คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

บทที่421 บอกมาเถอะว่าคุณต้องการอะไร



บทที่421 บอกมาเถอะว่าคุณต้องการอะไร

หลังจากพิงกี้ยูเทิร์นและขับไปแค่สองซอย ก็มี สายเรียกเข้าจากมาลาตีแล้ว

“พิงกี้ แกรีบมาหาฉันที่โรงพยาบาลด่วนเลย ฉัน รออยู่โรงพยาบาลที่ภูผาพักอยู่! อ้อ~ใช่แล้ว แกมาคน เดียวและห้ามพาคนอื่นมาด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น…..เหอะ ถึงเวลาลูกแกเป็นอะไรขึ้นมา แกก็อย่าหาว่าฉันผู้ที่เป็น แม่คนนี้ใจร้ายก็แล้วกัน”

มาลาตีที่อยู่ในสายวางท่าสั่งการ อาจจะเพราะมี น้องแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในมือ เธอมีตัวประกันจึงไม่เกรงกลัว ไม่ ต้องกังวลเลยด้วยซ้ำว่าพิงกี้จะไม่ทำตามคำสั่งของเธอ

มาลาตีหัวเราะเย็นชาทีนึง ทันใดนั้นทำให้หัวใจ ของพิงกี้เหน็บหนาวเหมือนแช่อยู่ในน้ำแข็ง

อากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว แต่เธอกลับหนาวจน

ตัวสั่น

มาลาตีกล้าทำอยู่แล้ว

เธออาจจะใจดำทำไม่ลงกับคนอื่น แต่ดันใจดำกับ ลูกสาวคนนี้ได้ลงคอ!

“คุณให้ฉันไปทำไม?” พิงกี้ถาม

ถึงแม้จะจิตใจกระสับกระส่าย ไม่มีความมั่นใจแต่พิงกี้ไม่เพียงไม่เหยียบเบรค กลับเหยียบคันเร่งเพิ่ม ความเร็วขึ้น

ในเมื่อรู้ว่ามาลาตีอยู่ที่นั่น เธอต้องไปหาเธออย่าง แน่นอน

สําหรับความปลอดภัยของตัวเอง………..

ขอแค่น้องแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในมือของมาลาตี งั้นเธอก็ คิดเยอะ นาดนั้นไม่ได้แล้ว

“ให้แกมาแกก็มาสิ ไม่ต้องมามัวแต่พูดจาไร้สาระ นี่แกอยากยืดเยื้อเวลาใช่มั้ย?” เสียงของมาลาตีดุร้าย มาก “ฉันจะบอกแกให้นะ นอกจากแกแล้ว ถ้าคนของ เควินมาแม้แต่คนเดียว ฉันก็จะบีบคอลูกชายแกตาย เลย!”

“ภูผาล่ะ?”

“ภูผาถูกแกทำจนเข้าห้องไอซียูแล้ว ตอนนี้เขา นอนสลบไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ แกอย่าเพ้อฝันว่าภูผา จะมาช่วยแกได้เลย! ฉันจะบอกแกให้นะ ครั้งนี้ถึงแก ขัดขืนยังไงแกก็ต้องฟังฉันอยู่ดี!555

มาลาตีหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

พิงกี้ไม่ได้พูดคยกับมาลาตีนานเท่าไหร่ อาจจะเพราะมาลาตีขี้เกียจรับมือกับเธออีก จึงได้วางสาย โดยตรงไปเลย พิงกี้โทรไปอีกก็โทรไม่ติด

พิงกื้อกสั่นขวัญแขวนตลอดทาง

กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลที่ภูผาพักอยู่ไม่ใช่ง่ายๆ เธอลงจากรถปุ๊บก็เข่าอ่อนเลย แค่ไม่ระวังหน่อยก็ล้มลง กับพื้นแล้ว โชคดีที่เธอตาไวมือไวจับประตูเอาไว้ได้ทัน

สะกดอารมณ์เอาไว้ พิงกี้พยายามให้ตัวเองใจเย็น ลงมา และเข้มแข็งขึ้นมา จากนั้นก็เดินเข้าไปที่โรง พยาบาลคนเดียว

พอเดินขึ้นมาที่ขั้นบันได จู่ๆเสียงโทรศัพท์กลับดัง

เธอหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า ไม่นึกเลยว่าจะ

เป็นหทัยรัตน์

ปฎิกิยาแรกคือ พิงกี้คิดว่าหทัยรัตน์น่าจะรู้เรื่อง ที่มาลาตีลักพาตัวน้องแอ๊ปเปิ้ลไปแล้ว

จริงๆซะด้วย…………

“พิงกี้ นี่เธอดูแลหลานฉันยังไง? ฉันบอกตั้งนาน แล้วว่าคนของตระกูลดำรงกูลไม่ใช่คนดีอะไร ให้เธอ รีบตัดขาดกับมาลาตี และไม่ต้องไปสนใจเรื่องของภูผาอะไรนั่น แต่เธอดันนึกว่าเธอเป็นแม่พระ ดันจะเข้าไปยุ่ง ให้ได้! ทีนี้เป็นไงล่ะ ลูกชายเธอใกล้จะถูกนังผีบ้าคนนั้น ทำจนตายแล้ว ทีนี้เธอพอใจหรือยัง?”

พิงกี้หายใจลึกๆทีนึง แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ฉันจะบอกให้นะ เท่าที่ฉันรู้จักมาลาตี เกรงว่าเธอ คงจะใช้แอ๊ปเปิ้ลมาข่มขู่เธอ ให้เธอแท้งแล้วไปช่วยภูผา ฉันไม่สนหรอกว่าเธอมีวางแผนยังไง แต่ฉันทนดูหลาน ฉันเกิดเรื่องไม่ได้แน่นอน! เธอจะทำยังไง เธอก็ชั่งน้ำ หนักดูเอาเองก็แล้วกัน!”

ตะคอกประโยคนี้เสร็จ ก็ได้ยินเสียงที่หทัยรัตน์ โยนมือถือทิ้งดัง“ปัง”ทีนึง เสียงที่ดังสนั่นสะเทือนจน แก้วหูของพิงกี้เจ็บ

พิงกี้อึ้งค้างไว้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างเหม่อลอย พร้อมน้ำตาคลอเบ้า

เธอกำกระเป๋าไว้แน่น ราวกับว่าแบบนี้สามารถเพิ่ม ความกล้าหาญให้เธอได้ไม่น้อย

หลายเดือนมานี้เธอเข้ากับหทัยรัตน์ได้ดีมาโดย ตลอด ไม่ได้เห็นสีหน้าโกรธกริ้วของหทัยรัตน์มานาน มากแล้ว ว่าไปแล้ว……..เธอทำไมถึงนึกว่าหทัยรัตน์จะ แก้นิสัยได้จริงๆนะ?
พอถูกหทัยรัตน์ด่าปุ๊บ ในใจเธอรู้สึกกล้ำกลืนมาก แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างน่าแปลกใจ

ใช่ เธอสมควรถูกด่า

เธอก็รู้สึกว่าตัวเองสมควรตายจริงๆ!

รู้ทั้งรู้ว่ามาลาตีเป็นคนที่เลือดเย็นขนาดนั้น เธอยัง ไปคิดถึงสายใยแห่งครอบครัวอะไรนั่นอีก ไม่อยากถูก ใส่ร้ายป้ายสีจากคำซุบซิบนินทา เป็นถุงเงินถุงทองให้ มาลาตีอย่างเปล่าประโยชน์ไปนานขนาดนั้น เลี้ยงจน เธอค่อยๆเหิมเกริมและใจกล้าซะขนาดนั้น

เธอไม่มีความรักระหว่างแม่ลูกให้กับมาลาตีตั้งนาน แล้ว แต่เธอนึกว่ามาลาตีที่พิการแล้วเป็นแค่มดตัวนึง ทำ เรื่องร้ายแรงอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เธอกลับคิดผิดอย่าง มหันต์

เอามือถือใส่เข้าไปในกระเป๋าเหมือนเดิม พิงกี้เม้ม ปากและเดินเข้าไปในห้องโถงของพยาบาล

พอถึงหน้าห้องไอซียู พิงกี้กลับไม่เห็นร่างเงาของ มาลาตี เธอหยิบมือถือออกมาโทรหามาลาตี กลับได้ยิน มาลาตีพูดอย่างเย็นชาคำเดียว “ฉันอยู่โซนพักผ่อน ของชั้นบนสุด แกขึ้นมาเลย”

มาถึงที่โซนพักผ่อนของชั้นบนสุด พิงกี้ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องแอ๊ปเปิ้ลเป็นสิ่งแรก

ทันใดนั้นนั้น เธอรู้สึกบีบคั้นหัวใจสุดๆ

เดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าว แว๊บแรกเธอก็เห็น มาลาตีที่นั่งอยู่บนรถเข็นและถูกต้นไม้ใหญ่บังเอาไว้ ใน ขณะที่อ้อมผ่านต้นไม้ใหญ่ เธอก็เห็นร่างเงาเล็กๆที่ถูก มาลาตีควบคุมไว้อยู่ในอ้อมอก

แอ๊ปเปิ้ล!

เด็กน้อยร้องไห้อย่างเสียใจสุดขีด ดูเหมือนว่า ก็รู้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ร้องไห้จน เสียงแหบหมดแล้ว หลังจากเห็นร่างเงาของพิงกี้เดินมา ทันใดนั้นเด็กน้อยน่าสงสารยิ่งรู้สึกกล้ำกลืนเข้าไปใหญ่

น้องแอ๊ปเปิ้ลพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ มือน้อยๆที่ อ้วนท้วนสมบูรณ์ยื่นมือมาทางพิงกี้ อยากให้เธออุ้ม

เขาร้องไห้ฟูมฟายใหญ่เลย แต่มาลาตีที่ขึ้นชื่อว่า เป็นคุณยายกลับไม่สงสารเลยแม้แต่น้อย

เพราะน้องแอ๊ปเปิ้ลขัดขืนและขยับอย่างไม่หยุด อีกนิดเดียวก็ทำให้มาลาตีอุ้มไม่อยู่ นี่ทำให้ไฟแค้นที่อยู่ ในใจของเธอยิ่งลุกท่วมเข้าไปใหญ่ อย่าว่าจะสงสาร เลย กลับกันเธอยังด่าทอน้องแอ๊ปเปิ้ลอย่างหมดความ อดทนด้วย “ไอ้เด็กเวร หบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หน้าตาที่ทั้งใจจืดใจดำและร้ายกาจ ดูแล้วทำให้ น้องแอ๊ปเปิ้ลกลัวและตกใจ ทันใดนั้นเขาได้หยุดร้อง จริงๆ

“บอกมาเถอะ คุณต้องการอะไร?” มาลาตีสงสาร น้องแอ๊ปเปิ้ลจะแย่อยู่แล้ว แทบอยากจะไปแย่งตัว เขามา แต่เขายังอยู่ในอ้อมอกของมาลาตี เธอไม่กล้า ทำอะไรบุ่มบ่าม ได้แต่พยายามถามวัตถุประสงค์ของ มาลาติโดยเร็ว

ถ้าเหมือนที่หทัยรัตน์พูดจริงๆ เธอคง………

คงต้องยอมแล้ว

ในท้องยังมีลูกคนนึงที่ไม่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ แล้วจะเทียบชีวิตน้อยๆที่เกิดมาบนโลกใบนี้อย่างน้อง แอ๊ปเปิ้ลได้ยังไงล่ะ?

พิงกี้ยอมรับว่าตัวเองโหด แต่ว่าเธอไม่โหดไม่ได้

ไม่ว่าจะน้องแอ๊ปเปิ้ลหรือลูกที่กำลังอยู่ในท้อง ล้วนแต่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอทั้งนั้น

“ฉันจะทำอะไร แกคงจะเดาออกตั้งนานแล้วไม่ใช่ หรอ?”มาลาตีหัวเราะเสียงดัง

ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน มาลาตีซูบผอมกว่าก่อนหน้านั้นไปเยอะ โหนกแก้มที่ดูสูงและคิ้วที่คมกริบ เหมือนมีดทำให้เธอดูแล้วใจจืดใจดำและเข้าหาได้ยาก แววตาที่ร้ายกาจของเธอยิ่งทำให้คนรู้สึกกลัว

พิงกี้หายใจลึกๆทีนึง

มาลาตีเอาของที่อยู่ในมือโยนไปที่เธอและพูด อย่างให้ทานว่า “นี่เป็นยาทำแท้งที่ฉันซื้อมา แกกินมัน ซะ และอยู่ที่นี่หนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วฉันจะคืนลูกชายให้ แกเอง ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็……..ฮึ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ