คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่351:เตชิตเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?



บทที่351:เตชิตเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

“ไม่รีบ เควินหัวเราะเสียงเบา “ขอแค่คุณเชื่อฟัง ดีๆ ไม่มีคนเห็นหรอกว่าเรากำลังทำอะไรอยู่

พิงกี้หันหน้ามามองเขา

ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังสวมใส่ชุดสูท เน็กไทสีน้ำเงินทั้ง ตัวลงมา ซ่อนอยู่ในเสื้อสูทที่ติดกระดุมไว้อย่างเรียบร้อย ไม่มีตรงไหนที่ไม่เกี๊ยบ ไม่มีตรงไหนที่ไม่เหมาะสม

ส่วนบนตัวเธอมีผ้าห่มบางๆคลุมเอาไว้ ห่อหุ้มตัวเธอ ไว้อย่างแน่นหนา ขอแค่ไม่ขยับไปมั่ว ก็ดูไม่ออกว่าทำ อะไรอยู่จริงๆ

พวกเขาโอบกอดกันยืนอยู่บนระเบียง คนอื่นมีแต่จะ คิดว่าพวกเขากําลังชมวิวอยู่

เพียงแต่…………..

ถูกบังคับให้เขย่งเท้าไว้ ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังโน้มตัว เล็กน้อย เคลื่อนไหวช้าๆครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างจากพายุฝน กระหน่ำของเมื่อกี้ความเร็วแบบนี้เร็วกว่าหอยทากไม่เยอะ ยิ่งทำให้คนรู้สึกทรมานมาก

“คุณเควิน…….” พิงกี้เรียกชื่อเขาออกมาด้วย จิตใต้สำนึก อยากพูดอะไรสักหน่อย แต่ว่ายากที่จะเปิดปากพูด

“เรียกผมมีอะไร?

“เอ่อ…..ไม่มีอะไรค่ะ……

“หืม?” ตรงอกสั่นสะเทือน เควินหัวเราะเสียงต่ำด้วย ความรื่นรมย์ ท่าทางของเขาก็ไม่ช้าไม่เร็วอีกเช่นเคย เขา พูดเหมือนอธิบายให้เธอฟัง “อยู่ข้างนอกกลัวคนอื่นเห็น ดีที่สุดเคลื่อนไหวน้อยๆหน่อย คุณว่าถูกมั้ย?”

……งั้น เข้าไปข้างในไม่ได้หรือคะ?”

“คุณนี่ปากไม่ตรงกับใจเลย อยากเอาแล้วใช่มั้ย?

พิงกี้กัดริมฝีปากไว้ ไม่อยากพูดจา

รู้แล้วยังแกล้งมาถามอีก น่ารำคาญจริงๆเลย

“ใช่มั้ย?” ความโมโหของเมื่อกี้ได้กลายเป็นความ รื่นรมย์หมด เควินก้มศีรษะกัดติ่งหูที่นุ่มนวลของผู้หญิงไว้ พูดอย่างได้คืบจะเอาศอก “ถ้าคุณบอกรักผม บอกว่าต่อ ไปจะไม่พูดจายั่วโมโหอีก ผมก็จะให้คุณ โอเคมั้ย?”

ตอนแรกเขาโกรธ ต่อมาก็รู้สึกผิด แต่ตอนที่พิงกี้พูดคำพูดที่บ้าบอคอแตกว่า “ทำสงครามโดยที่ไม่ต้องแก้ผ้า ถึงจะมีอะไรกับเตชิตก็จะเลือกสถานที่ ตอนนั้นเขาโมโห จริงๆ

กว่าจะสะกดไฟแห่งความโกรธลงไปได้ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ก็ถูกยั่วให้ระเบิดขึ้นมาอีกรอบ

นาทีนี้เวลานี้ กว่าจะได้เปรียบไม่ใช่ง่ายๆ ยังไงก็ต้อง สั่งสอนสาวน้อยของเขาให้เชื่อฟังหน่อย ต่อไปจะได้ไม่ ใช้เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้มายั่วโมโหเขาอีก

“ต่อไปฉันจะไม่พูดจาเหลวไหลอีกแล้วค่ะ” พิงกี้ เปิดปากพูดอย่างแข็งกระด้าง

“คุณลืมบอกรักผม

“ไม่พูด!”

เควินหรี่ตา “จะพูดไม่พูด?”

“ไม่ก็คือไม่!”

“โอเค” ท่าทางของเควินยิ่งช้าลง ขยับแบบขี้เกียจ เป็นครั้งคราว ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องขยับเลยดีกว่า แต่เขา ดันไม่ถอยออกมา ทำให้คนโมโหยิ่งนัก
2 พิงกี้ทนมาสองนาที ในที่สุดก็หงุดหงิดขึ้น มา ยกเท้าเหยียบไปที่เท้าของผู้ชายแรงๆสองที “ฉันชอบ คุณมากที่สุดเลย พิศวาสคุณที่สุด รักคุณที่สุด พอหรือ ยังคะ? คุณมันบ้า คุณมันเป็นพวกชอบทารุณ ดีที่สุดต่อ ไปอย่าตกอยู่ในเนื้อมือฉันก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันเอาคุณตาย แน่!”

“คุณกะว่าจะเอาผมตายยังไง?”

“ถ้าคุณทำไม่เป็น เดี๋ยวผมสอนคุณเอง

“ห้า?”

“ดูดของผมให้แห้งหมด ให้ผมตายไปอย่างเดียว

ฉาว”

“ไสหัวไปเลย!”

“ฮ่าๆ” เควินส่งเสียงหัวเราะออกมา อุ้มเธอไปจาก

ระเบียง

เขาได้สมปรารถนาแล้ว อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย

ย้ายสนามทำสงคราม ในที่สุดพิงกี้ก็ถูกช่วยเหลือออกมาจากความรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต่อมๆแบบนั้นแล้ว หายใจ ยาวๆทีนึงก็ยังรู้สึกไม่พอใจ ยกตัวขึ้นมากัดเข้าที่ไหล่ของ เควิน แววตาได้ใจเป็นอย่างมาก

เขารังแกเธอ เธอก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆนะ

แววตาของเควินมีรอยยิ้มแว๊บเข้ามา ไม่ขมวดคิ้วเลย ไม่แต่นิด เธอกัดเขาก็เหมือนหมาน้อยที่ฟันเพิ่งขึ้น ไม่เจ็บ เลยสักนิด เขากลับทนไม่ไหวที่จะเปิดปากแกล้งเธอ “กัด แรงอีกหน่อยถึงจะสบาย

“.….…….…….” พิงกี้ “ไสหัวไปเลย!”

ผู้ชายที่เมื่อก่อนสุขุมมาก ทำไมตอนนี้ถึงทะลึ่งได้ ขนาดนี้?

ทําสงครามไปรอบนึง ดีที่เควินเป็นคนมีขอบเขต หลังจากเอาไปครั้งนึงก็ได้หยุดแล้ว

พิงกี้ออกมาจากห้องน้ำ สำรวจดูชุดของตัวเอง พบว่า ชุดของตัวเองยับไปหมดใส่ออกไปเจอคนไม่ได้แล้วด้วย ซ้ำ…….ถ้าขืนยังใส่อีก คนอื่นมองแว๊บเดียวก็สามารถดู ออกว่าเธอไปทำเรื่องทั่วๆอะไรมา
ปวดหัวจริงๆ

กําลังกลุ้มใจอยู่ เควินหยิบมือถือเดินมาพอดี “ผมให้ รังสิตไปขับรถแล้ว เดี๋ยวเราก็กลับกันนะ

“แบบนี้จะดีหรือคะ?” พิงกี้อยากกลับจะแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลัวจะทิ้งความรู้สึกไม่ดีไว้กับตระกูลภิรมย์ภักดี “ถ้า เราไปก่อน คุณปู่คุณย่าจะไม่ชอบใจหรือเปล่าคะ?”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมบอกว่ามีเรื่องงานต้องทํา ขอตัว

ไปก่อน”

“อ๋อ โอเคค่ะ” พิงกี้ตอบตกลง จู่ๆนึกขึ้นมาได้เรื่อง นึง “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้คุณไม่ใช่บอกว่ามีของดีให้ฉันดู หรอคะ ไหนของล่ะ? คุณคงไม่ใช่หลอกฉันมั้งคะ?”

แววตาที่สงสัยสำรวจผู้ชายไปรอบนึง สุดท้ายหล่น อยู่ที่ระหว่างขาของผู้ชาย “ของดีที่คุณบอกจะให้ฉันดู คง ไม่ใช่อันนี้มั้งคะ?”

“ไม่ใช่!” หายใจลึกๆทีนึง เควินหน้าทิ้งล้วงลั่งเปา บางๆออกมาหลายซอง “นี่คือลั่งเปาที่ลุงเขยกับคุณยาย ให้คุณ ตอนนั้นหาคุณไม่เจอ พวกเขารีบด้วย เลยเอาอึ่ง เปาฝากไว้ที่ผม
พิงกี้ “………….”

ดูท่าแล้ว เธอจะสงสัยผิดจริงๆ

มีอังเปาแล้ว พิงกี้เปิดซองอังเปาอย่างหน้าชื่นตา บาน มีรายได้เข้ามาอีกแปดสิบล้าน ความโกรธของเธอ ได้จางหายไปในพริบตา “ท่านประธาน ได้ถูกเรียก เป็น“ที่รัก”อีกครั้ง

เควินอดขำไม่ได้ ยื่นมือฝากซาลาเปาใส่หน้าผากเธอ ลูกนึง “หน้าเงินจริงๆ

พิงกี้เอาผ้าคลุมไหล่คลุมอยู่ที่บนตัว อย่างน้อยก็ สามารถปิดรอยยับของกระโปรงตัวเองได้หน่อย ตามเควิน ขึ้นไปขอตัวกลับก่อนกับคุณย่าและญาติๆที่ชั้นบน จากนั้น ทั้งสองถึงได้ลงไปที่ลานจอดรถ

พอขึ้นรถ พิงกี้ถึงได้โล่งอกไปที

เดิมทีนึกว่าวันนี้คืองานเลี้ยงที่ไม่เจตนาดี ยังไงก็ต้อง ถูกทำให้ลำบากใจ คิดไม่ถึงเรื่องแปลใจเกิดขึ้นจริงๆ และ ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เลวเลย

เพียงแต่…..
เตชิตเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?

สายตาหล่นอยู่ที่นอกหน้าต่างอย่างไม่ได้ตั้งใจ พิงกี้ เอามือท้าวคางไว้ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เหล้าเพียวๆลงมาสู่ท้องอีกแก้วนึง ดวงตาพราวเสน่ห์ ของเตชิตหรี่เล็กน้อย แสงไฟหล่นอยู่ในตาของเขา ความ เป็นมาดเพลย์บอยที่มีเสน่ห์ทำให้คนหัวใจเต้นแรงบนตัว เขายิ่งอยู่ยิ่งเผยออกมาอย่างชัดเจน ดึงดูดสายตาของ หญิงสาวทั้งหลายที่แอบจ้องมองเขา

แต่ว่า สีหน้าของเขาเยือกเย็นมาก สีหน้าแววตาเย็น ชา นอกจากเพื่อนสนิทในวงการที่นั่งพูดคุยอยู่ข้างกาย เขา คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เขาเลยแม้แต่น้อย

“เตชิต นายอารมณ์ไม่ดีหรอ?” ธีระก็ดื่มเหล้าไปจน เต็มท้อง เทเหล้าให้ตัวเองและเตชิตจนเต็มแก้ว ยิ้มและชู แก้วให้เขา “วันนี้ฉันก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน มา เราสอง คนดื่มให้หมดแก้วไปเลย!

เพราะก่อนหน้านั้นเตชิตราวีกับพิงกี้ไม่เลิก ส่วนเขา ก็ไปราวลิสากันเหมือนกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเต ชิตไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ความสัมพันธ์ของเขากับเตชิตจืดจางไปแล้ว คนอื่น ต่างก็อยู่ข้างเตชิต ความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่นก็ยิ่งอยู่ ยิ่งห่างเหินกัน

ตอนนี้ลิสาเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ตอนนี้เขาอยาก พยายามกู้คืน อยากกลับเข้ามาในวงการนี้ใหม่

วงการนี้นอกจากเตชิต ยังมีภูวเนศ ปฐพี สาคร หลาย คนนี้ต่างก็เป็นไฮโซชาติตระกูลดีที่มีชื่อเสียงในเมือง หลวงนี้ทั้งนั้น ทุกคนต่างก็มีชาติตระกูลสูงส่งกว่าตระกูล ศิลปาการสกุล เขาคบค้าสมาคมกับพวกเขามีแต่ข้อดี ไม่มี ข้อเสีย

เตชิตไม่ได้เคลื่อนไหว

“เตชิต เมสักแก้วมั้ย?” ธีระถามอีก

เขามองเตชิตด้วยความคาดหวัง เตชิตกลับยกมุม ปากไม่คิดจะสนใจเขา

เมื่อก่อนธีระไม่ได้ทำอะไรให้เตชิตไม่ชอบใจ เขา ก็ได้เห็นเขาเป็นพี่น้องอีกคน แต่ตอนนี้ แม้แต่มองเขาที นึงเขายังรู้สึกบาดตา โดยเฉพาะหลังรู้เรื่องบางอย่าง เขา รู้สึกคนๆนี้นั่งอยู่ที่ข้างกายเขายังทำให้อากาศรอบๆตัวเขา เป็นมลพิษด้วย
คนแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะคุยกับเขา

มองดูแก้วที่ถูกธีระหยิบขึ้นมาแล้ววางลง เตชิตยื่นมือ ออกมาอย่างไม่พอใจ เรียกพนักงานเสิร์ฟที่ถือถาดอยู่ไม่ ไกลมา “แก้วเหล้าของฉันสกปรกแล้ว เปลี่ยนเหล้าให้ฉัน แก้วนึง”

“คุณผู้ชายต้องการเหล้าอะไรครับ?

“ขอวอดก้าแก้วเดียวก็พอ”

“ได้ครับ”

วอดก้าวางอยู่ที่ตรงหน้าของเตชิต ทันใดนั้นมีระ สีหน้าเปลี่ยนทันที

เมื่อกี้เขาเทเหล้าให้เตชิต ก็เทวอดก้าให้เหมือน กัน แต่เตชิตไม่เพียงแต่ไม่ดื่ม แถมยังให้เปลี่ยนแก้วใหม่ เปลี่ยนแก้วใหม่ก็แล้วไป ยังมาพูดว่าแก้วเหล้าสกปรก

เขาแค่ถือแก้วไปแป๊บเดียวเองไม่ใช่หรอ?

นี่จงใจให้เขาตกที่นั่งลำบากชัดๆ!

หางตาเหลือบมองเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของธีระ เห็นเขาอารมณ์ไม่ดี เตชิตก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที เขายิ้มมุม ปากเล็กน้อย ซดเหล้าไปกริ๊บนึง รสชาติที่แสบร้อนไหล ลงจากช่องปากสู่กระเพาะ เผาไหม้อย่างทรมาน และเผา ไหม้อย่างสบายเช่นกัน

เพราะรู้สึกอึดอัด ปฐพีที่นิสัยดีกำลังจะเปิดปากพูด คลี่คลายสถานการณ์ ในขณะนี้นี่เอง เสียงๆนึงได้ทำลาย บรรยากาศที่ตื่นเต้น

ไกรสรถือแก้วไวน์เดินมา พร้อมส่งสัญญาณให้เตชิต “เตชิต มานี่หน่อย พ่อมีเรื่องจะถาม

“เหอะ……” เตชิตก้มหน้าและส่งเสียงเย็นชาออก มาทีนึง เสียงนี้ฟังแล้วเหมือนคำพูด “ครับ” คนอื่นไม่ได้ สังเกตุเห็น แต่มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าในใจต่อ ต้านที่จะคุยกับไกรสร ถึงแม้จะแค่คำพูดเดียวก็เถอะ

ทั้งสองเดินออกมาจากห้องโถง ได้หามุมที่ค่อนข้าง

เงียบสงบ

ไกรสรสำรวจดูซ้ายขวาด้วยความเคยชิน ในที่สุด สายตาก็ได้หล่นอยู่ที่บนตัวของเตชิต เขาถามด้วยน้ำ เสียงเยือกเย็น หนักแน่น และหมดความอดทน “ไม่ใช่ให้แกไปพูดคุยสื่อสารกับพิงกี้ให้เยอะๆหน่อยหรอ ทำไมวัน นี้แกเอาแต่มุดหัวอยู่กับเพื่อนเลวๆพวกนั้นของแก แถมยัง เอาแต่ดื่มเหล้าทั้งคืนด้วย ฮะ?”

“อ๋อ….นี่พ่อจะถามเรื่องนี้หรอ? คืนนี้ผมดื่มหนัก ไปหน่อย ตอนที่ไปหาพิงกี้ได้ลวนลามเธอ และถูกเควิน มาเห็นเข้าพอดีเลย………… เตชิตยกมุมปากขึ้นอย่าง ร้ายๆ มองไกรสรด้วยสีหน้าไม่แยแส “คุณไกรสร ต้องขอ ขอโทษด้วยจริงๆ ต่อไปผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้แล้ว”

เขายกมือลูบไล้ริมฝีปาก เหมือนยังรําลึกถึงความ หลังอะไรอยู่

“นี่แก……สารเลว!” ไกรสรโกรธกริ้วขึ้นมาทันที ตบ ไปที่หน้าของเตชิตอย่างโหดทีนึง และตะคอกเสียงต่ำ “นี่แกจงใจทำแบบนี้ใช่มั้ย?

“ผมจะจงใจทำได้ยังไง? พ่อก็รู้อยู่ว่าผมชอบพิงกี้ มาโดยตลอด บวกกับดื่มเหล้าไปด้วย ผมทนไม่ไหวก็ไม่ แปลกเลยไม่ใช่หรอ? ต่อไปผมไม่มีหน้าไปโผล่อยู่ที่ตรง หน้าของพวกเขาแล้ว ผมก็จนปัญญาเหมือนกัน นี่ไม่ใช่ แค่ทำลายแผนของพ่ออย่างเดียวนะ แต่พวกเขาถือว่าได้ ตัดขาดความเป็นเพื่อนกับผมไปแล้วด้วย” เตชิตหัวเราะ เยาะทีนึง ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างในใจได้ฟุ้งกระจาย ขึ้นมาอย่างไว
เขาได้แต่ยิ้มอย่างไม่แคร์ ถึงจะสามารถปกปิดความ โกรธและความหนักหน่วงของในใจได้

“ไอ้ลูกเนรคุณ!” ไกรสรยกมือขึ้น เตรียมอยากจะตบ อีกที แต่สายตาที่เยือกเย็นของเตชิตได้จ้องเขาอยู่อย่าง นั้น

“ทำไม ตีผมจนเสพติดแล้วใช่มั้ย?” เตชิตถามอย่าง เมินใส่ “ว่าไปแล้ว ก่อนหน้านั้นพ่อไม่ใช่ยังเปรยกับผมว่า ให้จัดการเรื่องด้วยความเป็นธรรมเพื่อปกป้องตัวเองหรอ? ทำไมตอนนี้กลับมาบังคับผม ให้ผมไปหลอกถามข้อมูล เป็นเพราะว่าคิดไปคิดมาเสียดายตำแหน่งใหญ่โตของ ตอนนี้ เลยยอมตัดใจไปตายไม่ใช่มั้ย?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ