคเงิน?” เควินไม่เข้าใจความหมายของเธอ

“เมื่อกี้….เราทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ ตอนนี้จะบริจาค เงินทําความดีหน่อยไหมคะ?”

“………….” เควินะยักหน้าอย่างสงบ “โอเค”

บริษัทข้ามชาติโมเดิร์นกรุ๊ปทำการกุศลทุกปี แต่ เรื่องการกุศลนี้ทำมากเท่าไหร่ก็ไม่รังเกียจว่าเยอะไป ถ้าบริจาคเงินสามารถช่วยเหลือคนได้มากกว่า และ สามารถทำให้สาวน้อยของเธอสบายใจขึ้น เขาก็มีแต่จะเห็นด้วยอยู่แล้ว

ถึงแม้บริจาคเงินเพื่อเรื่องแบบนี้ เขาเองก็เพิ่งจะ เคยได้ยินครั้งแรก

พอขึ้นรถ พิงกี้นั่งอยู่บนรถและใช้มือถือกดโอนเงิน ออกไป พอบริจาคเงินเสร็จ ในที่สุดก็รู้สึกผ่อยคลายลง มาหน่อยแล้ว

นึกย้อนถึงภาพที่อยู่ในโรงหนัง เธอก็หน้าแดงอีก

แล้ว

เธอหันหน้าไปมองนอกกระจกรถ จู่ๆอดส่งเสียง หัวเราะออกมาไม่ได้

หน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเธอหล่นอยู่ในสายตา ของเควิน ก็ทำให้เขามีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นด้วย

อาจจะเพราะคิดตกแล้ว สภาพจิตใจก็พิงกี้ปรับ เปลี่ยนได้เร็วมาก

พบหมอจิตแพทย์ไปไม่กี่ครั้ง สภาพจิตใจของเธอ ยิ่งอยู่ยิ่งดีขึ้น หลังจากพบหมอมาสี่ครั้ง จงเจตก็บอกว่าต่อไปเธอไม่จําเป็นต้องมาพบจิตแพทย์แล้ว

แน่นอน ถ้ามีอะไรอยากจะระบาย ก็สามารถมา ปรึกษาได้ทุกเมื่อ

พิงกี้ย่อมไม่เอาหมอจิตแพทย์เป็นเพื่อนอยู่แล้ว ถ้า อยากหาคนระบายเรื่องส่วนตัว สู้คุยกับเพื่อนสนิทยังดี กว่า

พอคิดถึงเพื่อนปุ๊บ พิงกี้ก็นึกถึงน้ำหวานอย่างเลี่ยง

ไม่ได้เลย

ไกรสรถูกจับมาดำเนินคดี ได้พูดความจริงของ การก่ออาชญกรรมออกมามากมาย เพราะเขาเป็นผู้ที่มี ตำแหน่งสูงมากในองค์กรSC รู้เรื่องภายในเยอะมาก นี่ ทำให้ผู้ต้องสงสัยมากมายที่ก่อนหน้านั้นหลบซ่อนและ ยังกุมหลักฐานไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างกระจ่าง หมด

ตระกูลภักดีวัฒนากุล ก็เป็นผู้มีอำนาจที่มีความ เกี่ยวข้องอีกหนึ่งตระกูล

แถมยังเป็นตระกูลที่มีที่มาที่ไปร้ายแรงที่สุดด้วย

ไม่ว่าจะทางธุรกิจหรือการเมือง ก็มีคนของตระกูล ภักดีวัฒนากุลอยู่ เกี่ยวพันโยงใยอย่างกว้างขวางมาก
ไม่เพียงแต่ดุสิตเข้าร่วมองค์กรนี้ด้วย สามารถบอก ได้ว่าทั้งตระกูลภักดีวัฒนากุลก็หลุดไม่พ้นเป็นผู้ต้อง สงสัยหมด แทบจะไม่มีคนไหนที่บริสุทธิ์เลย อยู่ภายใต้ สถานการณ์แบบนี้ น้ำหวานอยู่กับดุสิต สามารถพูดได้ ว่าเต้นรำอยู่บนมืดแหลมคม

ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมาย แถม ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้มีอำนาจระดับสูงด้วย ถ้ามีความ เคลื่อนไหวที่โจ่งแจ้งเกินไปในการถอนรากถอนโคน ต้องก่อให้เกิดความโกลาหลแน่นอน ทางฝั่งของเควิน ก็ได้แต่ค่อยๆวางแผน ค่อยๆกำจัด เกรงว่าตระกูลภักดี วัฒนากุลพริบตาเดียวก็จะถูกตีลงจุดต่ำสุด ไม่มีทางให้ พวกเขามีโอกาศปฎิกิริยาตอบโต้แน่นอน

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ไม่ว่าตระกูลภักดี วัฒนากุลคิดจะขัดขืนต่อหรือไม่ สถานการณ์ของน้ำ หวานในตอนนี้ก็อันตรายมาก

ที่สำคัญกว่าคือ ตอนนี้พิงกี้ไม่มีข่าวคราวของน้ำ หวานเลยด้วยซ้ำ

ในใจมีเรื่องเก็บซ่อนอยู่ หลังกลับมาจากคลีนิก ของจงเจต พิงกี้ถามป้ามะลิ พอรู้ว่าวันนี้เควินไม่ได้ออก จากบ้าน แต่อยู่ในห้องอ่านหนังสือ เธอก็รีบไปหาเขา ก่อนเลย

“ก๊อกๆๆ…..
พิงกี้ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ด้านในไม่มีคนตอบ

ห้องอ่านหนังสือเปิดช่องโหว่ไว้ มีเสียงของด้านใน แว่วมา เหมือนเควินกำลังคุยโทรศัพท์ พิงกี้ยืนลังเลอยู่ ที่หน้าห้องไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไป

“นายแน่ใจว่าตระกูลภักดีวัฒนากุลกำลังเคลื่อน ย้ายทรัพย์สิน?”

“หาคนจับตาดูไพโรจน์ไว้ ถึงแม้ภายนอกจะไม่ ชัดเจน แต่เขาเป็นหัวหน้าที่แท้จริงของตระกูลภักดี วัฒนากุลในตอนนี้ เป็นคนที่สำคัญที่สุด……………

“ทางฝั่งของดุสิตมีข่าวคราวอะไรหรือยัง?

ในห้องอ่านหนังสือมีแค่เควินคนเดียว

เขากำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ริมหน้าต่าง สีหน้า เคร่งขรึม แววตาดำเข้มซ่อนความไม่พอใจที่ลึกซึ้งอย่าง ยิ่ง มีความเยือกเย็นที่กดขี่คนมาก

เดิมทีพิงกี้อยากถอยออกจากห้องอ่านหนังสือ เพื่อจะได้ไม่รบกวนเขา แต่แล้ว ได้ยินเควินพูดถึงดุสิต โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นพิงกี้ก็เส้นประสาทตึงเครียด อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าไว้

ในใจขัดแย้งกันมาก
เควินไม่ได้คุยสายนาน หลังจากถามว่าทางฝั่งของ ดุสิตมีข่าวคราวอะไรหรือยัง เขาก็ไม่ได้เปิดปากพูดอีก มีแต่คนที่อยู่ในสายพูดเท่านั้น

พอเขาวางสาย หันหลังมาก็เห็นพิงกี้ที่ยืนอยู่ใน ห้องอ่านหนังสือเลย

“คุณมาได้ยังไง?” เขาถาม

เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จ อารมณ์ที่ค้างอยู่ในเสียง ของเขายังไม่ได้จางหายไป เห็นได้ชัดว่านาทีนี้เสียง ของเขาค่อนข้างเย็นและแข็งกระด้างจนยากที่จะเข้า ใกล้ ถ้าหากคนทั่วไปได้ยิน เกรงว่าคงจะนึกว่ารบกวน เขาทำงาน ดังนั้นจึงทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีแน่เลย

ถึงแม้พิงกี้เข้าใจเขา รู้ว่าเขาจะไม่หงุดหงิดใส่ ตัวเองแน่นอน แต่ก็อดเกรงใจไม่ได้ ยืนอยู่ที่ห้องอ่าน หนังสืออย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

“ฉันมารบกวนคุณหรือเปล่าคะ?”

“เปล่า ” เควินพบว่าอารมณ์ของตัวเองเยือกเย็น เกินไป กลัวทำเธอตกใจ บรรเทาไปครู่หนึ่งถึงเปลี่ยน ประเด็นถามว่า “คุณมาหาผมที่ห้องอ่านหนังสือ เพราะ มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”

“ใช่ค่ะ..……..” พิงกี้ไม่ได้หลบเลี่ยง เพราะอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยงอยู่แล้ว “เมื่อกี้ฉัน ได้ยินคุณถามถึงเรื่องของดุสิต ฉันอยากรู้ว่า……ตอน นี้น้ำหวานเป็นยังไงบ้าง เธอยังอยู่กับดุสิตไหมคะ?”

“ใช่” เควินขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาเย็นเฉียบ “ไม่เพียงอยู่ด้วยกัน ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอยังเข้ามา มีส่วนร่วมกับองค์กรSC ช่วยตระกูลภักดีวัฒนากุล ทำงานไปไม่น้อย อีกอย่าง ตอนนี้เธอทำงานยังแอบอ้าง ว่าเป็นเพื่อนรักของคุณ ส่วนความสัมพันธ์ของคุณกับ ผมก็แน่นแฟ้น เพราะเหตุนี้ตัดปัญหาให้เธอไปไม่น้อย เลย”

“ต๊ะ อะไรนะคะ?” พิงกี้ประหลาดใจจนตาเบิก

กว้าง

เธอคิดไม่ถึงเด็ดขาด เธอมาถามข่าวคราวของน้ำ หวาน คำตอบที่ได้จะเป็นแบบนี้

น้ำหวาน……….

คนที่น่ารัก ไร้เดียงสา และตรงไปตรงมาแบบนั้น เป็นไปได้ยังไงที่จะทำเรื่องแบบนี้?

เธอไม่เชื่อ

พิงกี้ส่ายหัว รีบช่วยน้ำหวานอธิบาย “เควิน เรื่อง นี้ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่เลยค่ะ? ฉันรู้สึกคนที่รวบรวมข้อมูลของพวกคุณก็อาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดได้ ไม่แน่ พวกเขาอาจจะเข้าใจน้ำหวานผิดก็ได้ คุณเชื่อฉันเถอะ น้ำหวานไม่ใช่คนแบบนั้นจริงๆค่ะ”

“ผมก็อยากให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหมือนกัน แต่ จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่ ต้องดูหลักฐานก่อนถึงจะ ตัดสินชี้ขาดได้ ความรู้สึกส่วนตัวไม่ได้อยู่บนพื้นฐาน ของการตัดสินชี้ขาด…..….…..………..

“งั้นหลักฐานล่ะคะ? ในเมื่อคุณบอกว่าต้องมีหลัก ฐานถึงจะตัดสินชี้ขาดได้ งั้นให้ฉันดูหลักฐานได้ไหม? มือที่ห้อยอยู่ข้างกายของพิงกี้กำไว้แน่น

“ได้ เดี๋ยวผมให้คุณดู ผมรู้ว่าน้ำหวานเป็นเพื่อนที่ สำคัญมากสำหรับคุณ เรื่องนี้ถึงคุณไม่มาหาผม ผมก็ จะไปพูดให้คุณฟังเอง คุณก็ไม่ต้องกลัวว่าผมจะจัดการ อย่างไม่ยุติธรรมหรอก แน่นอน ในการจัดการเรื่องของ น้ำหวาน ผมก็หวังว่าคุณอย่าทำงานโดยใช้อารมณ์เป็น ที่ตั้ง โดยที่ขาดความยั้งคิดนะ”

พิงกี้ “

หัวใจเธอสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ในขณะนี่เควินเพิ่งพูดจบ เสียงข้อความจากมือถือ ของเขาก็ได้ดังขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ